นิว ชัยพล เปลือยชีวิต กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เปิดชีวิตที่สมบุกสมบันในวัย 30 ปี ของพระเอกหนุ่มผู้รักการเดินทาง นิว ชัยพล จูเลียนพูพาร์ต รวมถึงความเชื่อเรื่องการกินอย่างยั่งยืนของมนุษย์ ในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ทั้งยังเล่าย้อนเรื่องราวการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

หล่อสุขภาพดี ซิกแพคแน่น เพราะมาจากการบน

ไม่ถึงกับบนขนาดนั้น คือ เราเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬามาเราจะรู้อยู่แล้วว่าออกกำลังกายยังไง กินข้าวยังไง แต่เรื่องบนบานศาลกล่าวเพราะเรากำลังจะไปแคมป์ที่ประเทศ เนปาล ซึ่งระยะทางค่อนข้างจะไกลมากใช้เวลาเดินขึ้นไป ประมาณ 16 วัน คือนอนตามหมู่บ้านในหุบเขาเพราะเราต้องแบกของขึ้นไปด้วย เราพูดกับธรรมชาติมากกว่าครับ

ก่อนที่เราจะไปที่นี่ ว่าขอให้เราไปแล้วทุกอย่างปลอดภัย ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเราจะไม่กินเนื้อสัตว์เลย 1 ปี ทุกวันอังคาร ซึ่งทุกทริปที่เราไปมันมีความอันตรายหมดแต่เราก็จะศึกษาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเป็นยังไงเพื่อความปลอดภัย และ ป้องกันไว้ก่อน แต่เราความที่เราอยากจะไปเราเลยไป ถามว่าไปแล้วรู้สึกเข็ดไหม ไม่เข็ดครับ แต่คงไม่ไปอีกแล้วที่ เนปาล”

แต่ทริปนี้เป็นบ่อเกิดของการทานวีแกน หรือ มังสวิรัติ

“ใช่ครับ ไม่ได้ตลอดทุกวันครับ ทานทั้งปีแต่ไม่มีหลุดผมจะทานทุกวัน อังคาร คือ กินวีแกน อย่างเดียวเลย ไม่กินอะไรที่เกี่ยว หรือ มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์เลยครับ พฤหัสบดี เราจะไม่กินสัตว์ใหญ่ พอเราทำได้ปีหนึ่งตอนนี้เราก็ทำแบบนั้นมาตลอดเลยตอนนี้ก็ 5 ปีแล้วครับ”

พอเรากินวีแกนมันทำให้เรามีซิกแพคเลยเหรอ

ไม่ครับ ช่วยให้เราควบคุมอาหารได้ดีขึ้น ทำให้เราย่อยได้ดีขึ้น เหมือนร่างกายได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์มากกว่า”

ทำไมเราถึงตั้งใจผันตัวเองมาเป็นนักเดินทางได้

จริงๆแล้วเราชอบเดินทางอยู่แล้วครับ รู้สึกว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่มีหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่น่าสนใจเลยอยากไปสัมผัสมันด้วยตัวเราเอง จริงๆการเดินทางเริ่มต้นจากการเห็นรูปจากในอินเตอร์เน็ต เราเลยรู้สึกว่าเราอยากไปเห็นด้วยตาของตัวเอง

อยากไปเห็นด้วยตาของตัวเองเพราะเชื่อว่ามันต้องสวยกว่าในรูปนั่นคือ จุดเริ่มต้นการเดินทางของผมเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนเด็กๆนิวมีความฝันอยู่ 3 อย่าง คือ นักกีฬา นักแสดง และนักบินที่อยากเป็นเพราะอยากเดินทางฟรีไปทั่วโลก แต่จริงๆแล้วเราอยากเที่ยว”

แล้วที่เป็น นักกีฬา ถึงนักกีฬาอาชีพเลยไหม

“เกือบๆมากกว่าครับ เป็นนักกีฬาเยาวชนมากกว่าครับ มีว่ายน้ำก่อนแข่งระดับประเทศ แล้วก็ไปแข่งที่ฮ่องกง สิงค์โปร์ แต่ก็ต้องเลิกว่ายน้ำเพราะหูอักเสบ น้ำขังอยู่ในหูเรา เพราะเราฝึกว่ายน้ำมากไป ทำให้น้ำขังอยู่ในหูทำให้อักเสบ หมอเลยสั่งห้ามเรา

แล้วไปตีเทนนิสแทนซ้อมหนักเหมือนเดิมเช้าเย็น เป็นคนที่ทำอะไรจริงจังตลอด จนข้อมือหัก เล่นบอลแล้วโดนเสียบแล้วเราล้มเอาข้อมือลง แต่เราตีแบล็กแฮนด์สองมือพอข้อมือเราหักแล้วเราต้องหยุดไป 2-3 เดือน แล้วเรารู้สึกว่าเรากลับไปตีไม่เหมือนเดิมก็เลยไปเตะบอล เอ็นขาดอีก”

“แต่ก็เกิดจุดเปลี่ยนพอเราถึง 18 จะได้เล่นละครเรื่องแรกเหมือนเขาชวนไปเล่นละคร แล้วเราเตะบอลอยู่กับจุฬาฯ เมื่อมาถึงตรงนี้มันทำสองอย่างพร้อมกันไม่ได้เพราะเวลาของเราคือ เรียน ถ่ายละคร ซ้อมบอล เราทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้เลยต้องเลือกอย่างหนึ่งจะทำอะไร ตอนนั้นฟุตบอลไม่ได้บูมเท่ากับตอนนี้ แต่การแสดงเรารู้สึกว่าเข้ามาน่าจะมั่นคงมากกว่า รวมถึงฟุตบอลเราก็ยังสามารถเตะเล่นได้ เราเลยตัดสินใจไปเล่นละคร”

เชื่อไหมก่อนที่จะมาเป็น นิว ชัยพล ที่มานั่งอยู่ตอนนี้ เคยแคสงานมาแล้วทั้งปีไม่ได้เลยสักงาน

“ปีนั้นน่าจะไปทุกอาทิตย์เลยครับ เพราะผมแบ่งเวลาเรียนจันทร์ ถึง ศุกร์ คือเรียน เสาร์ อาทิตย์ แคสงานเลยเพราะว่ามีคนบอกว่าถ้าได้ 1 งานคือได้หลักหมื่น เราอยากได้เราเลยไปแคสทุกอาทิตย์เลย แต่ที่ไม่ได้งานเพราะ มาริโอ้ เมาเร่อ ครับ

เพราะผมเป็นรุ่นเดียวกับเขา หนุ่มครึ่งเหมือนกัน ตัดผมเหมือนกัน เราไปแคสโฆษณาเจอกันทุกอาทิตย์ เจอกันจนสนิทกัน เขาได้งานไปแต่ผมก็ไม่เคยท้อนะครับ เพราะหลังจากที่เขาได้ขึ้นไปเล่นหนังแล้ว เราก็ได้ครองบัลลังก์ของโฆษณาครับ (หัวเราะ) ในปีนั้นกวาดประมาณ 50 งานครับ แต่เรื่องตอนนั้นตอนนี้กลับมาเป็นเรื่องเม้าธ์คุยกันสนุกเลยพอเราเจอเขาเราก็จะแซวว่า เพราะเราไม่ได้งานก็เพราะเขาคนเดียวเลย”

ค่าตัวจากงานแรกคือ เท่าไหร่ ??

“15,000 บาทครับ ดีใจมาก ในปีแรกที่เราทำงานเรารู้สึกว่าพอเราได้เงินมาเราจะเอาไปซื้อของเล่น แต่พอได้เงินมาแล้วเรารู้สึกเสียงดายเพราะเป็นเงินก้อนแรกเราทำงานมาทั้งปี เราเลยรู้สึกว่าเราเก็บก่อนดีกว่า พอเราได้ตัวแรกคือ เรามีความหวังมีเป้าหมายว่าอยากจะคว้าเงินล้านก่อน 18 ซึ่งเราก็ทำสำเร็จคว้าเงินล้านมาได้สอย่างที่ตั้งใจ และพอได้เงินล้านก็เป็นจังหวะที่เราได้ไปแคสละครเรื่องแรก ก็ได้ละครเรื่องแรก ตอนนั้นก็คือ การเข้าวงการอย่างเต็มตัวในตอนอายุ 18 ครับ

ซึ่งมาถึงตอนนี้ คือ ถ่ายละคร 7 วันเลย และมีรายการในยูทูปด้วย

“รายการในยูทูปจริงๆเราไม่อยากทำเพราะว่ามันเสียเวลาเที่ยวของเรา เพราะเราต้องมาถ่ายรูป ถ่าย VDO เพราะเวลาทำงานก็ทำงาน เวลาเที่ยวเราก็อยากพักผ่อนจริงๆ แล้วผมก็อายที่จะต้องมาถือกล้องแล้วพูดเองเรารู้สึกว่ามันตลกมันพูดไม่ได้เราไม่ใช่ทางนี้เราเลยปฏิเสธมาตลอดเวลา แต่มาถึงวันหนึ่งเมื่อปีที่แล้วได้มาสนิทกับ พี่วิลลี่ แมคอินทอช

เขาพูดคำหนึ่งว่า นิว เที่ยวขนาดนี้ถ่ายไว้หน่อยเถอะเพราะเรามียูทูปเราโชคดีมากนะ เพราะรุ่นพี่เป็นเบต้าคือตอนนี้มันก็พังแล้วจะให้ลูกดูก็คือ ไม่ได้แล้ว พี่วิลลี่ เขาบอกเราว่าถ่ายเสร็จเราก็อัดแล้วก็ลงยูทูปแค่นั้นก็เก็บไว้ได้แล้ว เราเลยเก็บมาตั้งแต่นั้น

ช่วงโควิดที่เราหยุดอยู่บ้านสามเดือนเราเลยเอาฟุตที่เราไปเที่ยวแล้วเก็บภาพมาตัดกับ น้อง และเพื่อนๆแล้วก็สร้างช่องยูทูปขึ้นมาชื่อว่า New Chaiyapol จะแบ่งการเดินทางเป็นหลายๆแบบนะครับ แต่ถ้าไปกับเพื่อนๆเราก็จะลุยแหลกหน่อยครับ แต่ถ้าไปเองเราก็จะง่ายๆชิวๆนิว เจอโน้น เจอนี่ เจอนั่น ทั้งหมดก็จะอยู่ในช่องยูทูปนี่เลยครับ”

ไปเที่ยวก็เกือบเจ็บตัวเพราะเกือบโดนรุมกระทืบ

“เกือบๆครับ ที่อิตาลี ในอิตาลีเหนือกับใต้ คนของประเทศเขาค่อนข้างต่างกันชัดเจน ทางใต้ของเขามีเสน่ห์มากกว่าคนไม่ค่อยไปมากนักเมืองจะเถื่อนๆหน่อย ตอนที่เราไปเพื่อนตกใจเลยว่าทำไมเราถึงไปอยู่ที่ถนนนั้นเพราะถนนเส้นนี้มันอันตรายที่สุดในเมืองเลยนะ เราไม่รู้เพราะ Airbnb มันกูเลยไปอยู่เส้นนั้น

ตอนนั้นเราขับรถเพื่อที่จะหา Airbnb นี่แหละครับ จำได้เลยว่าขับไปตรงวงเวียนมีพระเยซูอยู่ตรงหน้าเรา แล้วมีมอเตอร์ไซส์ คือ ขับมาหารถเราอยู่ 4-5 คัน เราก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้วเลยขับรถหนีแบบเร็วที่สุด แล้วสุดท้าย คือ ไปเจอที่พักคืออยู่บนเขา

ซึ่งพอเราได้มาคุยกับเพื่อนในตอนเช้าว่าที่ที่เราพักคือ อันตรายที่สุดในโลก แต่ไม่ทันล่ะจองไปแล้ว 4 คืนเลยต้องอยู่ เหตุการณ์ครั้งนั้นเลยทำให้เรารู้เลยว่าอย่าเห็นแก่ของถูก และเป็นประสบการณ์ของเราด้วยว่าไปที่ไหนเราต้องศึกษาก่อน แต่ในทริปนั้นผมชอบ นาโปลี ที่สุด ประเทศที่ไปแล้วที่ผมชอบมากคือ อิตาลี ญี่ปุ่น ครับ และสุดท้ายขอฝาก ทมนัย ที่ผมสวมบทอยู่ในละคร ฝ้ายแกมแพร ที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้ด้วยนะครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน