หลายคนตกใจอย่างมากหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของนักร้องบอยแบนด์ดังในยุค 90 โจ บอยสเก๊าท์ หรือโจ-ธนัท ฉิมท้วม ที่ได้เสียชีวิตขณะกำลังเล่นคอนเสิร์ต ด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย โดยในช่วงระหว่างที่รดน้ำศพ มีเด็กหนุ่มเข้ามาร่วมงาน และบอกว่าเป็นลูกของโจ บอยสเก๊าท์ ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาคนในงานตกใจเป็นครั้งที่ 2 เพราะไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า โจ บอยสเก๊าท์ จะมีลูกแล้ว

ซึ่งเด็กหนุ่มคนนี้ชื่อว่า ไอซ์-โชคชัย อุชชิน อายุ 27 ปี โดยไอซ์ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้าแล้วว่า เป็นลูกของโจจริง มีแม่ชื่อ น้ำ-นันทิยา อุชชิน โดยเมื่อวานนี้ (12พ.ย.) ทั้งแม่น้ำและไอซ์ ได้เดินทางไปร่วมงานศพของโจ จึงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เจอหน้ากันกับคนในครอบครัวของโจ

ล่าสุดรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง one 31 ที่มี พีเค-ปิยะวัฒน์, ธัญญ่า-ธัญญาเรศ และเบนซ์-พรชิตา ทำหน้าที่พิธีกรได้สัมภาษณ์พูดคุยกับน้องไอซ์และแม่น้ำ ถึงเรื่องราวความเป็นมา ตั้งแต่วันที่แม่น้ำได้เจอกับโจ จนถึงปัจจุบันนี้

รู้จักกับพี่โจได้ยังไง?
แม่น้ำ “โจเขาทำงานอยู่ที่กะซู่ ตอนนั้นเขาเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นบาร์เทนเดอร์ รู้สึกเจ้าของร้านจะเอ็นดูเลยให้ทำงาน ร้านอยู่ที่กรุงเทพฯ ตรงข้ามพาเหรด พี่ก็เป็นนักศึกษาก็ไปเที่ยวกันตามประสาวัยรุ่น ก็ไปเจอแล้วไปเที่ยวทุกวันๆ จนสนิทสนมกัน ก็เหมือนพี่น้องกันมากกว่า พอเรากลับเขาก็กลับไปเที่ยวต่อด้วย แล้วก็บางทีไปนอนด้วย เพราะตอนนั้นเราเป็นนักศึกษาอยู่ที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ก็จะเช่าอยู่กันหลายๆ ห้อง เหมือนเพื่อนน่ะค่ะ มันไม่ใช่ความรักกันหวานแหวว จะถามว่าจีบก็ไม่ได้จีบ ไปกันตามสเต็ป ตอนนั้นโจอายุน้อยกว่า 7 ปีค่ะ ตอนที่มีไอซ์พี่ก็จำไม่ได้นะ แต่พอรู้ว่าท้องก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะทำยังไง แต่เอาจริงๆ เพื่อนพี่ก็ซื้อยาให้กิน กินแล้วก็อ้วกออกมา เลยตัดสินใจกลับบ้าน แต่ตอนนั้นจำไม่ได้ว่า บอกโจรึยัง แต่จำได้ว่าไม่ได้บอกพ่อกับแม่ จนตัดสินใจที่จะเอาน้องไอซ์ไว้ ก็ไปหาหมอ น่าจะประมาณเดือนที่ 5-6 ก็โทร.บอกโจ เพราะพี่ตัวเล็กด้วย จนพี่จะคลอดแล้วพ่อกับแม่ยังไม่รู้เลย แล้วจากนั้นเราก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย”

ก็ต้องเลือกว่าจะเอาอยู่หรือเอาออก?
แม่น้ำ “คือในตอนนั้นเป็นประสบการณ์ของเรา และสังคมในสมัยนั้นด้วย เป็นสังคมของคนต่างจังหวัดที่ส่งลูกมาเรียน พูดตรงๆ คือลูกก็ท้องไม่มีพ่อ พ่อแม่จะรับได้มั้ย คนรอบข้างจะรับได้มั้ย ตอนที่พี่ท้องพี่ก็โทร.บอกโจนะ และตอนนั้นพ่อแม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ขนาดอยู่ในบ้านด้วยกันนะว่าพี่ท้อง ซึ่งพ่อเขารู้เขาก็เงียบ ตอนนั้นเขา 16 ก็ห่างกับพี่ประมาณ 7 ปี แต่พี่ไม่ได้อะไรคือพี่ก็บอกเขา คือพี่ก็รู้ว่าเค้าจะเข้าวงการ แต่ยังไม่ได้ออกอัลบั้ม กำลังอยู่ในช่วงฝึกเป็นนักร้อง แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา คือพี่ก็บอกว่าไม่ต้องสนใจ ก็คือว่าพี่บอกให้รู้ว่าพี่มีน้องนะ แล้วโจก็ทำหน้าที่ของโจไป และเราก็ขาดการติดต่อกันไป ต่างคนต่างอยู่ ในช่วงที่พี่คลอดลูก พี่ก็จะโทรไปบอก แต่พี่จำไม่ได้ว่าโทรไปทางไหน อาจจะทางเพื่อนโจ หรือว่าอาร์เอสนี่แหล่ะ ก็บอกว่าพี่คลอด ก็ไม่ได้คาดคั้นว่าเค้าจะรับผิดชอบอะไร ก็แค่เรามีลูกนะ ถ้าคุณสะดวกหรือว่างก็มาหาหน่อย”

แล้วพี่โจมาหาลูกบ่อยไหม?
แม่น้ำ “เจอน้องไอซ์ครั้งแรกก็ตอนขวบกว่าๆ มั้ง เจอครั้งแรกก็ตอนที่โจไปเล่นคอนเสิร์ตที่สุราษฎร์ฯ ตอนนั้นพี่อยู่สุราษฎร์ฯ ก็เจอกันโรงแรมที่โจพัก แล้วภาพนี้ก็เป็นภาพเดียวที่ไอซ์ได้ถ่ายกับพ่อเขา เพราะพี่เป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป และไม่มีกล้อง รูปนี้เป็นรูปที่หลานพี่ที่ไปด้วยถ่ายให้”

ตอนที่แม่บอกว่า คนที่เล่นคอนเสิร์ตนี้เป็นพ่อของเรา ตอนนั้นไอซ์รู้สึกยังไง?
ไอซ์ “ตอนที่จำความได้ก็ตอน 4 ขวบ ไปเจอพ่อที่กองบิน ก็รู้สึกดีใจปลื้มพ่อ เหมือนเป็นฮีโร่ คือตอนนั้นยังไม่เข้าใจความเป็นพ่อ แต่เข้าใจว่าเขาเป็นฮีโร่ สมัยเด็กๆ ก็บอกเพื่อนบอกคนรอบข้างตลอด แต่ไม่มีใครเชื่อ จนวันหนึ่งก็ช่างมัน ไม่บอกก็ได้”
แม่น้ำ “ก็จนวันหนึ่งโตขึ้น รู้สึกว่าไม่รู้จะบอกทำไม จนคนในหมู่บ้านที่พี่อยู่ เขาจะยืนยันกันได้เพราะเคยเจอโจไปหาที่บ้าน แต่สังคมภายนอกออกมาก็จะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเชื่อพอโตมา หน้าตามันเหมือนกันเลย”

อย่างเวลาเราบอกว่า นี่พ่อเรานะ แต่คนไม่เชื่อแล้วบอกว่า อย่ามาโกหก นี่บ่อยมั้ย?
ไอซ์ “บ่อยครั้ง อย่างเวลาไปเรียนที่ใหม่ เราก็บอกเขา เขาก็ไม่เชื่อแล้วมาถามว่า ทำไมในใบเกิดถึงไม่มีชื่อพ่อ”
แม่น้ำ “ในใบเกิด พ่อพี่ไปแจ้ง แล้วให้เพื่อนที่เป็นนายทะเบียนเขียนให้ว่า น้องไอซ์เป็นน้องพี่ พ่อพี่ไปแจ้งแต่ไม่ได้ไปด้วยตัวเอง เลยฝากให้เพื่อนที่เป็นนายทะเบียนจัดการให้ ในนั้นเลยเป็นชื่อพ่อกับแม่พี่ ที่เป็นพ่อแม่น้องไอซ์ ถ้าตามทะเบียนเอกสารทางราชการ น้องไอซ์จะเป็นน้องพี่ เป็นคนสุดท้อง”

เห็นว่าน้องไอซ์เป็นนักร้องด้วย?
ไอซ์ “ใช่ครับ เป็นนักร้องโรงเรียน”

แสดงว่า 27 ปีที่ผ่านมา เราเลี้ยงดูเองอยู่คนเดียว?
แม่น้ำ “ก็ไม่เชิงหรอก ก็เลี้ยงกันมาปกติเหมือนทุกคนนะคะ เพียงแต่ว่าพี่ไม่ค่อยซีเรียสกับปัญหาที่มันเกิด”

อย่างตอนที่บอยสเก๊าท์รุ่งมากๆ เราคิดที่จะบอกโจมั้ยว่า เอาเงินมาช่วยการศึกษาลูกหน่อย?
แม่น้ำ “ไม่ค่ะ คือครั้งแรกที่โจเจอน้องไอซ์ตอนขวบกว่าๆ เขาก็นั่งมองกัน เขาก็คุยกัน เขาบอกว่าเขาจะไม่มีลูกอีก พี่เลยบอกว่ามันไม่ยุติธรรมกับแฟนใหม่เธอ ถ้าวันข้างหน้าเธอมีครอบครัว เธออย่าเพิ่งตั้งเป้า เพราะเขาไม่อยากให้ลูกเหมือนเขาที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์ เพราะตัวเขาเองก็ไม่สมบูรณ์ พี่ก็บอกว่าอย่าไปตั้งเป้า มันไม่ยุติธรรมกับแฟนใหม่เขา นั่นก็คือส่วนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเคขายังไม่มีแฟนนะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะปฏิบัติยังไง แล้วเรื่องการเลี้ยงดู คือพี่ก็บอกว่า โจก็ดูแลของโจไป ถ้าวันหนึ่งโจมีเหลือ ค่อยมาจัดการให้ลูก ตอนนี้ถ้าน้ำทำได้ น้ำดูแลตัวเองได้ ก็จะดูแลตัวเองไป ทีนี้พี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะมีมีญาติพี่น้องช่วยเหลือ มันก็เลยเหมือนว่า โจไม่ได้ดูแลลูก และด้วยความเคยชินมา 27 ปี เราก็เลยลืมเรื่องความรู้สึกเขาไป ก็แค่นั้นเอง”

ก่อนที่พ่อจะเสีย เราได้คุยกับพ่อบ่อยมั้ย?
ไอซ์ “ก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง คุยเฟซบ้าง ส่งหากันบ้าง คุยกันเรื่องเรียนถ้ามีปัญหาก็โทรปรึกษาพ่อ พ่อเขาก็ให้คำปรึกษาตลอด ถ้าคุยเฟซบุ๊ก ส่วนใหญ่ก็จะคุยกันเล่นๆ ทั่วไปตามประสา แต่คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นลูก เราก็คุยกันตลอด เวลามาเจอพ่อก็ไปเที่ยว ไปกินข้าว ถามว่าเจอกันบ่อยมั้ย ปีละครั้งครับ แล้วแต่สถานการณ์ว่าไอซ์มากรุงเทพรึเปล่า”

เคยคิดที่อยากจะบอกทุกคนมั้ย?
ไอซ์ “ไม่ครับ แต่เคยถามพ่อว่า ปู่กับย่ารู้มั้ย พ่อก็บอกว่า รู้ครับ ตอนที่ถามตอนนั้นบอกว่ารู้ครับ แล้วเพิ่งมารู้ตอนหลังว่า ยังไม่รู้”

แต่มีประเด็นขึ้นมา ตอนที่เพื่อนพ่อโทรไปบอกว่า พ่ออยู่ไอซียูนะ แล้วเราบอกว่า ไม่ว่าง อันนั้นคือจริงมั้ย?
ไอซ์ “จริงครับ ตอนนั้นครึ่งหลับครึ่งตื่นครับ มันดึกแล้วด้วย มีคนโทรไปเราก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร บอกว่าพ่ออยู่ รพ.ลาดพร้าว ให้มาดูหน่อย เป็นโรคหัวใจ ด้วยความที่เรายังงัวเงียอยู่เลยบอกไปว่า ไม่ว่าง”
แม่น้ำ “คือจริงๆ ไม่ได้คิดหรอกว่าเรื่องจริง เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีเพื่อนพ่อคนไหนโทรมา ตอนที่เขาเล่าให้ฟัง เรายังพูดเลยว่า ลูกโกหกรึเปล่า แล้วเพื่อนปาป๊าเขาจะเอาเบอร์ลูกที่ไหนโทรมา จึงไม่แปลกที่ลูกจะไม่เชื่อ และพี่เองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะจากประวัติของโจแล้ว เขาไม่เคยมีข่าวว่าเขาป่วยเลย ฉะนั้นพี่ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะพี่เองก็โทรหาน้องไอซ์ตอนเช้า ปลุกเขาไปทำงาน เขาก็ยังลืมเรื่องนี้เลย โดยสามัญสำนึกจิตน่ะนะ แล้วตี 1 ตี2 ก็ไม่เคยมีใครโทรมา แล้วตัวพี่เองยังว่าลูกว่าลูกโกหกเลย”

มีลางมีความรู้สึกอะไรบ้างมั้ย?
แม่น้ำ “ไม่มีนะ ไม่มีเลย ตอนพี่รู้ข่าว พี่ยังคิดเลยว่าจริงรึเปล่า ตอนเพื่อนพี่โทรมา พี่ถึงรู้สึกว่าจริง ถ้าถามตัวพี่ พี่จะรู้สึกห่วงลูก เพราะลูกพี่อยู่กรุงเทพคนเดียว ห่วงความรู้สึกเขา เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะรู้สึกแค่ไหน เขาก็เป็นเหมือนพ่อเขาที่ไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึก เราห่วงตรงนั้นมากกว่า ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกที่มีต่อโจ แต่ละห่วงลูก”

ไอซ์ล่ะ พอเรารู้ว่าเป็นเรื่องจริง ตกใจมั้ย?
ไอซ์ “ตกใจครับ ก็โทรไปปรึกษาแม่ว่า ทำไงดี พอเราคุยกับแม่เสร็จก็วางหูแล้วติดต่อไปที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลบอกว่าไปที่นิติเวชส่งไปชันสูตร ผมก็โทรไปที่นิติเวช แล้วเขาบอกเอาไปวัดแล้ว ผมเลยตามไปวัด”

แต่มีอีกประเด็น ที่คนมองกันว่า เราไปเปิดตัวกลางงานศพ เพราะอยากจะดังรึเปล่า?
ไอซ์ “ไม่เลยครับ ก็ที่ไปงานศพเพราะไปด้วยความตั้งใจที่อยากไปรดน้ำศพพ่อครับ เหมือนเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้พ่อได้ ก็เลยไปไม่ได้คิดอะไร”

แต่คนมองว่า ถ้าเราเป็นหลาน เราต้องเข้าไปสวัสดีญาติๆ ก่อน คนเลยเพ่งเล็งว่าทำไมเราไปถึง ถึงไปบอกนักข่าวว่าเป็นลูก?
ไอซ์ “ก็ตอนไปตอนแรกก็เข้าไปงานครับ มีเพื่อนพ่อพาไปแนะนำให้ปู่รู้จัก นั่งข้างปู่สักพักหนึ่ง เหมือนปู่จะยังไม่รู้ ซึ่งผมก็ไม่เคยเจอปู่ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย เป็นครั้งแรกที่เจอ ก็คุยกับปู่ปกติ เหมือนเขายังไม่รู้ว่าเราเป็นหลาน พอช่วงค่ำ เหมือนปู่เขาอยากจะเข้ามาคุยด้วย แต่เขาติดงานก็เลยไม่ได้เข้ามาคุยด้วยครับ”

ตอนนั้นพอรู้ว่าเขาเป็นปู่ เราอึดอัดมั้ย หรืออยากจะวิ่งเข้าไปหา?
ไอซ์ “ไม่ครับ ด้วยความที่เราอยากเจออยู่แล้ว เราอยากเจอญาติทางฝ่ายพ่ออยู่แล้ว พ่อเขาก็อยากพาไปเจอ แต่ไม่ได้ไป เพราะเขาติดงาน”

คนที่พาเข้าไป ตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์เรา เขาเป็นใคร?
ไอซ์ “เป็นพี่ชายครับ เป็นหลานของแม่ครับ”
แม่น้ำ “พอดีพี่ฝากเขาไป เพราะพี่ไม่อยู่ ฝากให้เขาดูแลไอซ์ เขาก็เป็นดาราหรือนักร้อง พี่ไม่รู้หรอก เหมือนนักข่าวเขาถามว่ามาทำไม น้องเคขาก็บอกว่า พาหลาน ลูกพี่โจมาไหว้ นั่นคือเป็นเหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นมา คนก็ตื่นตัวกัน แต่พี่ไม่ได้โทษใครนะ ต่างคนต่างอยู่คนละมุม คนละความคิด ทางนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไร เขาพาหลานมาไหว้ พี่ฝากมา แล้วมีคนถามว่า มาทำอะไร เขาก็บอกพาหลานมาไหว้ นี่คือลูกพี่โจ แล้วเผอิญว่าคนที่ถามเป็นนักข่าว ก็เลยกลายเป็นชุลมุนวุ่นวาย ปู่เขาก็ไม่ได้ตั้งตัว ก็เลยเป็นข่าวขึ้นมาตอนนั้น”

มีอะไรมายืนยันว่า ผู้ชายคนนี้ เด็กคนนี้คือลูกของพี่โจจริงๆ?
แม่น้ำ “พี่จะยืนยันกับใครล่ะคะ เพราะคนอื่นไม่ได้มีผลกับพี่กับลูก พ่อเขาคนเดียว เมื่อพ่อเขายอมรับ ก็ไม่มีผลกับคนอื่นว่าลูกพี่จะใช่หรือไม่ใช่ พี่ก็เลยไม่เคยดิ้นรนว่าต้องตรวจดีเอ็นเอ แต่พี่บอกเลยว่า ลูกพี่เป็นการพิสูจน์ดีเอ็นเอที่ประหยัดมาก ตั้งแต่เส้นผม ยันท่านอน เขาเหมือนพ่อเขามาก ตั้งแต่เล็กๆ เส้นผมตอนเด็กเขาก็สีทองเหมือนพ่อเขา ท่านอนก็ยังเหมือน เพราะพี่เคยเห็นไอซ์กับโจสองคนที่นอนแบบนี้ แล้วพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรที่จะต้องพิสูจน์อะไร”

แม่น้ำออกมาแสดงตัวแบบนี้เพราะต้องการสมบัติของโจรึเปล่า?
แม่น้ำ “ถ้าออกตั้งแต่อัลบั้มแรกน่ะนะ เพราะมาเอาตอนนี้โจตายแล้วต้องมานั่งพิสูจน์วุ่นวาย เสียเงินเสียทอง แล้วได้อะไร สู้เรียกร้องตอนนั้นดีกว่า”

เกาะกระแสคนตายดังรึเปล่า?
แม่น้ำ “เกาะกระแสเรื่องอะไรคะ เพราะตัวพี่ที่ออกมานะ พี่ไม่ได้ปกป้องลูกเท่าไหร่ แต่พี่ห่วงที่โจมตีคุณปู่กับคุณย่าเขามากกว่า ก็คือที่เราอ่านจากคอมเม้นท์ในเฟซบุ๊ก คุณย่าเขาโดนหนักมาก พี่ขอมาเป็นตัวแทนย่าเขา โจเขาก็รักแม่เลี้ยงเขานะ ไม่ใช่ไม่รัก แต่คนที่มันช็อก เข้าใจมั้ยคะ คนที่เพิ่งเสียลูก แล้วมีหลานโผล่มา ปฏิกิริยาตอบรับมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว ทีนี้คุณย่าเขาอาจไม่ได้เข้าสังคม สิ่งที่แสดงออกมา สังคมอาจโจมตีเขา คุณปู่ไม่ค่อยเท่าไหร่ พี่จะออกมาขอโทษแทนลูก มาบอกว่าอย่ามาโจมตีคุณย่าเขาเลย เพราะว่าโจเชาก็รักของเขา ก็อย่าไปว่าแก เรื่องอื่นพี่ไม่ซีเรียส พี่ซีเรียสเรื่องของย่ามากกว่า เพราะว่าเขาโดนโจมตีอยู่คนเดียว ภาษาที่ใช้มันก็รุนแรงสำหรับคนแก่ เพราะเค้ขขขามีบุญคุณกับโจค่ะ”

ไอซ์ได้มีโอกาสได้เจอย่าแท้ๆด้วย?
ไอซ์ “ดีใจครับ เหมือนคุณย่าก็อยากเจอเราด้วย ได้มาเจอกันก็รู้สึกดีด้วยครับ ได้กราบคุณย่า แล้วก็พูดคุยเรื่องทั่วไปครับ แต่เหมือนคุณย่าก็รู้ว่าหน้าเหมือน พอเจอคุณย่ายิ้ม ตื่นเต้นมาก ที่จะได้เจอ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน