‘มิน’ชี้ทุกวินาทีสำคัญ เจอคนที่ใช่ไม่ต้องรอเวลา – ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ มารับงานแสดงภาพยนตร์ “ไสหัวไป นายส่วนเกิน” ประกบพระเอกมาดเซอร์ ‘อนันดา เอเวอริงแฮม’ สำหรับนางเอกสาว ‘มิน’ พีชญา วัฒนามนตรี

โดยวันนี้เจ้าตัวเปิดใจถึงบทบาทในภาพยนตร์ และอัพเดตเรื่องหัวใจที่ตอนนี้โสดสนิท หลังเลิกรากับอดีตแฟนหนุ่ม ‘โอ๊ต’ พิทักษ์ สภาธรรม ที่คบหากันมา 5 ปี

บทบาทในภาพยนตร์ “ไสหัวไป นายส่วนเกิน” เป็นอย่างไร?

มิน – “เรื่องนี้รับบท ‘ผักกาด’ สาววัยเบญจเพสที่เป็นคนคิดบวก ร่าเริง สดใส แต่ชีวิตดันมาเจอเรื่องพังๆ พร้อมกัน ไม่ว่าจะตกงาน แฟนมีกิ๊ก ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จริงๆ ตัวผักกาดมีหลาย พาร์ตที่คล้ายมิน การตีความเลยไม่ยาก ทราบว่าเรื่องนี้มีต้นฉบับเป็นเวอร์ชั่นจีน แต่มินไม่เคยดู เราเลือกฟังผู้กำกับฯ และคนเขียนบทมากกว่าว่าเขาสื่อสารอะไรออกมา ซึ่งก่อนจะรับเรื่องนี้มินอ่านบทมารอบหนึ่งแล้ว ครั้งแรกก็รู้สึกแปลกและน่าสนใจ มินกับพี่อนันดาคิดเหมือนกันว่าบทเรื่องนี้มันหลุดจากกรอบของบททั่วๆ ไปที่เราเคยเล่น หลังจากนั้นก็อ่านอีกรอบหนึ่ง ตอนอ่านก็ร้องไห้นะ”

เรื่องนี้ดราม่าหนักไหม?

มิน – “ตัวมินคิดว่าไม่ใช่หนังดราม่านะ แต่เป็นหนังฟีลกู๊ด ให้ทั้งคุณค่าให้ทั้งพลังงานบวก เป็นการให้พลังใจกับทุกคน แต่แน่นอนในเรื่องต้องมีไคลแม็กซ์ที่อารมณ์ต้องสะวิงขึ้นลง”

ร่วมงานครั้งแรกกับ อนันดา เป็นอย่างไรบ้าง?

มิน – “กับพี่อนันดาเรามีตัวเชื่อมคือเลี้ยงหมาพันธ์ุคอร์กี้เหมือนกัน และเพื่อนพี่อนันดาก็รู้จักกับมิน มีกริ๊งกร๊างว่าจะได้เล่นหนังด้วยกัน ก็ตื่นเต้นเพราะเขาเป็นพระเอกหนังในดวงใจมานานแล้ว พอได้พี่อนันดาเป็นพระเอกเราแฮปปี้มาก เขาคือพระเอกที่เล่นบนความเชื่อของตัวละคร ติสต์ด้วย และตัวจริงก็ น่ารัก ถือเป็นช่วงที่ดี”

แล้วก๊วนเพื่อน อย่าง เจี๊ยบ ลลนา, ไต้ฝุ่น กนกฉัตร, เมโกะ ชนนิกานต์ และ ซานิ นิภาภรณ์ ล่ะ?

มิน – “พี่เจี๊ยบ เมโกะ และไต้ฝุ่น วันแรกดูเกร็งกันอยู่ พี่เจี๊ยบมาด้วยอาการเกร็งเพราะไม่ได้ทานอาหารเช้าและมาสายเพราะหลงทาง ไต้ฝุ่นก็เรียบร้อยจนงง เมโกะก็พูดไม่หยุด มินก็มาแบบไม่มีอะไร ส่วนพี่ซานิเป็นพี่ที่น่ารัก ตลกตลอดเวลา มุขเยอะ ทุกคนมาเริ่มใหม่หมด คือส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีคนกล้าเล่นกล้าด่ามินตั้งแต่วันแรกที่เจอ อาจด้วยเราเป็นคนนิ่งๆ แต่นี่พอมาถึงเมโกะด่ามินเลย เราเลยรู้สึกสนุกไปด้วย กลายเป็นว่าจากวันแรกจนวันนี้เราก็สนิทกันไปเลยและกลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ”

เรื่องนี้เรียกว่าทุกคนไม่ห่วงสวย เพราะมีฉากต้องโกนผมด้วย?

มิน – “ที่ต้องโกนผมเพราะนางเอกป่วยเป็นมะเร็งแล้วผมร่วง เพื่อนๆ ในแก๊งเลยยอมโกนหัวเป็นเพื่อน เป็นโมเมนต์ซึ้งๆ ซึ่งกว่าจะได้หัวโล้นคนๆ หนึ่งต้องใช้เวลาทำถึง 2 ชั่วโมง พอเห็นลุกส์ใหม่ตัวเองก็แปลกดี ตอนที่เขาบอกว่ามีฉากนี้เราก็พร้อมทำเต็มที่เพื่อให้ สมบทบาทมากที่สุด เท่ไปอีกแบบ พออยู่รวมกันหัวโล้นกันทุกคนเลยเหมือน แก๊งลิง”

การทำการบ้านเพื่อเข้าถึงบทบาทเป็นอย่างไร?

มิน – “ต้องคิดก่อนว่าคนที่เป็นโรคมะเร็งจะเป็นอย่างไร แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ผักกาดจะเป็นฟีลกึ่งไม่เชื่อ กึ่งงง ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำใจยาก เพราะเคยใช้ชีวิตในโลกอย่างสวยงาม แล้ววันหนึ่งมารู้ว่ากำลังจะตาย มีคำถามเต็มไปหมด เป็นจริงเหรอ จะตายจริงเหรอ จะรักษาหายไหม มีคนหายกี่เปอร์เซ็นต์ จะเจ็บจะทรมานไหม ความตายคืออะไร เป็นความสับสน เวลาเกิดเรื่องราวแบบนี้มันตั้งรับไม่ได้หรอก อารมณ์จะสะวิง จากคนคิดบวกก็เหวี่ยงได้เหมือนกัน”

“ยากสุดของการตายคือการต้องลาตาย เหมือนว่าไม่มีอีกแล้ว เราที่เกิดมากำลังจะไม่อยู่ในโลกนี้ สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้จากผักกาดคือชีวิตมีคุณค่ามาก พอได้มาเล่นเป็นผักกาดทำให้รู้ว่าแค่ได้มีลมหายใจก็สุดยอดแล้ว แค่มีชีวิตปกติมันเพียงพอแล้ว เป็นความสุขที่เรียบง่ายและสุดยอดยิ่งมีครอบครัวอยู่ใกล้ยิ่งล้ำค่ามากเพราะสิ่งสำคัญของผักกาดคือความรักของคนรอบตัว สุดท้ายสิ่งที่เราจดจำจนวันตายคือความรักที่เรามีระหว่างวันแรกที่เกิดจนวันตาย ทำให้รู้สึกว่าทุกวินาทีของชีวิตมันสำคัญ”

“การที่เรารักตัวเอง ให้คุณค่าตัวเอง เคารพตัวเอง ใส่ใจตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งถ้าเรารักตัวเองเป็น เราก็จะรักผู้อื่นและเหลือล้นไปหาคนอื่น รวมถึงการที่เขาเริ่มเข้าใจว่า การที่เราจะสุขภาพดีมันเกิดจากเราทั้งสิ้น การที่เราจะทำอะไรในชีวิตล้วนมีตัวเราเป็นต้นเหตุ เป็นกฎของชีวิตที่ง่ายและไม่มีใครหนีได้ รู้สึกขอบคุณผักกาด ตัวละครตัวนี้ที่ทำให้เราสัมผัสความรู้สึกนี้อีกครั้ง ขอบคุณทุกวินาทีที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ สิ่งที่ทำได้คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ส่วนอดีตช่างมัน”

“ถ้ารู้ว่าอีกไม่กี่วันเราตาย ความโกรธแค้นที่เรามี ความโศกเศร้า ความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีกับคนที่เรารัก พอรู้ว่าเรากำลังจะจากไปเรื่องพวกนี้เราวางได้ทันที คำถามคือทำไมเราต้องรอให้เกิดเรื่องแบบนั้นในชีวิต”

มาถึงเรื่องความรักของตัวเองบ้าง ตอนนี้โสดแล้ว เกิดอะไรขึ้น โสดตั้งแต่ตอนไหน?

มิน – “ประมาณกลางปีนี้แหละ ก็เป็นปกติของความรัก มันเดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน สุดท้ายไปด้วยกันไม่ได้ก็จบลง จบแบบสวยงามนะ ถามว่าตัดสินใจยากไหม ยากนะ เราพยายามกันเต็มที่แล้ว ค่อยๆ ทบทวน อาทิตย์แรกที่ทบทวนว่าจะเป็นเพื่อนกัน มินไม่ได้บอกใครเลย อยู่คนเดียวที่บ้านเป็นอาทิตย์ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ มีครอบครัวรู้”

มันมาจากอะไร โควิดทำให้ไม่ได้เจอกันหรือเปล่า?

มิน – “ไม่เกี่ยวกับโควิดนะ อาจเพราะคนสองคนไม่เหมือนกัน เราพยายามกันเต็มที่แล้ว สุดท้ายไปด้วยกันไม่ได้ เรามีการปรับจูน ปรับความเข้าใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย 5 ปีที่ผ่านมา เรากล้าพูดว่าเราเต็มที่กันมากๆ เราจบกันด้วยดี ยังมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เรายังต้องทำงานร่วมกันบางส่วนค่ะ”

มีโอกาสจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม?

มิน – “ไม่ได้ค่ะ มันสุดแล้ว มันผ่านการทบทวน ตกผลึก พยายามหยุด พยายามเบรกแล้ว แบบนับครั้งไม่ได้ ทำดีที่สุดแล้ว”

ผ่านมาครึ่งปีแล้ว เรามูฟออนร้อยเปอร์เซ็นต์?

มิน – “มินคิดว่ามินโอเคนะ ก็เหมือนในไอจี โสดแล้วเราก็ต้องสวย ต้องแซ่บ ไม่เศร้า”

ตัดสินใจนานไหมก่อนจะบอกว่าตัวเองโสด?

มิน – “ไม่นานนะ ตอนนั้นมันเรียลมาก ออกรายการ The Driver เขาถามเราก็คิดว่ามันนานพอสมควรแล้วที่เราจะออกจากจุดที่เราพูดได้ จริงๆ มันไม่ใช่ความลับ แต่เคยเป็นไหม เวลาที่เราไม่พร้อมจะพูด เพราะเราไม่รู้ว่าเราไหวแค่ไหน”

มีดราม่าเกี่ยวกับ โอ๊ต ปราโมทย์ ตามจีบ?

มิน – “เขาไม่ได้จีบ พี่โอ๊ตสุภาพบุรุษมาก ข่าวพี่โอ๊ตเป็นอะไรที่ตลกมาก สงสารพี่โอ๊ต (หัวเราะ) คือพี่โอ๊ตโดนคอมเมนต์โจมตีจนสงสารเลย คือเราเจอกันในรายการ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรต่อ เราเป็นพี่น้องที่ดีในวงการต่อกัน”

รักครั้งต่อไปมองไปถึงอนาคตยังไง?

มิน – “เดี๋ยวก่อน เราอยู่กับปัจจุบันก่อนไหม เอาตอนนี้ก่อนอย่าเพิ่งไปคิดว่ารักครั้งต่อไปจะเป็นยังไง คือตอนนี้อยู่กับครอบครัว อยู่กับเพื่อน กับผู้จัดการ มีความสุข สวยๆ ถ่ายรูปลงไอจี”

อนาคตเผื่อไปเจอคนที่ใช่ ก็คือไม่อะไรแล้ว ใช่คือใช่ เปิดตัวเลย หรือต้องรอ?

มิน – “ไม่ต้องรออะไรเลยนะ คือมินว่าถ้าเราเจออะไรที่ใช่ มันไม่ต้องใช้เวลา ความรักไม่ต้องการเวลา (ยิ้ม)”

ตอนนี้โสดจีบได้?

มิน – “โสดจีบได้ค่ะ ตอนนี้โอเคแล้ว มูฟออนสวยๆ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ”

พลเทพ สารภิรมย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน