อั๋น ภูวนาท เริ่มแล้ว จัดวิทยุที่บ้านลดความเสี่ยง – ไม่เชื่อใจวัคซีนที่ฉีด ยกตัวอย่างหมอฉีดแอสตร้าฯ ยังติด คนไทยควรได้วัคซีนตัวเลือก ที่ดีกว่านี้

หลังตัดสินใจ ขอจัดรายการวิทยุอยู่ที่บ้าน เบื้องต้นเป็นเวลา 14 วัน เพื่อความสบายใจและความปลอดภัยของคนในครอบครัว เนื่องจากเวลาที่ดีเจ “อั๋น ภูวนาท คุนผลิน” ออกไปทำงาน ต้องพบคนเยอะ มีความเสี่ยงสูง ที่จะมีโอกาสรับเชื้อโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักอยู่ในตอนนี้

ล่าสุด (5 มิ.ย.) ดีเจคนดัง ก็ได้เริ่มจัดรายการวิทยุจากที่บ้านวันแรก และหลังจากเสร็จงาน เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับ ข่าวสดออนไลน์ ถึงเรื่องการเวิร์กฟร์อมโฮม รวมไปถึงเรื่องของวัคซีน ที่เจ้าตัวมองว่า คนไทยควรจะได้รับตัวที่มีประสิทธิภาพกว่านี้

เริ่มจัดรายการวิทยุจากที่บ้าน? “จัดเสร็จแล้ว เพิ่งจัดเสร็จวันแรก มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย สะดวกก็คือไม่ต้องเดินทางอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องสมบูรณ์ก็ได้ เช่นพี่ใส่ชุดนอนครึ่งล่างได้ ความไม่สมบูรณ์ก็คืออุปกรณ์ยังไงซะ มันก็สะดวกเท่าอุปกรณ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อออกอากาศโดยตรงไม่ได้อยู่แล้ว อันนั้นยังไงมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว คุณภาพเสียงหรือการควบคุม แล้วก็พวกสัญญาณอินเตอร์เน็ตของแต่ละคนหรือแม้แต่ของเราในแต่ละวันมันก็เสถียรไม่เหมือนกัน ก็ต้องยอมรับ เมื่อกี้ก็มีปัญหามีสัญญาณกระตุกมีหลุดบ้าง”

วางแผนจะทำ 14 วัน? “อย่างน้อยเบื้องต้นคือ 14 วัน ไม่อยากจะบอกว่า 14 วันอันตราย แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ตอนนี้เราน่าจะอยู่พีกสุดของทุกอย่างในเรื่องของความอันตรายทั้งปวง พี่ว่าที่สุดแล้วแต่ ถ้าเราไม่ช่วยกันตัดทอนพี่ว่ามันจะพีกกว่านี้

ส่วนในเรื่องของการตัดสินใจว่าเราจะอยู่บ้าน มันเป็นเรื่องการตัดสินใจร่วมกันของที่บ้านว่าอยู่บ้านดีกว่า เพราะพี่เป็นคนเสี่ยงสุดของบ้านแล้ว หมายถึงว่าพี่ออกไปจากบ้านเยอะสุด ไปรายการทีวีทุกวัน เราก็สัมภาษณ์แขกรับเชิญทุกวัน คือพี่เจอคนเยอะมาก ต่อให้พี่ใส่หน้ากากสองชั้นมีมาตรการขั้นสุดยังไงก็แล้วแต่ แต่เมื่อพี่ออกจาก แล้วกลับบ้านมา พี่คือคนที่เสี่ยงสูงสุด

แล้วในภาวะการนี้ ไม่รู้ว่าติดเชื้อจากไหนเยอะมาก หลายๆคนที่ใกล้ตัวเรา เค้าก็บอกว่าระวังดีมากเลย ไม่ออกจากบ้านเลย เค้าติดจากไหน เราเลยรู้สึกว่าขนาดเค้าระวังเค้ายังเสี่ยงเลย แล้วพี่คือเหมือนต้องออกไปวิ่งล่อเป้า กลับบ้านมาก็ ..เห้ย เธอ ดีใจจังเลยวันนี้ฉันรอดว่ะ ทำไมต้องพาไปเองไปอยู่ในสมรภูมิ ถ้ามันมียิงกันข้างนอก อย่าพึ่งออกไปซัก 2อาทิตย์ได้ไหม








Advertisement

พี่จ๋า(ภรรยา) กับคุณแม่เค้าก็มานั่งคุยกัน พี่ก็ว่า มันก็จริง เค้าบอกว่าคุ้มหรอ พอมานั่งคิด ก็เออ…ไม่ได้คิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้มหรอก แต่ไม่ว่าอะไรได้เงินเท่าไหร่ ถ้าต้องป่วยก็ไม่คุ้มทั้งนั้นแหละ แล้วบังเอิญป่วยเตียงก็ไม่มี โรงบาลก็ไม่รับ คือไม่ได้ป่วยในภาวะปกติ สาธารณสุขของเราเปลี่ยมที่จะล้มเหลวหรือล้มเหลวไปแล้วก็ได้แต่ยังไม่รู้ตัว ไม่ยอมรับกัน พี่ก็คิดว่ามันไม่คุ้มจริงๆ

ตัวเราคนเดียวอาจจะกัดฟันทนได้หวังว่าเราคงแข็งแรงพอที่จะไม่ตาย แต่ถ้าเกิดวันว่าคนอื่นในบ้านติดด้วย มันเป็นความเสี่ยงที่เกินกว่าที่เราจะทำใจยอมรับได้นะ ถ้ามันไปถึงจุดนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเค้าถึงขนาดว่าเคยขอแล้วแบบนี้ หยุดเถอะ พี่ก็หยุดเลยทันทีเดี๋ยวนั้น พี่ก็เลยโทรแจ้งว่า พี่ขอปรับรูปแบบการทำงานทั้งหมด ถ้าได้! แต่ถ้าไม่ได้พี่ต้องขอหยุด 2 สัปดาห์ เพราะครอบครัวขอร้อง พี่จำเป็นต้องทำให้แล้วล่ะ”

ที่ทำงานมาก็เข้าใจ? “เข้าใจ คือซักพักหนึ่งแล้ว ที่วิทยุเองก็มีการเตรียมการว่า หากล็อคดาวน์ พวกเราจะออกอากาศต่อได้ยังไง เพราะฉะนั้นเราทดลองระบบกันไว้อยู่แล้ว พี่ก็เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องเอาระบบมาใช้แล้วล่ะ หรือไม่อย่างงั้นพี่ขอลา 2 อาทิตย์ก็ได้นะ พี่ยอมเสียสละรายได้ ถ้ามันเป็นปัญหาในเรื่องของงาน สปอนเซอร์หรือการออกอากาศ ถ้ามันมีเอฟเฟค คิดว่าเคารพตรงจุดนั้นไม่ต้องเกรงใจนะ ถ้ามีคนที่สะดวกใจจะไปจัดรายการแบบนี้ แล้วทำแทนพี่ได้โดยที่เค้ารู้สึกว่าอย่างปลอดภัยหรือรับความเสี่ยงได้มากกว่าพี่ ก็ไปทำแทนพี่ได้นะ

พอเราเริ่มต้นถาม ผู้บริหารก็เลยพูดว่า ถ้างั้น 2 สัปดาห์นี้ ให้ กรีนเวฟ ทั้งหมดจัดรายการจากที่บ้านทุกคนเลยแล้วกัน ให้เป็น 100% ไปเลย เราก็ถามว่า เดี๋ยวก่อนนะ ทุกคนเต็มใจหรือเปล่า เดี๋ยวกลายเป็นพี่นำขบวนหรือเปล่า พี่ไม่ได้มีจะมีประสงค์ในการนั้นนะ เค้าบอก ไม่ ไม่ ไม่ เค้าคิดว่ามันปลอดภัยอยู่แล้ว คือเค้ารู้สึกเหมือนกันว่าสถานการณ์ตอนนี้เปรี้ยวใจเหลือเกิน”

ณ ตอนนี้ ไม่ไว้ใจที่จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกแล้ว ต้องเซฟตัวเอง? “คือพี่เซฟ ไม่รู้จะเซฟยังไงแล้ว เวลาเดินก็คือเดินอ้อมกัน เห็นคนเดินสวนมา ไม่ใช่ห่างกัน 3 เมตรนะ พี่เบี่ยงเปลี่ยนเส้นทางได้เลย อย่างขึ้นลิฟท์ มีคนเดียวพี่ยังไม่เข้าเลย พี่บอกไปเลย เดี๋ยวผมรอตัวต่อไป ผมขอขึ้นคนเดียว แต่ถ้าเราขึ้นแล้วมีคนขึ้นทีหลัง พี่ก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจเค้านะ คือเข้าใจได้ แต่ถ้าเราอยู่ในภาวะเลือกได้อ่ะ ก็ปลอดภัยสุดไว้ก่อน”

แต่ตัวเราเองก็คือฉีดวัคซีนครบหมดแล้ว 2 เข็ม? “ครบหมดแล้ว แต่พี่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม พี่ก็เหมือนกับหลายๆคน ถามตัวเองอยู่ ได้ไหมวะ? แพนเค้ก ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ยังติดเลยอ่ะ แล้วคุณหมอฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ซิโนแวค 2 เข็ม ก็ติด เราไม่ได้โทษวัคซีนนะ แต่เราก็ต้องรู้ว่า ประสิทธิภาพมันอยู่ตรงไหนแค่นั้นเอง เราก็ต้องรู้ตัวว่า ถ้าประสิทธิภาพมันอยู่ตรงนี้นะ เราควรจะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน ก็ต้องฝากความหวังไว้ว่า เราจะมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้ดีกว่านี้

จะบอกว่า เอ้า แล้วพี่อั๋นจะบอกว่า ซิโนแวคมันไม่ดีหรอ พี่ก็อยากถามกลับว่า แล้วมันดีหรอ? แต่พี่คิดว่า ก็คงจะดีกว่าไม่ฉีด พี่ถึงฉีด แต่บังเอิญคิดว่า และน่าจะคิดเหมือนกับหลายๆคนว่า มันมีตัวที่ดีกว่านี้นะเว้ย แล้วถ้ามันมีตัวที่ดีกว่านี้ ทำไมคนไทยถึงไม่ได้ นี่คือคำถามพื้นฐานที่สุด”

และเรื่องนี้คนอยากจะพูดกันเยอะแยะ ถามจริงนะเราเคยเห็นปรากฎตการที่คนออกมาพูดเยอะเท่านี้มาก่อนในประเทศไหม ไม่มีนะ แล้วไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโซเชียลมีเดียด้วยนะ แต่เกิดขึ้นเพราะทุกคนรู้สึกเหมือนกัน แล้วมันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย และทันทีที่มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย พี่ว่าเราต้องก้าวผ่านเรื่องของการแบ่งข้างของการเมืองแล้วนะ พี่ไม่เคยพูดว่าอยู่ข้างการเมืองข้างไหนเลย แต่พี่พูดเรื่องการบริหารจัดการของภาครัฐเท่านั้น ไม่ว่ารัฐนี้จะเป็นใคร มันพูดว่า “ทำได้ดีจังเลย” ไม่ได้เลย คือไม่ได้ตั้งใจจะออกมาปลุกระดมนะ ไม่เคยมีจุดประสงค์นั้น”

อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของวัคซีนอีก? “คือคนพูดเยอะแล้ว แต่ปัญหาคือคุณอธิบายได้ไหม อธิบายได้ไหม? มันมีคำตอบแค่ ได้ กับ ไม่ได้ ถ้าได้ อธิบายว่าอะไร ถ้าเข้าใจได้ฉันยอมรับ แต่ที่ผ่านมาเมื่ออธิบายแล้ว ไม่ได้รับการยอมรับ แปลว่าอธิบายไม่ได้ แล้วถ้าอธิบายไม่ได้ แล้วทำไมอธิบายไม่ได้?”

เราก็เป็นหนึ่งในคนที่รอวัคซีนทางเลือกที่ดี? “คือไม่ได้อยากดราม่า ไม่ได้อยากออกมาด่าทุกวัน เพราะไม่ได้ชอบแนวนี้อยู่แล้ว อย่าเรียกว่าออกมาด่าทุกวัน เรียกว่าออกมาถาม แล้วจริงๆอยากจะให้คุณมีโอกาสได้ตอบ เมื่อถามแล้วมีโอกาสได้ตอบ คุณไม่ดีใจหรอ ที่คุณได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจของประชาชนคืออะไร แล้วทำไมคุณไม่ถือโอกาสนี้ในการเคลียร์ใจ นอกซะจากคุณเคลียร์ไม่ได้”

ด้านสุขภาพร่างกายเป็นยังไงบ้างช่วงนี้? “ดีงาม ไม่เป็นอะไรเลย ดีกว่าช่วงที่ผ่านมามากเลย เเราะได้พักเยอะ เลือกกินเยอะมากด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้ก็จะกินตามกองถ่ายเยอะ ตอนนี้ก็มีเวลาได้นั่งคิดว่าจะกินอะไรดี ก็โอเเค”

น้องพอล ก็สบายดี? “สบายดีครับ ก็ห่างกันตอนนี้ น้องเค้าก็อยู่ข้างล่าง พี่จะอยู่ห้องส่วนตัวข้างบน ไม่ได้อธิบายให้เค้าฟังมาก แต่ก็เพื่อความปลอดภัย แต่เค้ารู้จักโควิด”

ในเรื่องของพัฒนาการน้องเค้าเป็นยังไง? “ก็โอเค แต่พี่เสียดายโอกาส เพราะเค้าอยู่ในวัย 3 ขวบ เราเห็นได้ชัดเจนเลยว่า เค้าต้องการเพื่อน เค้าต้องการแบบอย่าง เค้าต้องการการเรียนรู้ในเชิง EQ ซึ่ง IQ พี่ว่ามันยังไม่ได้โหดมาก ในเชิงวิชาการ พี่ว่ามันยังไม่เป็นไร มันยังตามกันทัน แต่ในเชิง EQ ตอนนี้มันยากจังเลย เค้ากลายเป็นเด็กที่โตมากับผู้ใหญ่ แล้วต้องเล่นกับผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ต้องทำเป็นเด็ก ซึ่งมันไม่เหมือนกับเวลาที่เด็กเล่นด้วยกัน การสื่อสารการถ้อยทีถ้อยอาศัย พยายามเรียนรู้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของกลุ่ม การที่เค้าจะพยายามทำให้เพื่อนยอมรับ คือเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากในวัยหนึ่งของพวกเราทุกคน พี่ว่าทักษะการทางสังคมตรงนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้เลย กับการที่โฮมสคูล เรียนออนไลน์ หรือเติบโตกับพ่อแม่โดยที่ไม่มีโอกาสไปเจอเพื่อนๆในวัยที่ควรที่จะเป็น” ////

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน