โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์ อ่วมพิษโควิดรอบ3 รายจ่ายบาน แต่งานไม่มี ผันตัวเป็นแม่ค้าหารายได้เสริม เผยนอยด์หนักอยากนอนหลับไปเลย

เคยแจ้งเกิดฝ่าวิกฤตโควิดรอบแรกมาแล้ว สำหรับกลุ่มนักร้องสาว เจนนุ่นโบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์ ผ่านมา 1 ปี สถานการณ์โควิดกลับมาระบาดเป็นระลอกที่3 ทำเอาหลายคนเดือดร้อนอย่างหนัก รวมไปถึง โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์ หรือ โบว์ กัลยาณัฎศนา แก่นแก้ว หนึ่งในสมาชิกวงซุปเปอร์วาเลนไทน์ ล่าสุดได้เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

วนมาครบรอบอีกปี “เจนนุ่นโบว์” แจ้งเกิดฝ่าโควิดช่วงนี้ปีที่แล้ว ปีนี้ 2564 โควิดก็ยังอยู่ แล้วพวกเราเป็นยังไงบ้าง? เจนนุ่นโบว์ก็ยังอยู่ แต่ก็ใกล้หมดลมหายใจแล้วค่ะ(หัวเราะ) เพราะงานไม่มีแล้ว ต้องหยุดหมดเลย งานที่โยกมาตั้งแต่ปีที่แล้วจะมาเล่นปีนี้ก็หยุด แล้วงานที่เข้ามาปีนี้ก็คือไปต่อไม่ได้ ซึ่งปกติเลยถ้าไม่มีโควิด คิวเราถึงจะไม่เยอะแต่มันก็จะมีจองล่วงหน้าไปจนถึงเดือนธันวาคมแล้ว แต่ว่าพอมามีโควิดคิวจองล่วงหน้ามันไม่มีแล้ว”

โควิดระลอก3 หนักที่สุดเลยไหม? หนักที่สุดเลยค่ะ แต่ถ้ามีรอบ4 นี่ก็คืออาจจะต้องปล่อยบ้างแล้ว อะไรที่มีก็ต้องปล่อยแล้ว ตอนนี้ก็คือยื้อให้สุด อะไรที่เก็บไว้แล้วพอจะเอาออกมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินที่ต้องใช้ในการส่งรถก็ต้องเอาไปก่อน ถ้าเกิดสถานการณ์มันดีขึ้นค่อยเก็บเงินทำใหม่อย่างเช่นทอง หนูไม่ได้มีสมบัติ ไม่ได้มีที่ทางเหมือนคนอื่น แต่จะมีเป็นของที่เก็บสะสมไว้ตั้งแต่เราเริ่มเป็นซุปเปอร์วาเลนไทน์ใหม่ๆ เพราะว่าเริ่มมีรายได้ ตอนนี้มันก็อาจจะต้องเอาออกมาใช้ก่อน”

“ตอนที่เกิดโควิดรอบแรก สำหรับเจนนุ่นโบว์ใช้คำว่าวิกฤตเป็นโอกาส จากที่คนอื่นไม่มีงานแต่เรามีรายการ มีรายได้จากสินค้า เลยยังพอมีเงินตรงนั้นเอามาใช้ในตอนโควิดรอบ2 แต่ว่าเราก็ไม่ได้มีเยอะ ทุกคนอาจจะคิดว่าเรามีเยอะแต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีเยอะ เพราะว่าเราดังด้วยกระแส ไม่ใช่ดังด้วยยอดยูทูบเพลงดังอะไรแบบนั้น”

“ฉะนั้นก็จะเป็นจำนวนหนึ่งที่เจ้าภาพหรือคนจ้างงานสินค้าเขาพอจะจับต้องได้ ได้มาปุ๊บเราก็จะต้องหักค่าใช้จ่ายให้บริษัท ถ้าเกิดว่าเป็นเพลงโฆษณาที่เราต้องทำเพลงด้วยมันก็ต้องหักพวกค่าใช้จ่ายพวกนี้ หักบริษัท หักพวกค่าเครื่องแต่งตัว หักโน่นนี่นั่น แล้วก็ถึงจะมาหาร 3 คน ซึ่งมันก็เหลือไม่ได้เยอะแต่ว่าก็พออยู่ได้มาถึงต้นปีนี้”

ช่วงก่อนโควิดกลับมาระบาด จริงๆ มีงานมากน้อยแค่ไหน? “ถ้าไม่ใช่ช่วงที่โควิดระบาดหนูอยู่สบายๆ เลยเดือนหนึ่งมีแน่ๆ 13-15 งาน หรือว่าอย่างเยอะๆ เลยก็ 15 งาน ที่เยอะเพราะด้วยราคาค่าตัวเราไม่สูง ถ้าอย่างงานวัดเล็กๆ ที่มีงบเท่านี้ก็สามารถเรียกหาเราได้ เรตของแต่ละศิลปินจะไม่เท่ากันอยู่แล้ว อย่างเบอร์ใหญ่ๆ เล่นงานหนึ่งของเขาเท่ากับหนูเล่น 10 งานเลยถึงจะได้เท่าเขา”

แล้วทำงานได้จนถึงเมื่อไหร่ ถึงแบบว่าไม่มีงานแล้ว? “งานสุดท้ายของหนูเลยคือวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งคิวหลังจากวันที่ 11 เม.ย.ยังมีงานอยู่ อย่างเดือนพ.ค.หนูก็มีหลายคิว ตอนนี้ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด มิ.ย.นี้หนูก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า ตอนนี้เจ้าภาพก็ทยอยยกเลิกแล้ว เขาก็บอกว่าเลื่อนไปก่อน แต่เลื่อนไปก่อนของเขาบางงานที่มันไม่มีมัดจำก็คือปีหน้าถึงจะจัด ส่วนมากเป็นงานประจำปี แต่ปีหน้าเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกหาเราหรือเปล่า”

งานที่หายไปคำนวณรายได้เป็นตัวเลขถึงหลักแสนไหม? “ถึงหลักแสนค่ะ เม.ย. พ.ค. มิ.ย. 3 เดือนนี้ก็ตกเป็นแสนอยู่” พอเจอสถานการณ์อย่างนี้ แก้ปัญหายังไง หารายได้จากตรงไหนเข้ามาจุนเจือ? “ตอนแรกคือตันเลย คิดกันว่าจะทำอะไรดี เจอคอร์สสอนทำขนมเจออันนี้ง่ายสุดแล้วคือเฉาก๊วยนมสด หนูก็เลยเข้าไปซื้อสูตรเพื่อขอเรียนกับเขา 400 กว่าบาท เขาก็ให้เข้ากลุ่มและมีวิธีทำให้ดูเป็นคลิป แล้วก็บอกสูตรว่าต้องใช้เท่าไหร่ๆ เลยลองเอามาทำกันดู คำนวณผิดคำนวณถูกเพราะว่าหนูทำอะไรไม่เป็น”

“วันแรกอย่างเมื่อยเลยแต่ว่าก็ผ่านมาได้ด้วยดี วันแรก 50 แก้ว พอทำเสร็จแพ็กปุ๊บก็โพสต์เลย หมดค่ะ(ยิ้ม) หายเหนื่อยแต่ว่ามันก็ไม่ได้กำไรหรอกค่ะ ได้ทุนคืนที่ซื้อของเพราะเราไม่มีอะไรเลยอ่ะ แล้วก็พอมารอบที่2 มีออเดอร์ 150 แก้ว ล่าสุดเลยก็ 230 แก้ว แต่ว่าเดี๋ยวเราก็ต้องหาอะไรเปลี่ยนทำไปเรื่อยๆ ตอนนี้น้องหนูก็ไปเรียนทำน้ำแซนด์วิชโบราณ ทุกคนในบ้านก็พยายามช่วยกันคิด”

ล่าสุดเห็นโพสต์ว่ารายจ่ายเดือนละครึ่งแสน แต่รายรับเป็นศูนย์? “รายได้หนูมันไม่ได้มีเป็นกอบเป็นกำขนาดที่จะเอาไปลงทุนทำอะไรได้เป็นแสนๆ หรือจะเก็บไว้แบบปีสองปีไม่ต้องทำงานเลยก็ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ก็ยังพอมีหมุนอยู่คิดว่า 2 เดือนนี้ยังไหว เราก็หวังว่า 2 เดือนนี้โควิดมันจะหมดแล้วเราก็จะได้ออกงานกัน

“แต่มันก็จะติดตรงที่ว่าถ้าได้ออกทำงานปุ๊บก็จะเป็นหน้าฝนอีก ซึ่งปกติดนตรีหมอลำลิเก 2 เดือนหน้าฝนคือพักวงหยุดงาน อาจจะมีนิดหน่อยที่เขาเรียกว่างานเสี่ยงฝน คือเจ้าภาพเรียกหาจริงแต่ว่าไปแบบวัดดวง ถ้าวันนี้ไม่ได้เล่นก็จะได้แค่ค่าน้ำมันกลับ คืออย่างพวกหนูไม่ใช่ศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ ที่ว่าจะต้องทำสัญญาหรือว่าต้องจ่ายครึ่งหนึ่งก่อนไปเล่น เราก็กันเองกับเจ้าภาพ เจ้าภาพก็เมตตาเรา”

พูดง่ายๆ ว่าเงินเก็บที่มีตอนนี้ก็อาจจะอยู่ได้ไปอีกไม่เกิน 2 เดือน หลังจากนั้นคือไม่น่าจะไหวแล้วใช่ไหม? “ใช่ค่ะ เพราะว่าค่าใช้จ่ายอย่างที่หนูบอกไหนจะค่ารถ คือหนูก็ไม่รู้หรอกว่าเราจะมาเจอปัญหาแบบนี้ เราออกรถมาได้จะ 3 ปีแล้ว เพราะเราคิดว่าเราไหว อย่างเดือนหนึ่งเรามีสัก 5-10 งาน เล็กบ้างใหญ่บ้างเก็บหอมรอบริบส่งในแต่ละเดือนไหว หรือว่าก็ช่วยกันแฟนก็เล่นดนตรีด้วย แต่ว่าตอนนี้แฟนก็คือหยุด สายดนตรีคือหยุดหมดมันก็ไม่รู้ว่าเราจะเอาเงินมาจากไหน เพราะเราไม่คิดว่าจะมาเจอสถานการณ์แบบนี้”

ก่อนหน้านั้นเห็นโพสต์หนึ่งแล้วจุกในใจ ที่เขียนเอาไว้ว่า “ทุกๆ คืนเวลาหลับตานอนจะภาวนาในใจว่าขอให้หลับไปอย่างมีความสุข และไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก” อันนี้คือเกิดอะไรยังไงขึ้นทำไมถึงโพสต์แบบนั้น?

“อันนี้คือจากความรู้สึกเลยจริงๆ เริ่มแรกเลยพอมันมาเจอปัญหา คิดทุกวันก่อนที่จะเริ่มทำขนมว่าเราจะหาเงินจากตรงไหนมา คิดถึงแม่แม่ก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าวันนี้แม่ยังอยู่เพราะว่าแม่เก่งหลายอย่างทำขนมทำโน่นทำนี่ แม่ก็คงจะช่วยออกความคิดหรือว่าทำอะไรให้เราขายได้เยอะๆ วันหนึ่งสามารถทำได้หลายอย่าง คิดแบบนี้ไปทุกวันจะทำอะไรๆ”

“จนวันหนึ่งแบบว่าหรือถ้าเรานอนหลับไปเหมือนแม่ที่แม่นอนหลับไปเลยจะได้ไม่ต้องเหนื่อย มันไม่อยากตื่นมาเจอปัญหาพวกนี้ แล้วคนที่อยู่อาจจะสบายด้วยก็ได้เพราะว่ามีเงินจากประกันบ้างอะไรบ้างของเรา(เสียงสั่น) แต่ไม่ได้แบบว่าคิดสั้นหรืออะไรแบบนั้นนะคะ แค่ช่วงหนึ่งที่อาการมันแบบว่าเหมือนนอยด์

“แล้วพอเราได้ลองโพสต์โอ้โห! มันไม่ใช่เราคนเดียวนะแต่เยอะมาก พี่น้องสายบันเทิงที่ยิ่งกว่าเราก็มี บางคนภาระเยอะกว่าหนูอีก พี่คนหนึ่งที่ทำแดนซ์เซอร์ต้องส่งรถตู้ 3-4 คัน ไหนจะบ้านอีก แล้วบ้านไม่ได้ส่งมา 3 เดือนแล้ว”

แล้วหลังจากนี้วางแผนทำยังไงต่อ สมมติถ้าสถานการณ์มันยังไม่ดีขึ้น ไม่มีงาน แต่มีรายจ่ายสูงขนาดนี้? “ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ให้แต่ละวันมีรายได้เข้ามา อย่างน้อยอาทิตย์หนึ่งมีรายได้จากการทำขนม 2-3 วันก็ยังดีให้มันมีหมุนค่าน้ำค่าไฟ เพราะว่าอย่างค่ารถเรายังพอมีส่งอยู่เดือนสองเดือน แต่ถ้าต่อจากนี้ก็อยากให้โควิดหมดเร็วๆ เราจะได้ทำงานของเรา”

มีเพื่อนมาชวนไปทำงานอะไรบ้างไหม? “มีค่ะ แต่เพื่อนก็แบบแกจะไหวมั้ย เข้าไปดูในกลุ่มหางานกันตามโรงงานอะไรอย่างเงี้ย ซึ่งมันก็เป็นรายได้ประจำนะคะ แต่ว่าชีวิตพนักงานประจำที่เราไม่เคยทำเพื่อมันก็เลยถามว่าแกจะไหวเหรอ ยังคิดอยู่ว่าหรือว่าเราจะไปลองดีสักช่วงหนึ่ง พอหมดโควิดออกทำงานได้แล้วก็ค่อยว่ากัน คือถ้ามันไม่มีภาระส่งรถ ค่าบัตรอะไรพวกนี้เราจะไม่ซีเรียสเลย แต่อันนี้คือจะปล่อยก็ไม่ได้เพราะมันเป็นมือเป็นเท้า”

ถ้าต้องไปทำงานโรงงานจริงๆ ไม่อายใช่ไหมถ้าเกิดมีสายตาคนอื่นมองว่าเป็นนักร้องดังทำไมมาทำงานโรงงานแบบนี้? “ไม่อายค่ะ ชั่วโมงนี้ไม่อายแล้ว เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร อย่างน้าหนูก็ทำงานโรงงานทุกวันนี้ก็มีทุกอย่าง ซึ่งมันเป็นงานประจำดีด้วย แต่แค่ว่ารายได้มันอาจจะไม่ได้เยอะเหมือนเราร้องเพลง เขาทำทั้งเดือนแต่เราร้องงานหนึ่งเราได้เท่าเขาทั้งเดือนอย่างเงี้ยอ่ะค่ะ”

เคยมีความคิดไหมถ้ามันถึงจุดหนึ่งจริงๆ อาจจะต้องขายรถหรือเปล่า? “คิดเหมือนกันค่ะ ถ้ามันไม่ไหวเราก็ต้องปล่อย ซึ่งก็ต้องเสียใจมากเพราะหนูก็ไม่เคย แล้วเขาก็ช่วยทำมาหากินมาตลอด”

แล้วกับเพื่อนๆ คนอื่นในวงเป็นยังไงบ้างได้คุยบ้างไหม? “เมื่อวันก่อนก็เพิ่งได้ประชุมสายคุยกัน พี่เจนก็ขายของไม่ได้เลย ร้านข้าวต้องปิดเพราะบ้านเขามีคนแก่ พ่อแม่เขาก็ไม่ค่อยสบาย ลูกยังเล็ก ของขายไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งคือไม่มีคนมานั่งกินด้วย เขาก็รับพวกแหนมรับของมาขาย ส่วนพี่นุ่นก็บอกว่าไก่เคยขายได้ดีมากที่ตลาดนัด พอโควิดมารอบ2 ว่าขายไม่ดีแล้ว มาเจอรอบนี้ไม่ดียิ่งกว่า คนไม่กินเลย คนซื้อกับข้าวไปทำกินเองที่บ้านซะส่วนใหญ่”

ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดระลอก3 อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือยังไงบ้าง? “คงไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากรัฐบาลนะคะ แค่อยากให้เขาช่วยคลี่คลายปัญหาให้มันจบเร็วๆ เอาวัคซีนเข้ามา จะปิดประเทศ หรือว่าจะปิดจังหวัด หรือจะล็อกดาวน์ยังไงก็ได้เคลียร์ไปให้มันโล่งขึ้นกว่านี้เหมือนรอบ1 รอบ2 ที่เขาทำได้”

“เราก็จะได้ทำงานได้บ้าง เล่นคอนเสิร์ตได้บ้าง ถึงแม้จะเป็นคอนเสิร์ตเว้นระยะห่างแต่ก็ยังมีงานแหละ เพราะอย่างคนจัดงานเขาก็อยากจัด คอนเสิร์ตไม่มี งานจัดไม่ได้ แม่ค้าก็ไม่ได้ออกไปขาย ต้องหยุดหมดเหมือนกัน เวทีเครื่องเสียง โต๊ะจีนทุกคนไม่ได้ทำงานหมดน่ะค่ะ คือไม่ใช่แค่นักร้องแต่มันถึงกันหมด อยากให้เขาแก้ปัญหาได้เร็วๆ ค่ะ”

ส่งกำลังใจให้ทุกคนสู้อีกครั้ง? “เมื่อก่อนนี้หนูเป็นคนที่คอยให้กำลังใจคนอื่นตลอด แต่พอมาถึงจุดที่เราเริ่มท้อเรารู้เลยว่าเป็นยังไง หนูก็ได้อ่านคอมเมนต์ของทุกคนซึ่งทุกคนก็ดิ้นเหมือนกับเรานี่แหละ สู้เหมือนเรา บางคนมีภาระหนี้สิน ไหนจะลูกเปิดเทอมอีก เรียกว่าก็ให้กำลังใจกันไปค่ะ ต้องสู้ต้องผ่านมันไปด้วยกันให้ได้แหละเพราะเราก็ไม่รู้จะทำยังไง ต้องรอให้ผู้ใหญ่แก้ปัญหา ตอนนี้ก็สู้ให้อยู่รอดในทุกๆ วันไปก่อนในช่วงนี้ค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน