หลาวเปิงเดินตรวจความเรียบร้อยในโรงงานเฟอร์นิเจอร์แต่ละแผนก เห็นซานแปงยืนเหม่อ เศร้า เพราะครุ่นคิดถึงเจ้านางตองริ้ว ซานแปงสะดุ้งรู้สึกตัวเมื่อหลาวเปิงยื่นมือมาแตะบ่าเขาเบาๆ
“ใจลอยไปถึงหอคำรึเปล่า ไปเรียกสติกันหน่อยไหม”
หลาวเปิงชวนซานแปงซ้อมเจิงดาบเพื่อเรียกสติ ทั้งสองผลัดกันรุกและรับอย่างเร้าใจ ในท่วงท่าสวยงามของเจิงดาบล้านนา หลาวเปิงตวัดดาบเข้าใส่ซานแปงอย่างดุเดือดปากก็ถามซานแปงไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกับนาย”
“ไม่มีอะไร” ซานแปงฟาดดาบตอบโต้หลาวเปิงอย่างหนักหน่วง
หลาวเปิงอาศัยความเร็วหมุนตัวหลบ ตวัดดาบรับท่าของซานแปงแล้วตีโต้กลับไปบ้าง
“ปากแข็ง น้องตองริ้วเสียใจมาก”
“ฉันผิดเอง”
“ทำไมต้องทำร้ายตัวเองและคนรัก”
“นายไม่เข้าใจ”
ซานแปงหลบดาบหลาวเปิงได้หวุดหวิด ก่อนตวัดคมดาบตีเข้าใส่หลาวเปิงอย่างไร้ทิศทาง
“ไม่พูดแล้วใครจะเข้าใจ”
หลาวเปิงหมุนดาบตวัดตีสุดแรง ซานแปงยกดาบขึ้นตั้งรับเกือบไม่ทัน แรงปะทะทำให้ซานแปงเสียหลักล้มลง หลาวเปิงลดดาบลง เดินมาหาซานแปงที่นั่งเหนื่อยหอบอยู่กับพื้น แล้วยื่นมืออีกข้างไปหาซานแปง ซานแปงลังเล ก่อนยื่นมือตัวเองออกไปจับมือหลาวเปิงเพื่อให้หลาวเปิงดึงตัวเขาขึ้น
เมื่อหลาวเปิงฟังเหตุผลทั้งหมดจากซานแปงแล้วจึงย้อนถามซานแปงบ้าง
“แน่ใจเหรอว่าน้องตองริ้วจะมีความสุขถ้าแต่งงานกับอูซอ”
“เกียรติยศที่คู่ควรกัน”
“ฉันพูดถึงความรัก..รักที่เกิดจากหัวใจของคนสองคน ไม่ใช่รักที่คนอื่นมองว่าเหมาะสม”
ซานแปงว้าวุ่นใจ ตอบหลาวเปิงไม่ได้
“น้องตองริ้วหนีเจ้าพ่อมาที่นี่เพราะซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง แต่นายกลับทรยศหัวใจของคนที่นายรักอย่างเลือดเย็น”
“ฉันกับเจ้านางตองริ้วต่างกันเกินไป”
“ความรักทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน นี่คือเหตุผลที่น้องตองริ้วเลือกนาย”
ซานแปอ้ำอึ้ง อึดอัดใจ หลาวเปิงตบไหล่ซานแปงแล้วบีบเน้น น้ำเสียงจริงจัง
“ฟังเสียงหัวใจตัวเอง อย่าสนใจคำพูดของคนที่ไม่หวังดี”
“นายรู้เหรอ”
“มีไม่กี่คนที่คัดค้านการแต่งงานของนายกับน้องตองริ้ว”
หลาวเปิงเคร่งขรึม พอจะเดาได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้
คืนนั้น อูซอ อองเฮียน นำกำลังมาซุ่มอยู่นอกหอคำ เห็นทหารเวียงขินที่ยืนเฝ้าเวรยามและเดินตรวจยามโดยรอบหอคำได้อย่างชัดเจน
“ใกล้ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนเวรยามแล้วครับ”
“อองเฮียนกับทหารสองคนตามฉันเข้าไป ที่เหลือคอยดูลาดเลาอยู่ข้างนอก”
“แต่มันอันตรายนะครับ”
สายตามุ่งมั่นของอูซอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวตามคำเตือนของอองเฮียน
ทหารเวียงขินสองนายเดินตรวจยามบริเวณประตูทางเข้าด้านหลังหอคำ อองเฮียนหลบอยู่มุมหนึ่ง รอจนทหารเวียงขินทั้งสองเดินผ่านไป จึงล็อกคอทหารเวียงขินที่เดินรั้งท้ายจนสลบเหมือดไป ทหารเวียงขินอีกคน หันกลับมาเจอพอดี วาดปืนเข้าใส่อองเฮียน อูซอพุ่งออกมาจากที่ซ่อนตวัดขาเตะจนปืนหลุดจากมือทหารเวียงขิน อูซอต่อสู้กับทหารเวียงขิน สู้กันไปมาจนทหารเวียงขินเสียท่า โดนอูซอเล่นงานจนล้มทั้งยืน อูซอเป่าปากส่งสัญญาณ แล้วนำอองเฮียนกับทหารอูซอสองคนเข้าไปในหอคำ
ภายในห้องโถงโอ่อ่าของหอคำซึ่งสว่างไสวไปด้วยโคมไฟมากมาย จันสมไล่ดับไฟในห้องโถงจนหมดเหลือเพียงแสงสลัวจากโคมไฟเล็กๆ ตรงทางเดิน เงาใครบางคน วิ่งวูบผ่านหน้าต่างด้านนอกหอคำไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
หลาวเปิงขับรถไปตามถนนที่มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องทาง โดยมีซานแปงนั่งอยู่ข้างคนขับ
“เจิงดาบกับเจิงมวยเป็นวิธีเรียกสติได้ดี”
“ฉันสนใจศิลปะการต่อสู้แบบล้านนาตั้งแต่ตอนที่เจ้าเมืองบุญส่งไปเรียนที่เชียงราย เจิงดาบกับเจิงมวยล้านนากำลังถูกลืมไปตามกาลเวลา ฉันอยากอนุรักษ์ศาสตร์การต่อสู้แบบนี้ไว้”
หลาวเปิงสังเกตเห็นสีหน้ากังวลใจของซานแปง
“เลิกคิดมากแล้วปรับความเข้าใจกับน้องตองริ้วซะ”
“เจ้านางตองริ้วโกรธฉันมากไหม”
“เสียใจมากกว่า”
ซานแปงรู้สึกผิด ”เจ้านางจะให้อภัยฉันไหม”
“ถามเหมือนไม่รู้จักน้องสาวฉัน”
ซานแปงมองไปข้างหน้า อยากให้ถึงหอคำเร็วๆ
อูซอ อองเฮียน และทหารอูซอสองคน ปีนเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนภายในคอคำ แล้วเดินเงียบฝ่าความมืดไปหยุดอยู่ข้างเตียงนอน อูซอยืนมองผู้หญิงที่นอนหันหลังอยู่ด้วยสายตาร้าย เจ้าเล่ห์ ก่อนยื่นมือไปจับแขนของผู้หญิงที่นอนหันหลังอยู่บนเตียงจนเธอสะดุ้งตื่น หันขวับมาเป็นแพรนวล
แพรนวลตกใจจะส่งเสียงร้องให้คนช่วย อูซอไวกว่า รีบปราดเข้ามารวบตัวแพรนวลและเอามือปิดปากเธอไว้ ยิ่งทำให้แพรนวลพยายามขัดขืนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของชายแปลกหน้า อองเฮียนกระชากปืนพกออกมาขู่แพรนวล ทำให้แพรนวลตื่นตระหนก ร่างสั่นเทิ้มแม้จะพยายามข่มความกลัวไว้ก็ตาม
“อยู่เงียบๆ เราจะไม่ทำอะไรแม่หญิง”
แพรนวลยอมนิ่ง ไม่กล้าขัดขืน อูซอจึงลดมือที่ปิดปากเธอลง
“ต้องการอะไร”
แพรนวลหันขวับไปประจันหน้ากับอูซอ ทำให้เห็นใบหน้าเข้มคมคายที่มีส่วนผสมของสายเลือดตะวันตกและตะวันออกของอูซอใกล้มาก อูซอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้างดงามและมีเสน่ห์ของแพรนวลชัดๆ
“แม่หญิงเป็นใคร”
“ฉันชื่อแพรนวล..เป็นครูไทยที่เพิ่งย้ายมา”
แพรนวลตอบเสียงดังฉะฉานเข้มแข็ง แม้ภายในใจจะหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย สายตาคู่คมวาวของอูซอมองแพรนวลอย่างพินิจพิเคราะห์มีประกายวาบที่ทำให้แพรนวลอึดอัด สะบัดหน้าหนีไปทางอื่น แต่กลับถูกอูซอจับคางของเธอรั้งให้หันหน้ากลับมาสบสายตาเขาดังเดิม
“แม่หญิงเป็นคนรักของหลาวเปิงรึ”
“คุณรู้จักหลาวเปิง คุณเป็นใคร”
“เจ้าบ่าวตัวจริง”
แพรนวลตกใจ รู้ได้ทันที “อูซอ”
ที่เสียงเคาะประตูห้องนอนตองริ้วดังรัวถี่ๆ จนเจ้านางตองริ้วตกใจตื่น เอื้อมมือไปเปิดไฟที่โคมบนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วรีบก้าวลงจากเตียงทั้งที่ยังงัวเงีย เพื่อไปเปิดประตู เห็นแพรนวลยืนรออยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าเครียดมาก
“คุณแพรนวลมีอะไรคะ”
อูซอ อองเฮียน และทหารอูซอสองคนก้าวออกมาจากข้างประตู ในมืออองเฮียนและทหารถือปืนพกจี้ตัวแพรนวลไว้ คนที่เคาะประตูไม่ใช่แพรนวล แต่เป็นอูซอ
“ยินดีที่ได้พบ..เจ้าสาวของผม”
เจ้านางตองริ้วชะงัก ตกใจมาก
หลาวเปิงกับซานแปงก้าวลงจากรถ มองเข้าไปในหอคำที่ปิดไฟมืดทั้งตึก มีเพียงแสงจากโคมไฟด้านนอกตัวตึกที่ยังให้แสงสว่างตรงทางเดิน ซานแปงรู้สึกผิดหวังคิดว่าเจ้านางตองริ้วหลับไปแล้ว ขณะที่หลาวเปิงมองบรรยากาศโดยรอบหอคำอย่างรู้สึกผิดสังเกต
แพรนวลกับเจ้านางตองริ้วถูกพวกอูซอใช้ปืนจี้พาตัวหลบออกมาทางประตูด้านหลังหอคำ โดยมีทหารอูซอสามคนตามมาสมทบบริเวณนั้น
“เราจัดการทหารยามบริเวณนี้หมดแล้วครับ”
“จะพาพวกฉันไปไหน”
“ถึงแล้วก็รู้เอง”
อองเฮียนจับแขนแพรนวลให้เดินไป แล้วทำเสียงเข้มดุใส่ เจ้านางตองริ้วต่อว่าอูซอด้วยความโกรธ
“เจ้าพ่อต้องไม่พอใจ ถ้ารู้ว่าคุณมาฉุดฉันถึงเวียงขิน”
“ผมมีสิทธิ์มารับตัวเจ้าสาวคืน”
“ฉันมีคนรักแล้ว และเรากำลังจะแต่งงานกัน”
“ยังไม่มีพิธีแต่งงาน ถือว่าเจ้านางยังเป็นคู่หมั้นของผม”
“คุณเป็นต้นเหตุทำให้แม่ฉันเสียใจจนตาย..ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณฉันเกลียดคุณ”
แพรนวลกับเจ้านางตองริ้วถูกพวกอูซอใช้ปืนจี้พาตัวหลบออกมาทางประตูด้านหลังหอคำ แต่หลาวเปิงกับซานแปงนำทหารเข้ามาช่วยไว้ทัน อูซอเห็นว่าเสียเปรียบจึงพาพวกหลบหนี แต่ก็ถูกทหารของหลาวเปิงจับพวกของตัวเองที่ถูกยิงบาดเจ็บไว้ได้
อูซอกลับมาที่ฐานในป่า เจ้านางเรืองระยับแอบตามมา
“ลมคิดถึงหอบเจ้านางมาหาผมถึงที่นี่เลยเหรอ”
“อย่าสำคัญตัวผิด”
อูซอมองใบหน้าสวยเข้ม และผิวนวลเนียนของเจ้านางเรืองระยับอย่างพึงพอใจ
“เจ้านางคงลืมอดีตของเราไปหมดแล้ว”
“ฉันไม่มีวันลืมว่าเคยปฏิเสธคุณตลอดเวลาที่อยู่อังกฤษ”
“สวย มั่นใจ และมั่นคงกับคู่หมั้นเพียงคนเดียว”
“ฉันยินดีสนับสนุนคุณกับน้องตองริ้ว”
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลในหอคำ”
“แลกกับการทำงานให้ฉัน”
“อะไร?”
“จัดการผู้หญิงที่ชื่อแพรนวล” เจ้านางเรืองระยับเสียงเหี้ยม
อูซอยิ้มพอใจ เขารู้สึกชอบแพรนวลไม่ต่างจากเจ้านางตองริ้ว
แพรนวลตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่เชียงราย เมื่อแหลมทองมาปลุกตามเวลา และบอกให้รู้ว่าเขตต์จะมาทานอาหารเที่ยงด้วย โดยปราณีโทร.มากำชับให้คำแดงทำอาหารให้ แพรนวลเลี่ยงไม่ได้
แพรนวลชวนคำแดงกับแหลมาทองไปเยี่ยมคำเอ้ยที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นว่ายายคำเอ้ยไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรแค่หลงๆ ลืมๆ ประสาคนแก่ เธอจึงบอกคำแดงให้พายายคำเอ้ยกลับมาพักที่เรือนเล็กในบ้าน
ความทรงจำของยายคำเอ้ย ทำให้แพรนวลเริ่มมีความหวังที่จะสอบเรื่องราวในเมืองเวียงขิน
“หลังสงครามสงบ..แม่อุ้ยได้เจอหลาวเปิงบ้างมั้ยคะ”
“ไม่เคยได้ข่าวจายหลาวเปิงอีกเลย” ยายคำเอ้ยนิ่งคิด พยายามทบทวนความทรงจำในอดีตอันเลือนราง “รู้แค่จายหลาวเปิงยกเตียงให้นายต่วนเอากลับมาเชียงราย นายต่วนรักและหวงเตียงนั้นมาก นายต่วนไปธุระที่กรุงเทพฯ คุณนายคนแรกก็ให้ช่างต่อเตียงหลังนั้นแล้วขึ้นไปนอน พอนายต่วนกลับมาถึงบ้านที่เชียงราย คุณนายก็ตายไปเจ็ดวันแล้ว เนื้อตัวเหมือนคนนอนหลับแต่ไม่หายใจ”
“รู้ได้ยังไงว่าตายไปเจ็ดวัน”
“วันที่ต่อเตียง ห่างจากวันที่นายต่วนกลับมาถึงบ้านเจ็ดวันเจ็ดคืนพอดี”
คำบอกเล่าของยายคำเอ้ยช่วยให้ความสงสัยของแพรนวลเริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว
เขตต์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการโรงแรม สุนัยชวนเขาไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกันก่อนเริ่มงาน แต่เขตต์ปฏิเสธบอกว่าจะรีบศึกษางานของโรงแรมให้เข้าใจ และจะไปทานอาหารกลางวันกับแพรนวลอย่างมีความหวังว่าแพรนวลจะใจอ่อน
ปราณีโทร.หาแพรนวล เกลี้ยกล่อมให้เธอคืนดีกับเขตต์
“เลือกจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร..เราก็ต้องเปิดใจให้โอกาสเขาแก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาด”
“ชีวิตคู่คือสองคน..ถ้ามีคนที่สาม มันก็ไม่ใช่ชีวิตคู่แล้วค่ะ”
“ไม่ว่าแพรจะตัดสินใจยังไง..ก็ควรพูดกับเขตต์ดีๆ ด้วยเหตุผล ถ้าใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้”
“แพรจะยอมแม่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ..แม่เคยเห็นเตียงโบราณที่พ่อเก็บไว้ในห้องเก็บของมั้ยคะ?”
“เตียงของเวียงขิน..แพรอย่าไปยุ่งกับเตียงนี้นะลูก”
“ทำไมคะแม่”
“พ่อเคยเล่าให้แม่ฟังว่าเตียงหลังนั้นมีอาถรรพ์เพราะภรรยาคนแรกของพ่อนอนตายบนเตียงนั้น”
“แพรให้ช่างต่อเตียงนั้นนอนตั้งแต่มาถึงเชียงราย ก็ไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวเลยนะคะ”
“แม่ไม่ค่อยชอบฟังเรื่องภรรยาเก่าของพ่อ แต่จำได้ว่าพ่อเคยเขียนเรื่องของกิ่งแก้วไว้ในสมุดบันทึก”
“กิ่งแก้ว?”
หลังวางสาย แพรนวลเริ่มรื้อลังที่บรรจุหนังสือพิมพ์ที่ซ้อนวางเรียงกันเป็นระเบียบในซองพลาสติกใส แหลมทองเข้ามาเห็นจึงให้เขาช่วยหา ทั้งสองต่างแยกกันหาสมุดบันทึกของนายต่วนจากลังเอกสารคนละลัง
แพรนวลเห็นซองจดหมายสีขาวซีดจนเป็นสีเหลืองหล่นจากการถูกแทรกคั่นไว้กับปึกหนังสือ เธอหยิบซองนั้นขึ้นเปิดออก ภายในมีกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าจนเหลืองพับอยู่อย่างเรียบร้อย แหลมทองชะโงกหน้าดู เห็นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่แพรนวลเปิดออกอ่านมีรูปภาพขาวดำกับตัวหนังสือภาษาอังกฤษพิมพ์บรรยายเหนือภาพ แพรนวลใจสั่นเมื่ออ่านข้อความจากข่าวจนจบ
“ข่าวภาษาอังกฤษเขียนว่าอะไรเหรอครับ?”
“หอเจ้าฟ้าเมืองเวียงขินถูกทำลายหลังสงครามโลก”
ใบหน้าของแพรนวลเศร้าหมองจนแหลมทองไม่กล้าถามอะไรอีก
แพรนวลพับกระดาษข่าวนั้นกลับคืนซอง สะท้อนใจถึงความสูญเสียของหลาวเปิง แหลมทองชูสมุดปกแข็งสีน้ำตาลเข้ม ค่อนข้างหนา ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่เก่าคร่ำครึจนสันขอบกระดาษเก่าจนเป็นสีน้ำตาลแดงให้แพรนวลดู แพรนวลรับสมุดเล่มนั้นมาถืออย่างประคับประคอง
“น่าจะใช่”
ยังไม่ทันเปิดสมุดบันทึกดู เสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้แพรนวลกับแหลมทองชะงัก หันออกไปมองด้วยความสงสัย
“คุณเขตต์รึเปล่าครับ”
แพรนวลเครียด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอ
เขตต์ยิ้มหวานด้วยความดีใจ เมื่อมองเห็นร่างระหงของแพรนวลเดินเข้ามา เธอแต่งกายด้วยชุดไทเขินที่ดูสวยแปลกตา แพรนวลพยายามข่มซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดที่เริ่มประทุกลับมาภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เมื่อได้เจอเขตต์ซึ่งๆ หน้า เขตต์ยื่นดอกกุหลาบสีชมพูช่อใหญ่ให้แพรนวล เธอจำต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้ ครั้นพอเขตต์เลื่อนกายเข้าใกล้แพรนวลหวังจะกอดเธอด้วยความคิดถึง แพรนวลกลับแข็งขืนและใช้ช่อดอกกุหลาบกั้นขวางร่างของเธอไว้จากเขตต์
“ผมคิดถึงแพรมากที่สุด”
“ปล่อยแพรค่ะ”
“ยกโทษให้ผมเถอะที่รัก”
แพรนวลผละจากอ้อมแขนของเขตต์ทันที “มากินข้าวไม่ใช่เหรอคะ รีบกินจะได้รีบกลับ”
น้ำเสียงหมางเมินและสีหน้าเย็นชาของแพรนวลทำให้เขตต์ยิ่งทรมานใจ ไม่กล้าเซ้าซี้เธอมาก
++++
ย้อนอ่าน