เสรี รุ่งสว่าง น้ำตาคลอ แถลงปม ครูชลธี ฟ้องลิขสิทธิ์เพลง

เสรี รุ่งสว่าง-จากกรณีที่ นายสมนึก ทองมา อายุ 83 ปี หรือ “ชลธี ธารทอง” ครูเพลงเทวดา นักแต่งเพลงและศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงปี 2542 พร้อมด้วย นายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกูล ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สมศักดิ์ ทองกร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองลพบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ นายเสรี รุ่งสว่าง นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง และเป็นอดีตลูกศิษย์ของครูชลธี ในนาม (เสรีเรคคอร์ด) บริษัท เคที เมจิกไลน์ จำกัด กรณีละเมิดลิขสิทธิ์เพลงที่ตนเองแต่งไว้ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด 15.00 น. วันที่ 5 ส.ค.63 ที่บริษัท สบายดีมาร์เก็ตติ้ง นายเสรี รุ่งสว่าง ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงเรื่องดังกล่าวโดยเผยว่า..”เมื่อบ่าย3โมง วันที่3 ส.ค ที่ผ่านมา ตนได้รับข่าวว่าครูชลธีไปแจ้งความ เรื่องลิขสิทธิ์เพลง ว่าตนนั้นไปละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ซึ่งตนนั้นงงมากๆ เพราะตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าครูชลธีจะแจ้งความจับตนเรื่องลิขสิทธิ์เพลง และจะเป็นไปได้ยังไง เพราะว่าครูเปรียบเสมือนพ่อและตนก็เป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดมากที่สุด ไปมาหาสู่ตลอด ไม่นึกไม่ฝันว่ครูกูจะมาฟ้อง แต่พอมาเช็คข่าวในโซเชี่ยล ก้ถึงทราบ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าครูคิดยังไง คิดแบบไหน เพราะว่า 40 ปีที่ตนกับครูได้รู้จักกัน ก็เปรียบเหมือนเป็นลูกศิษย์ เป็นเหมือนพ่ออีกคนหนึ่งในวงการ ซึ่งพ่อที่ให้กำหนดคือพ่อยุ้ยและพ่อที่ให้ชื่อเสียงในวงการก็คือ ครูชลธี ธารทอง และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับครูเลย

สองวันตั้งแต่แรกที่รู้ข่าวก็งงมากๆ แล้วก็ไม่ทันได้ให้ข่าวใคร เพราะก็กำลังดูทีท่าว่าทางด้านครูจะเอาอย่างไรต่อ แต่ที่ออกมาพูดตรงนี้เพราะอยากอธิบาย ยกตัวอย่างสมมุติ ตนซื้อ เพลงเทพธิดาผ้าซิ่น มาหนึ่งเพลง ซึ่งเมื่อในอดีตตนก็เคยร้องไว้เมื่อปีพ.ศ. 2529 ซึ่งปัจจุบันก็ได้ซื้อมาทำใหม่ คือการทำใหม่จะต้องนำมาเปลี่ยนดนตรีจากของเดิมนิดหน่อย แต่ว่าเนื้อร้องจะเป็นของเดิม สมมุติหากจะมีคนเอา เพลงเทพธิดาผ้าซิ่น ไปประกวดร้องเพลงก็จะกลายเป็นว่าตอนี้มีสองเวอร์ชั่น หากนักร้องประกวดเลือกเอาเวอร์ชั่นแรกไปก็ต้องใช้เวอร์ชั่นแรก แต่ถ้าจะเอาเวอร์ชั่นของตนที่ทันสมัยขึ้น ก็ต้องแยกให้ได้ว่าเนื้อร้องต้องไปซื้อกับครูชลธี แต่ซาวด์ดนตรีต้องมาซื้อกับต้น ซึ่งที่ตนทำ ก็ทำแบบนั้น ไม่เคยพูดว่าซื้อขาด คือซื้อมาแค่หนึ่งเวอร์ชั่นเท่านั้น และตนเชื่อว่าเพลงทุกเพลงที่ทาง ครูชลธี เอามาแจ้งความนั้น ครูได้ฟังหมดแล้วทุกเพลง เพราะว่ามันไม่ได้เพิ่งออก ณ ปัจจุบัน มันออกมานานแล้ว พอสมควร แล้วตอนที่เพลงออกมาใหม่ๆ ครูฟังแล้วก็ยังเฉยๆ ไม่ได้มีทีท่าจะแจ้งความ จนกระทั่งล่วงเลยมาเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็เลยทำให้ตนงง แต่ขอพูดให้ฟังได้เลยว่าหลักฐานในการซื้อลิขสิทธิ์เพลงจากครูชลธีมีครบ

ตนเป็นลูกศิษย์ ครูชลธี มา 40 กว่าปี ตนไม่กล้าที่จะละเมิด ไม่กล้าที่จะเอาเพลงมาทำส่งเดชหรอกตนไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน ที่ตนออกมาบอกวันนี้ อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั่วประเทศและสื่อมวลชนทุกแขนงได้รับทราบว่าตนมีหนังสือสัญญา มีการซื้อขายอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอยากจะฝากถามครูว่า ครูคิดอะไร?

เสรี รุ่งสว่าง กล่าวต่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า ว่า ระหว่างตนกับครูไม่เคยมีเรื่องอะไรกัน เวลาเจอกันตั้งแต่ตอนออกเพลงมานั้น เจอกันจะเป็น 100 ครั้ง ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่อยู่ๆมาฟ้อง ไม่รู้คิดอะไรอยู่ อย่างล่าสุดที่เจอกันในวันเกิดของตนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางครูชลธีก็มางานตน ซึ่งตนก็เคารพรักมากๆ ต้นรู้สึกเสียใจที่น่าจะบอกกันสักคำว่าเอาเพลงไปทำแบบนี้มันไม่ดี มันไม่ได้ ตนจะได้มีคำอธิบาย แต่นี่ไม่เคยมีการได้คุยกัน ที่ทางครบอกว่าน่าจะยกหูโทรหาแกสักนิดก็ไม่มีตนก็เลยไม่เข้าใจว่า เพลงของตนออกไปตั้งนานแล้ว จะไปยกหูตอนนี้ได้อย่างไร เพราะเพลงพี่ตนออกไปก็ผ่านหูครูชลธีทั้งนั้น และหลังจากที่ออกเพลงมาก็เจอกันบ่อยมาก งานที่นครสวรรค์ตนก็ไปช่วย และไม่ว่าจะเป็นงานอะไรที่ทางครูชลธีได้บัญชา ตนไปทุกงาน ไปช่วยทุกที่ ถึงแม้จะได้เงินบ้าง ไม่ได้เงินบ้าง และส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้เงิน ตนก็ไป

จึงอยากจะยืนยันกับพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่านว่าตนไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งตนมีหนังสือสัญญา (ที่วางอยู่ตรงหน้า) ซึ่งไม่ใช่แค่เพลงของครูชลธีเจ้าเดียวเท่านั้นที่ตนซื้อ แต่ตนซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงของผู้หญิงหรือของผู้ชาย ตนก็ซื้อถูกต้องตามกฎหมายหมด และตนก็มีทนายสมภพ เป็นทนายส่วนตัวที่ดูแลมาโดยตลอด

ส่วนเรื่องที่จะมีใครอยู่เบื้องหลังในการที่ทำให้ครูชลธีออกมาแจ้งความฟ้องร้องตนหรือไม่นั้น ตนไม่รู้เพราะด้านครูต้องรู้ตัวเอง ซึ่งอย่างที่บอกตนเป็นลูก ถ้าหากมีใครมายุแหย่ ท่านต้องบอก ไม่ได้ เสรี รุ่งสว่าง เป็นลูกฉันต้องเรียกมาคุยไม่ใช่ว่าไปแจ้งความจับ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ก็ดีทุกสิ่ง ทุกอย่าง คุยกันดี เจอหน้าทุกครั้งก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน ตอนนี้ถึงได้เสียใจ ซึ่งพอผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะโทรเคลียร์หลังไมค์หรือนัดไกล่เกลี่ยหรือไม่นั้น นักร้องคนดังเผยว่าตนไม่ได้ผิดอะไร ทำไมต้อไกล่เกลี่ย อีกอย่างตนไม่รู้ว่าอีกฝ่าย ได้แจ้งความจับหรือไม่ รู้แค่ว่าลงบันทึกประจำวันเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ไว้ที่จังหวัดลพบุรี

ทนายสมภพ กล่าวเสริมว่า ในส่วนข้อเท็จจริงต่างๆ ด้าน เสรีรุ่ง สว่าง ยังไม่เคยเห็นข้อมูล แต่ที่พูดมาทั้งหมดนั้น และออกมาให้ข่าวกับสื่อ เพราะทางเราได้ข่าวมาทางโซเชียลเท่านั้น ในส่วนของข้อมูลจริงว่าจะดำเนินคดีอะไร หรือลักษณะถูกกล่าวโทษแบบไหนนั้น ทางเรายังไม่เห็น เพราะยังไม่มีหมายมามาจากตำรวจ แต่ถ้าหากได้เห็นตรงนั้น ถึงจะมีความชัดเจนให้กับพี่ๆสื่อ ส่วนในลิขสิทธิ์ที่ซื้อมานั้นก็ได้ซื้อตรงมาจาก ครูชลธี ธารทอง เลยเป็นลายเซ็นของครูเองทุกฉบับ

เสรี รุ่งสว่าง และ ทนายสมภพ

เสรี รุ่งสว่าง กล่าวอีกว่า การซื้อเพลงมา หนึ่งครั้ง เขาจะอนุญาติให้ทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง แต่ซื้อครั้งเดียว ก็ต้องใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และครั้งเดียวนั้นก็จะอยู่ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน เป็นเวอร์ชั่นของเรา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตน หรือใครที่ซื้อไปก็จะทำให้หนึ่งเวอร์ชั่นเท่านั้น แต่หากจะทำใหม่ก็ต้องซื้อใหม่

เสรี รุ่งสว่าง กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้เป็นนายห้างทำเพลง ในชีวิตหนึ่งชีวิตของตัวเอง ก็อยากมีเวอร์ชั่นอ ของตัวเองไว้หนึ่งเวิร์ชั่น เพราะตนก็ร้องเพลงมาทั้งชีวิต แต่ที่ร้องไป กลับไม่ใช่ของตัวเองเลย เป็นของบริษัททั้งหมด ตนจึงอยากจะร้องไว้เพื่อวันข้างหน้า อาจจะเอาไว้ฟังเองและเอาไว้ร้องเอง แต่ในเชิงของการค้าเอาไปลง YouTube หากมีคนมาฟังเพลงในเวอร์ชั่นของตน เงินค่ายอดวิวต่างๆ ก็จะเข้าของตน ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะทุกบริษัทก็จะทำแบบนี้ แล้วทางครูได้อนุญาติแล้ว

ซึ่งหากถามว่าซื้อเพลงจากครูชลธี ทั้งหมดกี่เพลง ต้องขอบอกว่าซื้อมาเยอะ และเพลงที่ทางครูนั้น ได้แจ้งความไปตนก็ซื้อมาหมดแล้ว รวมแล้วก็เกือบ 20 เพลง รวมมูลค่าทั้งหมดก็หลักหมื่นแสน ซึ่งจริงๆครูกับตนเหมือนหนึ่งเดียวกัน แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่เอาฟรี ก็กลัวว่าจะมีแบบวันนี้ ซึ่งมันก็มีวันนี้จริงๆ แหละครูก็เคยให้ฟรี แต่ไม่เอา เพราะถ้าเกิดเอาฟรี ตนก็ได้แค่เอามาร้องเฉยๆ จะเอามาลง YouTube ฟรีไม่ได้ และขนาดไม่ฟรียังโดนแจ้งความ

และสำหรับค่าเสียหายที่ทางครูชลธีเรียกมา 20ล้านบาทนั้น ตนเห็นแล้วก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะยังไงตนก็ไม่มีให้ และเพลงที่ตนนำมาร้องก็ไม่ได้ทำเงินเป็น10-20ล้านอย่างที่อีกฝ่ายพูด และหลังจากนี้ตนก็ยังกล้าร้องเพลงอยู่ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะฟ้อง เพราะตนทำถูกต้อง และยังยืนยันจะทำเพลงต่อไป เพลงที่ซื้อมาแล้วก็จะทำให้หมด เพราะที่ซื้อมาก็ยังเหลืออีกหลายเพลง

ถามความรู้สึกว่ารู้สึกอย่างไร ก็ต้องบอกว่างง เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่อีกฝ่ายไปฟ้องคนนั้นคนนี้ ตนก็ได้แต่นั่งดู แต่อยู่ๆกลับมาฟ้องตนซะเอง แต่ตนก็ไม่คิดจะตัดความสัมพันธ์ เพราะเป็นศิษย์ไม่คิดล้างครู

จริงๆวันนี้ตนอยากจะมาเปิดหนังสือสัญญาให้ทุกคนได้เห็น แต่คิดๆดูครูแค่ไปแจ้งความ มันยังไม่ได้เป็นคดี เพราะว่าถ้าเป็นคดีแล้ว สัญญาตัวนี้จะยืนยันได้ ลายมือผมไม่มีเลย นอกจากผมเป็นผู้เซ็นรับ มีแต่ลายเซ็นของครูทั้งนั้น

“ยังไงก็เป็นครูที่ผมรัก ไม่รู้จะพูดอะไร แต่แค่อยากถามว่า คิดอะไรกับผม ก็ขอให้ครูมีความสุขแล้วกันในสิ่งที่ครูทำ ผมก็ไม่อยากจะไปก้าวก่ายอะไรที่ครูทำอยู่ ก็ขอให้สุขภาพแข็งแรง ผมกับครูก็อายุมากแล้ว ทะเลาะกันไปทำไม มันไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย ทำให้เราเหนื่อยเปล่าๆ ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ครูฟ้อง ผมรักครูครับ ” เสรี รุ่งสว่าง กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำตา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน