กลายเป็นกระแสฮือฮาในประเทศจีน หลังภาพยนตร์เรื่อง “ฉลาดเกมส์โกง” ค่าย GDH ผลงานผู้กำกับ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ทุบทุกสถิติหนังไทยไปฉายต่างประเทศ เข้าฉายวันแรกที่จีนเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา กวาดรายได้ ไป 100 ล้านบาท และทะยานสู่อันดับ 2 บ็อกซ์ออฟฟิศประเทศจีน คาดว่าภายในสองสัปดาห์ทะลุพันล้านบาทอย่างแน่นอน ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปพูดคุยกับ บาส-นัฐวุฒิ ผู้กำกับฯ เปิดใจถึงกระแสตอบรับเกินคาด กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในจีนขณะนี้

บาส เผยว่า “สั้นๆ ง่ายๆ ดีใจครับ พยายามหาคำตอบอื่นเหมือนกันแต่หาไม่เจอ (หัวเราะ) ถามว่าครั้งแรกที่ไปฉายที่จีนคิดไหมว่าจะสร้างปรากฏการณ์แบบนี้ เอาจริงๆ ความคาดหวังของผมในตอนแรกกับหนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบนี้เลยครับ ความคาดหวังแรกคืออยากทำหนังที่คนไทยมาดูแล้วแฮปปี้ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป รู้สึกว่าเป็นหนังที่ดีที่เขาได้ดู เราคาดหวังแค่นั้นเองตอนแรก และพอมีกระแแสเริ่มได้ไปฉายต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลหรือฉายในโรงปกติ รู้สึกว่ามันมาไกลกว่าที่คิดมาก”

เรียกว่าทำลายสถิติที่เคยมี
“ใช่ครับ เป็นหนังไทยที่รายได้สูงสุดแต่ละประเทศ เกือบจะทุกประเทศที่ได้ไปฉาย ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจครับว่ายอดรวมสรุปเท่าไร และสถิติที่เคยมีมาของหนังไทยที่เคยทำรายได้ ผมคิดว่าที่วัยรุ่นจีนอินและให้ความสนใจกับหนังเรื่องนี้ จริงๆไม่ใช่แค่เฉพาะจีน ยังรวมถึงวัยรุ่นในภูมิภาคเอเชียใกล้เคียงกัน ในแง่ทัศนคติบางอย่างต้องยอมรับว่าวัยรุ่นในแถบบ้านเรา เป็นประเทศที่ให้ความสนใจเรื่องเกรดค่อนข้างสูง เท่าที่สัมผัสมา

หลายๆ ครั้งความกดดันในการเป็นวัยรุ่นไปรวมอยู่ที่การสอบ พอหนังเรื่องนี้ออกมามันน่าจะตรงกับความรู้สึกลึกๆ หรืออาจจะไม่ลึกของวัยรุ่นในหลายๆ ประเทศ การศึกษาในภูมิภาคเอเชียไม่ค่อยจะแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นไทย ฮ่องกง จะมีความใกล้เคียงกัน แต่สำหรับปรเะเทศในแถบยุโรปเท่าที่เคยอ่านมา คนในประเทศเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเกรด จะเป็นการเรียนแนวสร้างความถนัดวิชาชีพ แต่ว่าอย่างน้อยเขาดูแล้วเข้าใจสิ่งที่วัยรุ่นไทยต้องเจอ สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมแบบนี้”

หนังจะเข้าฉายที่ออสเตรเลียกับเกาหลีใต้ พอจีนมีกระแสตอบรับแบบนี้ คาดหวังกับอีกสองประเทศที่เหลือไหม
“สำหรับผมแค่ได้ไปฉายผมก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็แล้วแต่ ผมไม่ค่อยคาดหวังในแง่รายได้มหาศาล ความสำเร็จที่จับต้องได้ก็คือ การที่เรากับทีมงานและนักแสดงทุกคนด้วยความตั้งใจ มันจะมีโอกาสที่จะไปฉายต่างประเทศ เป็นความสำเร็จหน้าด่านที่สำคัญมากๆ น่าดีใจมากๆ แล้วครับ ที่เหลือเป็นผล เรื่องยอดรายได้เยอะ หมายความว่าคนมาดูเยอะ ถือว่าเป็นผลในการทำงาน”

ล่าสุดมีวัยรุ่นจีนปั้นรูป ครูพี่ลิน หรือ ออกแบบ-ชุติมณฑ์ นักแสดงนำในเรื่อง เพราะเชื่อว่าจะนำความโชคดีเรื่องการสอบ
“ผมเห็นจากโซเชียลเหมือนกันครับ คงจะเป็นคนที่ดูหนังแล้วอินกับหนังและตัวละครมากๆ ต้องการที่พึ่งทางใจสักอย่างก็ได้ รู้สึกน่ารักจัง อยากเอาใจช่วย อยากส่งพวงมาลัยไปให้ อาจจะเป็นเรื่องตลกหรือบางคนอาจจะมองว่าบ้าหรืองมงายหรือเปล่า ผมคิดว่ามนุษย์ต้องการที่ยึดเหนี่ยว บางทีเขารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร อะไรถูกอะไรผิด อะไรที่เขาควรทำ เขาแค่ต้องการที่ยึดมั่นบางอย่างทางจิตใจเท่านั้น”

กลัวไหมว่าจะเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาหรือวัยรุ่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบจนกลายเป็นวัฒนธรรมการโกง
“เท่าที่ดูฟีดแบกจากทุกที่ที่ไปฉาย ผมเชื่อว่าตัวหนังเองตอบคำถามนี้อยู่แล้วค่อนข้างชัดเจน สุดท้ายทัศนคติต่อหนังเรื่องนี้ที่มีต่อคำว่าโกง ไม่น่ามีใครจะนำสิ่งเหล่านั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และที่สำคัญคือวิธีโกงทุกอย่างในหนังมันถูกทำให้ดูเป็นไปได้ด้วยทักษะการทำหนัง คือถ้าไปปฏิบัติจริงมันทำไม่ได้หรอกครับ ทำค่อนข้างยากนิดนึง เชื่อว่าหลายๆ คนลองทำแล้วเอาเวลาไปอ่านหนังสือน่าจะง่ายกว่า”

ฟีดแบกจากแฟนหนังต่างประเทศ
“ชัดเจนที่สุดช่วงฉายหนังเทศกาลหรือไปเดินสายต่างประเทศก็จะมีคีย์เวิร์ดหลังภาพยนตร์จบ คำถามแรกที่มักจะได้รับคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีภาคต่อไหม จะมีเมื่อไหร่ จะเป็นยังไง ซึ่งเราในฐานะคนทำก็รู้สึกดี เพราะจริงๆ ไม่เคยมีคิดว่าอยากจะทำหนังภาคต่อ เราคิดว่าเป็นภารกิจที่ยากมาก ในฐานะคนทำ เวลามีคนสนใจอยากรู้เกี่ยวกับภาพยนต์ รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกันที่สามารถสร้างอะไรบางอย่างมาจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง แล้วทำให้คนดูอินกับเรื่องได้ ก็ต้องให้เครดิตกับทางแอคติ้งโค้ช ก็คือคนที่ตัดต่อการแสดงรวมทั้งนักแสดงที่ทำการบ้านกันหนักมาก เพื่อทำให้ตัวละครบนหน้ากระดาษที่เราเขียนเป็นอะไรที่จับต้องได้จริง

การดีไซน์ภาพยนตร์ทำให้เป็นเหมือนหนังแอ็คชั่นทั้งๆ ที่ไม่ใช่หนังแนวแอ็คชั่นก็มีส่วนสำคัญทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการตั้งกล้องถ่ายการทำข้อสอบ ความรู้สึกนั้นก็จะต่างไปเลย เป็นโจทย์ตั้งแต่ความตั้งใจแรกที่จะทำภาพยนต์เรื่องนี้คุยกับทางโปรดิวเซอร์ พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) และพี่วรรณ (วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์) คือเราคุยกันแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นไม่ใช่สิ่งที่หวือหวา มันคือแฟนตาชีมากกว่าการทำข้อสอบ แต่เราจะใช้สกิลการทำหนังที่เราพอจะมี เพื่อที่จะให้กลายเป็นหนังที่สนุกสนานตื่นเต้นในแบบหนังโจรกรรม อันนี้เป็นโจทย์แรกที่เราคุยกันไว้ เรื่องภาคต่อภาพยนตร์นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ยังต้องดูกันอีกต่อไปอีกยาวๆ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน