เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่สตูดิโอ โมนาร์ช แมนเนจเมนท์ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล นักร้องหนุ่ม มาถ่ายโปรไฟล์สำหรับคอนเสิร์ตหัวขบวน จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์เรื่องพา แพนเตอร์ กับ พูม่า ลูกชายทั้ง 2 คน ไปเที่ยวและไปนอนค้างที่บ้านตัวเองครั้งแรก

 

โดย ปีเตอร์ เผยว่า “ล่าสุดผมก็ได้พาลูกๆ ไปเที่ยวสวนสนุกมา เพราะเป็นวันที่ผมได้พาลูกๆมาค้างด้วยได้ 2 วันก็เลยตื่นเต้นนิดนึง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากเพราะเป็นวันที่ผมรอคอยและดีใจ เราก็ล็อกวันไว้รอเด็กๆ เลย แต่ตอนที่ลูกๆ มาอยู่ที่บ้านผมพลอยเขาก็ไม่ได้โทรมาหรือเป็นห่วงอะไร เพราะเรามีพี่เลี้ยงมาด้วยและพลอยก็คงคุยกับพี่เลี้ยงเอง จริงๆ การเลี้ยงลูกมันเหนื่อยอยู่แล้วยิ่งเราเล่นกับเด็กด้วย ซึ่งจากนี้ไปก็คงเห็นภาพผมกับเด็กๆ มากขึ้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงของเราที่เพิ่งเริ่มใหม่หลังมีความวุ่นวายเกิดขึ้น เหมือนจบไปหนึ่งช่วงของชีวิตและเริ่มช่วงใหม่ ตอนนี้ผมก็ทุ่มเทกับงาน มีการรับงานหลายรูปแบบ เพราะก่อนหน้านี้ผมไปทุ่มเทกับการถ่ายรายการมา แต่ตอนนี้ผมมีงานที่ค่อนข้างสาธารณะกว่าเดิม และผมก็มีความรู้สึกว่าอยากกลับมาร้องเพลงอีก ซึ่งผมห่างหายจากการทำอัลบั้มไปประมาณ 10 ปี แต่ระหว่างนั้นผมก็มีร้องเพลงประกอบละครทำให้ได้มีโอกาสไปทัวร์คอนเสิร์ตบ้าง แต่ก็เป็นช่วง 3 ปีที่แล้ว ตอนนี้เลยอยากทำซิงเกิลใหม่ ก็มีคุยๆ และจะเริ่มแต่งเพลงกัน แต่จะเป็นแนวไหนยังไม่สรุปคงไม่หนีความเป็นร็อกแน่นอน ก็คงปล่อยเป็นซิงเกิลไปเรื่อยๆ และนำมารวมเป็นอัลบั้ม”

“จริงๆ ตอนนี้งานที่ผมทำอยู่ก็ค่อนข้างเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะสมัยก่อนผมรับงานแค่ทีละอย่าง ซึ่งถ้าจะทำเพลงก็เพลงไป ละครก็ละคร แต่ช่วงนี้ผมมีละครที่ถ่ายจบไป 2 เรื่องและเรื่องที่ 3 กำลังจะถ่ายต้นเดือนหน้า เพลงประกอบละครและคอนเสิร์ตต่างๆอีก ที่ผมเร่งทำงานเยอะแบบนี้ก็มีหลายๆ เหตุผลทั้งต้องเก็บเงินและพอดีมีคนติดต่องานดีๆ เข้ามาผมก็เลยรับไว้หมด ตอนนี้ผมมุ่งทำงานและดูแลลูก คือถ้าผมดูแลเขาแบบใกล้ชิดไม่ได้ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่เป็นแบบนี้ผมก็ขอทำตัวเป็นเสาหลักขออยู่ห่างๆ เป็นอีกหนึ่งจุดที่เด็กๆ จะพึ่งพาได้ดีกว่า ซึ่งผมก็จะทำให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องค่าเลี้ยงลูกต่างๆ ผมก็ต้องรับผิดชอบช่วยดูแลเต็มที่อยู่แล้ว แต่รายละเอียดมีอะไรบ้างผมขอไม่เล่าแล้วกัน”

 

“สำหรับความสัมพันธ์กับพลอย จริงๆ เราผ่านอะไรด้วยกันมาค่อนข้างเยอะ ก็อาจจะต้องใช้เวลาแต่ถ้าสามารถเป็นเพื่อนกันได้สักวันหนึ่งมันก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก การที่พ่อแม่เป็นเพื่อนกันเขาก็จะสามารถช่วยอะไรได้มากขึ้น แต่ถ้ายังทะเลาะกันอยู่มันก็อาจจะมีอะไรที่เป็นสิ่งกีดขวางทำให้การดูแลมันไม่ราบรื่น ซึ่งจะมีแนวโน้มดีขึ้นตอนไหนก็ต้องไปถามพลอย คือเรามีอะไรก็ยังคุยกันได้ เราเองก็มีไลน์หรือโทรคุยกันบ้างแต่อาจจะเป็นการคุยกันแบบเป็นทางการนิดนึง

ส่วนเรื่องหย่าผมก็คิดว่าจะบอกลูก ผมก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วเพราะพ่อแม่ผมแยกทางกันตอนผมเด็กๆ มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมรู้ว่าเด็กๆ เขาต้องรู้สึก แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้หน้าที่ของพ่อแม่ก็คือต้องทำทุกอย่างให้นุ่มนวลและช่วยกันให้มากที่สุด และพูดกันตรงๆ สถิติการหย่าร้างในปัจจุบันก็ค่อนข้างมีสูง มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ถ้าเป็นเมื่อ 30-40 ปีก่อนอาจจะทำให้เด็กมีปมด้อย แต่ตอนนี้เรื่องนี้เกิดขึ้นเยอะซึ่งลูกเราคงไม่ได้เป็นเด็กคนเดียวที่พ่อแม่แยกทางกัน ที่สำคัญผมว่าเด็กๆ เขารู้เรื่องว่าอะไรยังไง เรื่องที่จะต้องคุยกันกับลูกเป็นเรื่องราวผมก็เคยทำแล้ว ตอนที่เจอกันพร้อมหน้าเราก็บอกว่าเขามีทั้งพ่อและแม่ แต่อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แพนเตอร์ก็นั่งฟังและครับๆ แต่พูม่ายังไม่เข้าใจแต่ไม่ได้งอแงครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน