ต๋อง ศิษย์ฉ่อย เปลือยชีวิต กว่าจะถึงจุดนี้ไม่ง่าย หลงตัวเองจนเกือบพัง

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย จากเด็กธรรมดา สู่นักสนุกเกอร์มือ1 ของประเทศไทย และเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ไปสูงสุดเป็นมือวางอันดับ3 ของโลก ซึ่งวันนี้เขาจะมาเปลือยชีวิตผ่านมา ไม่ได้ง่ายกว่าจะมาถึงจุดนี้ ทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย

เล่นสนุกเป็นเพราะที่บ้านมีโต๊ะสนุก? ต๋อง “เพราะว่าคุณแม่เป็นเจ้าของกิจการ ก็เลยโชคดีถ้าคุณแม่ไม่ได้ทำกิจการนี้ก็คงไม่ได้เล่น ก็กินนอนอยู่บนโต๊ะ เห็นทุกวันก็ซึมซับ ผมเริ่มตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แต่มาจริงจังตอนอายุ 13 ปี”

ถ้าพูดถึงสนุกเกอร์หลายคนก็มองว่าเป็นกีฬา บางคนก็มองว่าเป็นการพนัน พี่ต๋องรู้สึกยังไง? ต๋อง “เมื่อก่อนรู้สึกอย่างนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เราทำทุกวิถีทางให้พ้นจาก พรบ.การพนัน จริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังกึ่งกีฬา กึ่งการพนัน แต่รอบนอกประเทศเรา เขายอมรับว่าเป็นกีฬา เมื่อไม่นานมานี้ผมได้คุยกับเพื่อน เมืองนอกเขาคิดว่าเป็นกีฬา

เขาไม่อยากเชื่อว่าที่ผมสร้างชื่อเสียงมามันยังไม่พ้นมลทินอีกเหรอ แต่จริงๆ มันไม่พ้นจริงๆ แต่ว่าไม่อยากจะพูดว่ามันมีกีฬาที่ประเภทมันกึ่งการพนัน เราก็รู้ๆ กันอยู่ เมื่อไหร่หนอจะมีผู้ใหญ่ใจดีเล็งเห็นความสำคัญของพวกเรา เราก็ทำทุกวิถีทางให้มันหลุดพ้น ส่วนตัวผมคิดว่ากีฬานี้มันมีเสน่ห์ไม่ต้องใช้แรงปะทะ”

จากเด็กธรรมดาเป็นนักสนุกเกอร์แล้วไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ? ต๋อง “ก็มาจากผลงานของผม โดยไม่ได้นัดหมาย ผู้ใหญ่ก็เล็งเห็นเราเก็บชัยชนะได้มากขึ้น ตอนนั้นเราอายุ 13 กว่า ท่านอยากเห็นคนไทยได้เป็นแชมป์โลกสมัครเล่น ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครทำได้”

ต๋อง ศิษย์ฉ่อย

เคยเกือบพัง

ท่านเห็นแววหรือเปล่าหรือว่ายังไง? ต๋อง “เขาอาจจะเห็น แต่ตัวผมไม่เห็นนะ ตอนนั้นท่านอยากเห็นคนไทยเป็นแชมป์โลกก่อนที่ท่านจะเสีย ซึ่งท่านเกือบได้เห็น ผมมาได้เดือนนึงก่อนท่านเสีย”

อายุ 14-15 ไปต่อสู้ที่อังกฤษคนเดียว? ต๋อง “ตอนไปอังกฤษ 14 ปีครึ่ง เขาส่งผมไปเรียนก่อน ซึ่งผมยอมรับว่าโมโห ไม่พอใจ เราอยากเล่น ตอนนั้นภาษาก็ยังไม่ได้เลย ผมเป็นใบ้อยู่ประมาณ 7-8 เดือน เมื่อก่อนมือถือก็ยังไม่มี ทุกอย่างไม่มี ต้องใช้จำกว่าจะมาพูดได้”

แล้วคนที่ส่งไปคือใคร? ต๋อง “หนึ่งในนั้นมีคุณแม่ผม ท่านยอมขายบ้าน ลงทุนกับลูก ซึ่งไม่รู้ว่าเด็กคนนึงจะประสบความสำเร็จ มันไม่มีใครรู้หรอก ตัวผมก็ไม่รู้ แม่ก็ไม่รู้ แต่แกกล้าลงทุน สมัยก่อนก็ถือว่าเยอะ หลายแสนอยู่”

ตอนที่ไปอยู่ช่วงแรกๆ มีปัญหาในเรื่องของการโดนเหยียดเรื่องชนชั้นไหม? ต๋อง “พูดตรงๆ ว่าโดนมาตลอด จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไปปีที่2 ผมสาบานกับพระเจ้าเลยว่า ผมจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก แค่เขามองเรา ไม่ต้อนรับเราเลย แล้วตอนนั้นไม่มีชื่อ ผมทนไม่ได้นะ

ครั้งแรกที่ผมไปโดนกักตัว 28 ชั่วโมง ผมได้วีซ่านักเรียน แต่ไปตอบว่ามาเล่นสนุกเกอร์ เราตอบผิดจุดประสงค์ เราไม่รู้เราเป็นเด็ก ภาษาก็ไม่ได้เลยดีกว่า สำหรับผมการตรวจสอบข้อมูล 28 ชั่วโมงมันเยอะเกิน ผมไม่อยากอยู่แล้วอังกฤษ แล้วสรุปเขาให้เข้านะ”

ทั้งหมดทั้งมวลเราใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเท่าไหร่? ต๋อง “ประมาณ 35 ปี”

เคยรู้สึกไหมว่ามันท้อแท้หลายๆ อย่าง? ต๋อง “แรกๆ ไปไม่ค่อยท้อ เพราะเราเก็บชัยชนะได้มากกว่า มีรายได้ที่ดี มีสปอนเซอร์เข้ามาก็เลยไม่ท้อ มันจะเริ่มท้อเมื่อ 15 ปีผ่านไป อยากกลับมาเมืองไทย อยากกินอาหารไทย อยากคุยภาษาไทย ทำไม่ได้ แพ้ก็ต้องอยู่ นั่นเป็นความที่มันบั่นทอนหัวใจ

ยิ่งอยู่ท็อป ยิ่งกลับไม่ได้ ผมถามว่าทำไม คนอื่นเขากลับได้ ทำไมผมกลับไม่ได้ ผู้จัดการทนหน่อย แม่ก็บอกว่าทนหน่อยนะลูก ก็ทน ไม่ได้มีฝีมืออย่างเดียวต้องมีความอดทนด้วย”

มีถึงขั้นร้องไห้บ้างไหม? ต๋อง “บ่อยเลยครับ ร้องไห้ น้ำตาตกใน สมัยก่อนมันไม่มีโทรศัพท์ ต้องเขียนจดหมายหาแม่”

รายได้ในช่วงพีคๆ ที่บอกว่าเป็นกอบเป็นกำนี่เท่าไหร่? ต๋อง “จะมีปี93 ตอนนั้นเงินรางวัลผมได้อยู่ที่ 4 แสนกว่าปอนด์ยังไม่รวมสปอนเซอร์ ก็ประมาณเกือบ 30 ล้าน”

รวมๆ ช่วงนั้นที่เป็นอาชีพรวมๆ เป็น 100 ล้านได้? ต๋อง “ก็แตะๆ ได้”

ตอนนั้นที่เป็นอันดับ 3 ของโลกชีวิตเป็นยังไงบ้าง? ต๋อง “ผมค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ผมไม่เคยอ่านข่าวตัวเองเลย เมื่อก่อนมันไม่มีมือถือ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีอะไรเลยดีกว่า ผมแปลกใจที่เขาฟอลโลว์เรา ตามเรา ก็ขอบคุณแฟนคลับทุกท่าน เราก็ไม่ใช่ดารานักแสดง”

ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นระหว่างแข่งบ้างไหม? ต๋อง “จริงๆ แล้วเวิลด์สนุกเกอร์เขามาบอกผม ตอนหลังว่าเขารู้ก่อนผม แต่เป็นกฎมารยาทของมืออาชีพว่าห้ามบอกนักกีฬา เพราะจะทำให้เขาเสียสมาธิ วันนั้นผมเพิ่งแข่งมา ผมดีใจมากนะ ตื้นตัน แต่ออกมาทำไมมันเงียบไปหมดเลย ผมก็งง อ่อ คุณพ่อโดนยิง มันมึนไปหมด แล้วนักข่าวก็โทรมา เพราะมันเป็นโมเมนต์เดียวกันที่ผมเบรก 147 ด้วย”

วันนั้นมีน้ำตาไหม? ต๋อง “มีครับ ทั้งตกใจ ออกมาข้างนอกผู้จัดการผมร้องไห้ก่อนเลย ผมก็งงว่าร้องไห้ทำไม ทำไมเบรก 147 น้ำตาเยอะอย่างนี้ ผมก็เลยถาม แล้วเขาก็ตบไหล่ผมว่าพ่อเสียแล้วนะ ผมเลยบอกว่าแล้วทำไมไม่มีใครบอก เขาบอกว่าใครจะไปกล้าบอก นายกำลังแข่งอยู่ ตอนนั้นมันสับสนไปหมด ตอนนั้นผู้จัดการบอกว่าจะกลับเลยก็ได้นะ แต่มันอยู่ระหว่างสะสมคะแนนเขาไม่ว่าผม ผมก็เลยตัดสินใจ ไหนๆ พ่อเสียแล้ว นำพ่อกลับมาไม่ได้ ก็เลยเล่นต่อจนถึงรอบชิง”

ตอนนั้นก็ได้ฉายา 2 ฉายา ด้วยกัน มีแมว 9 ชีวิตแล้วก็ไทยทอร์นาโด มันคืออะไรบ้าง? ต๋อง “ไทยทอร์นาโดก็คือจากการแทงค่อนข้างเร็ว จู่โจม แล้วเราก็ทำได้ เมื่อก่อนความแม่นค่อนข้างชัดเจน ซึ่งมันไม่มีใครทำได้ เราก็เลยปลื้มใจ เราเป็นหนึ่งในนั้น แต่จริงๆ เราไม่ได้อยากมีเราคนเดียวนะ เราอยากมีเรามากกว่านั้น แต่ตอนนั้นไม่มีใคร เราอยากมีเพื่อน เราอยากมีอะไรที่อยากให้คนไทยเก่งเยอะๆ คนไทยมีคนเก่งเยอะ แต่ยังไปไม่ถึงดวงดาว มันมีหลายองค์ประกอบ”

ตอนนั้นชื่อเสียงมา เงินทองมี มันมีช่วงหลงระเริงบ้างไหม? ต๋อง “มันก็มีนะครับ เพราะช่วงที่ผมมา 2 เดือนทำวีซ่าไปเที่ยว ดื่ม ปาร์ตี้กับเพื่อน ผมยอมรับว่าผมหลงระเริงกับคำชม คำหวานเยอะ จนตั้งตัวไม่ติด คนเรามีทั้งจริงและปลอม กว่าจะรู้เดียงสาก็หมดเงินไปเยอะเหมือนกัน เมื่อ 30 กว่าปี ผมหมดคืนนึง 7-8 แสน”

มีสาวมาติดเยอะไหม? ต๋อง “ก็มีบ้าง แต่ด้วยความที่เราเป็นคนขี้อายก็ทักเป็นมารยาท”

มีอยู่ช่วงนึงที่ไม่ซ้อม ทำให้ชีวิตพังอยู่ช่วงนึง? ต๋อง “มีๆ ครับ มีเป็นบางช่วงนึง พออะไรที่เราไม่แฮปปี้แล้ว จริงๆ อยากจะเลิกหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยคุณแม่ นายกสมาคม และอีกหลายคน เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียวนะ เรามีคนรอบข้างด้วย”

เมื่อก่อนที่คิดไม่ทันมันพังไประดับไหน? ต๋อง “ผมไปลงทุนอะไรก็หมดไป 70-80 ล้านเหมือนกันนะ ลงทุนทำรายการทีวีก็เคย ทำหมู่บ้านจัดสรรค์ ทำผับ ทำหลายอย่าง แล้วเมื่อก่อนผมรายได้ดี สปอนเซอร์ดี พูดง่ายๆ ผมจะอยู่เมืองนอกตลอดส่งเงินให้ เชื่อใจ”

แล้วจุดไหนที่ทำให้พี่คิดได้ แล้วทำให้กลับมาอีกครั้ง? ต๋อง “คุณแม่ผม เพราะว่าท่านปลูกฝังให้กำลังใจ แล้วก็พี่น้อง เพื่อนๆ ผม ตราบใดที่เรายังมีลมหลายใจอยู่โอกาสยังเป็นของผมอยู่ ก็อยากให้สู้”

พี่คิดจะแขวนคิวไหม? ต๋อง “คิดไปหลายรอบแล้ว แต่ยังต้องเล่นต่อ เรายังอยากสร้างเพชรน้ำงามหรือบุคคลรุ่นหลัง พูดง่ายๆ ผมเกิดมากับสนุกเกอร์ ก็อยากต่อยอด ทำงานเบื้องหน้ามานานก็อยากจะอยู่เบื้องหลัง”

พี่ต๋องมีลูกชายวัย 11 ขวบ แสดงว่าพี่มีลูกตอน 40 ? ต๋อง “ครับผม ลูกคนแรกและน่าจะเป็นลูกคนเดียวด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเด็ก แต่เราไม่มีเวลาด้วย ลูกก็ถามเมื่อไหร่พ่อจะเลิกเล่นสนุกเกอร์ ทำไมพ่อถึงไม่ไปรับหนูที่โรงเรียนเหมือนคนอื่น ผมก็ตอบลำบาก ผมก็บอกว่าอีกไม่นานพ่อจะไปรับหนูนะ”

วางแผนให้ลูกไหมว่าเขาเป็นนักสนุกเหมือนเราไหม? ต๋อง “วางแผนว่าอีก 2 ปีก่อนจะขึ้น ม.1 อาจจะอยู่โรงเรียนประจำ เพราะด้วยความที่วินัยเริ่มขาด เล่นเกมเยอะ อยากส่งเขาไปโรงเรียนที่เขาเข้มงวดนิดนึง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน