ที่โรงหนังพารากอน ซีนีเพล็กซ์ นักแสดงมากฝีมือ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ที่ได้ไปมีผลงานโกอินเตอร์ ถึงประเทศจีน มีโอกาสได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งจะกลับมาเมืองไทย โดยไมค์ เผยว่า “เพิ่งกลับมาถึง 2 วันเองครับ พักประมาณ 5 วัน”

ไปทำงานที่โน่นยาวนานแค่ไหน “ประมาณ 3 เดือนได้”

นานสุดแล้วหรือเปล่า “ไม่ๆ ครั้งนี้ก็เบาๆ รอบนี้ไม่ได้หนักมากเท่าไร”

มาครั้งนี้รอเจอแม็กซ์เวลล์ “ใช่ครับ เพิ่งไปรับที่โรงเรียนมา ไปรับไปส่ง ตอนเช้าก็ตื่นมาไปส่งที่โรงเรียน แล้วก็จับแต่งตัว”

กลับมาเจอลูกเป็นยังไงบ้าง “ก็ดีครับ ก่อนที่จะกลับมาก็ฝันไปเจอลูกจะเป็นยังไงนะ ในฝันจะดี๊ด๊า ตอนไปรับก็เป็นสภาพนั้นจริงๆ”

อารมณ์ไปรับไปส่งลูกเป็นยังไงบ้าง “ตื่นเต้นดีครับ ไม่รู้ว่าตอนไปเขาจะเป็นยังไง จะเก๊กใส่หรือเปล่า โตขึ้นเยอะ พูดเยอะขึ้นครับ”

เขาเข้าโรงเรียนแล้วเราเห็นพัฒนาการเป็นยังไงบ้าง “ดีขึ้นครับ เขาคุยเยอะขึ้น พูดรู้เรื่องขึ้นเยอะ แล้วก็ค่อนข้างที่จะเจ้าเล่ห์ (หัวเราะ)”

มาก็ติดกันมากขึ้น “ตั้งแต่กลับมา ผมขอมาอยู่ด้วยตลอดจนกว่าจะบินอีกรอบ ครั้งนี้อยู่แค่ 5 วัน วันที่ 26 นี้จะบินไปอเมริกาแล้วครับ”

คือคุยกับซาร่าแล้วว่าจะมาอยู่กับน้อง “ใช่คือต้องคุยกันตลอดอยู่แล้ว เรื่องสุขภาพด้วย เรื่องโรงเรียนด้วย ยิ่งเดี๋ยวนี้พอเข้าโรงเรียนจะมีเรื่องเยอะขึ้นเหมือนกัน วันนี้เลิกกี่โมง ต้องค่อยๆ ปรับ”

เราใช้เวลาเต็มที่ ได้ไปเที่ยวกับน้องไหม “ช่วงนี้จะได้ไปแค่โรงเรียนครับ เพราะว่าช่วงนี้ไมค์มาก็ต้องทำธุระด้วย มีหาหมอด้วย”

เหมือนก่อนหน้านี้ซาร่ายังไม่ให้น้องมานอนที่บ้าน “ก่อนหน้านี้นานแล้วครับ น้องยังเด็กอยู่ก็ต้องให้นมแม่ เพราะฉะนั้น ตอนนี้โตแล้ว แล้วต้องเข้าโรงเรียนแล้วด้วย สามารถที่จะเอาน้องมาดูแลได้”

ช่วงหนึ่งน้องป่วยหนัก เราอยู่จีนพอจะรู้บ้างไหม “ทราบตลอดครับ คุยกับทางซาร่าอยู่ตลอด เวลาลูกป่วยจะฝากคนที่อยู่ไทย อย่างคุณแม่ ถ้าอยู่ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

เป็นห่วงลูกขนาดไหน “ต้องคอยติดตามอาการ สมมติถ้าป่วยขึ้นมาขนาดไหน ผมต้องคอยติดตามอาการ เพราะว่าโรคป่วยสมัยนี้ค่อนข้างอันตรายเหมือนกัน”

เราเฟซไทม์คุยตลอดเวลา “คุยบ้างครับผม อยู่จีนมีเฟซไทม์คุยกันบ้างนิดหน่อย”

เราหายไป 3 เดือนน้องจำได้ไหม “ยังจำได้ครับผม”

กลัวเรื่องความห่างไหม เพราะน้องเริ่มโตขึ้นแล้ว “ไม่ค่อยครับ โลกสมัยนี้แคบลงด้วยเทคโนโลยี และหลายๆ อย่างที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ต่อให้ผมไปทำงานต่างประเทศ การติดต่อสื่อสารไม่น่าจะขาดหายกัน”

ไปแต่ละครั้งเราได้อธิบายให้น้องฟังไหม “ค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ ว่าเนี่ยเดี๋ยวแดดดี้ไปทำงานที่จีนนะ เวลาใครถามอะไรเขา แดดดี้อยู่ไหน เขาจะตอบแดดดี้อยู่จีน แดดดี้ทำงาน เขาเข้าใจว่าเราทำงาน”

เวลาเราไปเขามีงอแงบ้างไหม “มีครับ แบบว่าไม่ให้ไป ที่โรงเรียนเราก็ไปเซอร์ไพรส์เพราะเขาไม่เชื่อว่าแดดดี้จะมารับ พอเจอเขาก็ไม่ยอมปล่อยเลย”

ได้อยู่กัน 24 ชั่วโมงเป็นไงบ้าง “ก็ดีนะครับ จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็อยู่มาแล้วก่อนที่จะไปจีน เป็นอาทิตย์เหมือนกัน เขาค่อนข้างติด ผมไปรับเขาครั้งแรกเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ไปส่งและก็ไปรับด้วยตั้งแต่เช้า”

ล่าสุดจะไปอีกกี่วัน “ไป 1 อาทิตย์แล้วจะกลับมาก่อน พอลงเครื่องจะบินต่อเลย ไปอเมริกาพาคุณพ่อไปพักผ่อนบ้าง แล้วไปเจอคนรู้จักนิดหน่อย ไม่ได้เอาแม็กซ์เวลล์ไปด้วยครับ อันนี้เป็นทริปคุณพ่อครับ พาคุณพ่อไป เพราะคุณพ่อทำงานหนัก จะได้ไปพักผ่อนบ้าง”

แล้วเรื่องโรงเรียนแม็กซ์เวลล์ละ เห็นบอกว่าไมค์ทุ่มไม่อั้น “คือตอนเลิกเรียนไปดูไว้หลายที่เหมือนกัน สุดท้ายเคารพการตัดสินใจของซาร่าเขาอยากจะได้ที่ไหน ไปดูแล้วเลือกที่ดีที่สุดให้กับเขา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว คือถ้าเป็นเรื่องการศึกษาของลูกอะไรก็แล้วแต่ ผมยินดีที่จะจ่ายอยู่แล้ว ไม่งั้นผมจะทำงานหนักขนาดนี้ไปทำไม”

เห็นบอกค่าเทอมแม็กซ์เวลล์ครึ่งล้านเลย “ก็แพงอยู่ครับ ผมรับผิดชอบทั้งหมดเลย”

ที่เลือกเรียนนานาชาติเพราะไม่อยากให้น้องโดนถามเรื่องของพ่อแม่ “ผมว่าน่าจะเป็นความเข้าใจผิด จริงๆ ผมก็แอบเห็นแล้วนิดนึง อาจจะไม่ใช่ความหมายนั้นก็ได้ครับ ผมไม่ได้คุยเรื่องนี้กับซาร่าเลยครับ”

เราอยากให้น้องได้โรงเรียนดีๆ สังคมดีๆ “ผมดูเรื่องการสอน ระบบการศึกษามากกว่า ไม่ได้ยิดตึดว่าเป็นโรงเรียนไหน คือถ้าไปดูแล้วรู้สึกว่าระบบการศึกษาที่นี่ดีแล้วโอเค ผมยินดีที่จะเอาลูกเข้าโรงเรียนที่นี่”

เน้นเรื่องเรียนอะไรเป็นพิเศษไหม “องค์ประกอบด้วยรวมครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขอนามัย ความสะอาดในโรงเรียน เป็นเด็กเนี่ยภูมิต้านทานเขาต่ำ คือไปโรงเรียนเชื้อโรคต้องเยอะแน่นอน เด็กเยอะค่อนข้างคุมยาก ดูเรื่องนี้ค่อนข้างหนัก เรื่องระบบการเรียนการสอน ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องวิชาการ แต่ว่าเป็นเรื่องของการปฏิบัติด้วย การสอนให้เขาอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย”

เห็นว่ามีเรื่องของความปลอดภัยด้วย “ใช่ครับมีเรื่องของความปลอดภัยด้วย คนที่เข้าไปในโรงเรียนได้จะต้องติดบัตรทุกคน เพราะฉะนั้นค่อนข้างที่จะปลอดภัย มองเรื่องการเรียน ค่อยๆ ปรับไปตามอายุดีกว่า ก็คือถ้าโตขึ้นจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรก็แล้วแต่ เราก็ต้องถามความต้องการของตัวเขาด้วย คือถ้าไปเปลี่ยนโดยไม่ถามความต้องการของเขา เด็กสมัยนี้เขามีเพื่อนกันเร็ว มีเพื่อนมีสังคมของเขาแล้ว ถ้าเราไปปรับเปลี่ยน โดยที่เราไม่ได้ถามความคิดเห็นของเขาก่อน จะเป็นการไม่เคารพการตัดสินใจลูกมากจนเกินไป”

ที่เราทำงานหนักขนาดนี้มาจากภาระเลี้ยงลูกของเราไหม “ถูกต้องครับ จริงๆ ที่ผมแพลนเอาไว้ในอนาคตจะมั่นคงอีก 10 ปีกว่าๆ เลย คือตอนนี้พยายามบีบทุกอย่างให้อยูใน 5 ปีแล้วก็ลดงาน เพราะว่าตอนนี้คือ เหมือนสุภาษิตไทยตีเหล็กตอนร้อนกับน้ำขึ้นให้รีบตัก ตอนนี้ก็คือร้อนอยู่เพราะฉะนั้นต้องรีบตีให้มันประสบความสำเร็จเร็วๆ เราจะได้มีเวลาแบ่งมาให้ครอบครัวบ้าง”

เรื่องความมั่นคงมองยังไงบ้าง “การเป็นนักแสดง ถ้าไม่แสดงก็ไม่ได้ตังค์ เพราะฉะนั้นความมั่นคงของผมคือ ต่อให้ผมหลับอยู่ก็สามารถหาเงินได้”

ฟีดแบ็กที่จีนเป็นไงบ้าง “ฟีดแบ็กที่จีนค่อนข้างโอเคนะครับ ก็ดีครับช่วงนี้ ละครออนแอร์ต่อเนื่อง ถือว่าช่วงนี้น้ำขึ้นให้รีบตัก ตอนนี้เพิ่งถ่ายละครเสร็จไป 2 เรื่องปีหน้าคงได้ออนแอร์ คาดว่าน่าจะมีละครให้ดูอีกเรื่อยๆ”

ของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ 1 ล้านบาท “พอดีคุณแม่จะจัดงานวันเกิดเป็นครั้งแรกในชีวิต คือเราไม่ได้มา งานที่โน่นเขาฟิกไว้อยู่แล้วว่าห้ามไป วันหยุดก็มีจำกัด ก็ไม่รู้จะเอาไงดี ตัวมาไม่ได้ส่งใจมาให้ละกัน หาเงินมาได้แต่สิ่งที่พ่อแม่ให้เรามามากกว่านั้นครับ”

คุณแม่เป็นไง “ก็แฮปปี้ครับ เมื่อวานนี้คุณแม่ก็กอด ขอบคุณนะลูก แค่นี้เราก็ชื่นใจ เป็นกำลังใจในการทำงาน อวยพรตอนวันเกิดให้คุณแม่ไปแล้วครับ จริงๆ ในอนาคตอยากให้คุณแม่คุณพ่อได้เยอะกว่านี้ เป็นอีกเหตุผลที่ทำงานด้วย ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ก็เพื่อครอบครัวครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน