คือความคลั่งรัก! ตงตง-เบส พิสูจน์รักแท้ ครบรอบ 1 ปี ไม่สนคนนับรอวันเลิก แจงภาพสวีตในห้องนอน

ชัดเจนกับความรู้สึกมาตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนพัฒนาเป็นความรัก และเป็นแฟนกันในที่สุด สำหรับนักแสดงหนุ่ม ตงตง กฤษกร กนกธร กับยูทูบเบอร์สาว เบส รักษ์วณีย์ คำสิงห์ ที่วันนี้จับมือฝ่าดราม่า พิสูจน์รักแท้ ครบรอบ 1 ปี โดย หนุ่มตงตง ได้เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ถึงความรักตั้งแต่จุดเริ่มต้น จากเพื่อนร่วมงาน จนเป็นแฟนกัน เรียกว่าเป็นคู่ที่คลั่งรักกันมาก แต่ก็เจอบางคนสบประมาท ไม่ได้รักกันจริง เป็นแค่คอนเทนต์ ถึงขั้นเคานต์ดาวน์นับรอวันเลิก รวมทั้งยังเจอเสียงวิจารณ์ ภาพสวีตครบรอบ 1 ปี ในห้องนอน

จุดเริ่มต้นประทับใจจากเพื่อนร่วมงาน จนเกิดเป็นความรัก เป็นแฟนกันในวันนี้? “ตัวตนน้องครับ นี่คือสิ่งสำคัญเลย น้องเป็นคนน่ารัก ไม่ห่วงสวย อยู่ด้วยแล้วผมมีความสุข และกตัญญู ทำเพื่อพ่อแม่ ยาย และน้องชายตัวเอง เขาเป็นคนที่จริงใจมาก ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมีแต่ความสุข พลังบวก เขาไม่เคยคิดร้ายกับใคร”

เป็นคู่ที่แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยชัดเจน? “เพราะผมรู้สึกตั้งแต่แรก ชอบก็บอกชอบ รักก็บอกรัก ใครมาสัมภาษณ์ผมก็พูดตามความจริง เพราะผมคิดว่าไม่อยากจะโกหก ไม่รู้จะโกหกไปทำไม ถ้าผมจะตอบเป็นพี่น้องกัน เป็นเพื่อนร่วมงาน แล้วไปใช้ชีวิตข้างนอกอีกแบบนึง ไปเดินจับมือ กินข้าวด้วยกันแล้วคนเห็น อ้าว ไหนบอกว่าเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนร่วมงานกันไง เดี๋ยวก็มีประเด็นขึ้นมาอีก
ผมจริงใจแบบนี้ ผมเป็นคนแบบนี้ ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง ถ้าแฟนคลับหรือใครที่ชอบผม ผมอยากให้ชื่นชอบในสิ่งที่ผมเป็น ไม่อยากจะมาเฟกใส่เขา ไม่จำเป็นต้องไปโกหกเขา หรือโกหกใครในประเทศไทย ผมไม่อยากทำ”

ส่วนใหญ่แล้วแฟนๆ ชื่นชอบคู่เรา? “รู้สึกดีมากครับ ผมอ่านทุกคอมเมนต์ อ่านทุกแรงกำลังใจ อ่านทุกๆ วัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ผมรู้สึกว่ามันก็คือแรงกำลังใจที่ทำให้ผมก้าวเดินหน้าใช้ชีวิตต่อได้ ซึ่งคอมเมนต์ไม่ดีก็มีครับ แต่ว่าผมจะคิดเสมอว่า ผมไม่สามารถไปอธิบาย สมมติคนไม่ชอบผมสัก 100 คน ผมจะไปนั่งอธิบายให้ 100 คนฟังว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้ เรามาทำงานตรงนี้เราไม่สามารถไปบังคับให้ใครมาเชื่อมาชื่นชอบเราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

มีชอบก็ต้องมีเกลียด มีรักก็ต้องมีไม่รัก เพราะฉะนั้นเราใช้ชีวิตอยู่แบบนี้เราต้องเดินหน้าต่อ อะไรที่ดีเราเก็บไว้เป็นแรงกำลังใจ อะไรที่ไม่ดีปล่อยผ่าน หรือถ้าอะไรที่มันไม่ดีจริงๆ เราต้องเอามาปรับปรุงพัฒนา ผมจะคิดอย่างนี้อยู่เสมอ”


แต่มีบางส่วนที่ไม่ชอบคู่เรา บางคนถึงขั้นเคานต์ดาวน์รอวันที่เราเลิกกัน? “ผมก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับเขา สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตของเราสองคน ถ้าเขาจะรอวันที่ผมเลิกกัน สุดท้ายผมก็บอกเขาไม่ได้หรอกว่ายังไง ผมก็จะใช้ชีวิตของผมแบบนี้เพราะผมรู้สึกแบบนี้ ผมอยากทำแบบนี้ ถ้าผมฟังเขา บอกให้ผมทำแบบนั้นแบบนี้แล้วผมไปรู้สึกกับตรงนี้มากๆ แล้วหัวใจผมอยู่ตรงไหนถ้าผมไม่ฟังหัวใจตัวเองในสิ่งที่ผมจะทำ

ผมก็เลยเลือกหัวใจตัวเองมากกว่า อันไหนที่เป็นตัวเอง อันไหนที่ทำแล้วมีความสุข ผมทำอันนี้ดีกว่า ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นว่ารู้งี้วันนั้นทำแบบนี้ดีกว่า เพราะฉะนั้นผมไม่อยากเสียใจทีหลัง อะไรที่เรารู้สึกวันนี้ทำเลยดีกว่า ใครจะว่าอะไรก็ช่าง ผมอยากทำในสิ่งที่ผมอยากทำแค่นั้นพอแล้ว”

คู่เราเซอร์ไพรส์กันเต็มที่มาก คนให้นิยาม คู่คลั่งรัก? “ด้วยตัวน้องเขาเป็นยูทูบเบอร์ คนอาจจะมองว่ามันเป็นคอนเทนต์ เพราะน้องเป็นยูทูบเบอร์ก็ต้องถ่ายคลิปลงช่องน้อง ผมก็เข้าใจเขาทำยังไงอาชีพนี้ คือมันเป็นงานของน้องด้วย ณ เวลานั้นมันมีแต่ความจริงใจ ผมมีความจริงใจในสิ่งที่ทำ น้องก็มีความจริงใจ ไม่งั้นมันอยู่กันจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้

ถ้าผมรู้สึกว่า เฮ้ย น้องถ่ายคลิปเอาแต่คอนเทนต์ มันก็แปลว่าไม่ใช่ความรักแล้ว ถ้าผมรู้สึกว่านี่มันคือความรักผมก็เลยอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ผมเลยคบน้องเป็นแฟนได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะว่านั่นมันคือความรัก”

ครบรอบ 1 ปี ภาพฉลองในห้องนอน คนคอมเมนต์ขนาดนี้เลยเหรอ? “ผมก็เห็นนะ มีคนแคปมาให้ดูบ้าง มีแย่บ้าง มีดีบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา สุดท้ายแล้วผมไม่อยากจะเอาสิ่งไม่ดีมาดำเนินชีวิตของผมต่อ ถ้าผมเอาตรงนี้มาคิดเยอะแล้ว ในแต่ละวันผมมีเรื่องคิดเยอะแล้ว ไหนจะถ่ายละคร ทำงาน เรื่องส่วนตัวอีก ถ้าผมเก็บตรงนี้มาคิด แล้วหัวใจผมอยู่ตรงไหน

เขาพูดว่าทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ทำแบบนี้ทำไม ถ้าผมไปเชื่อเขาไม่ทำเลยละกันเพราะเดี๋ยวโดนด่า แล้วสิ่งที่ผมตั้งใจอยู่ตรงไหน ผมก็อยากทำในสิ่งที่ผมตั้งใจ เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ดีผมก็จะปล่อยผ่าน ก็เข้าใจเขา ไม่ได้ว่าเขานะ ไม่ได้บังคับให้เขามาชอบหรือชื่นชมเรา มาเข้าใจเรา มันไม่ได้

คนรักกัน สุดท้ายแล้วความตั้งใจของเขาอยากให้คนที่รักมีความสุข วันนั้นผมไปทำงานต่างจังหวัดมา แล้วผมได้มาเห็น จากที่ผมเหนื่อยมากๆ เลย ผมเห็นแล้วผมมีความสุข เราไปค้างต่างจังหวัดมา 2 วัน ผมกลับมาหายเหนื่อย เพราะสิ่งที่ผมเห็นนั้นมันทำให้ผมมีความสุข แต่สิ่งนั้นกลับกลายเป็นคนที่มองคนที่ดูเขาไม่มีความสุขกับเรา ผมก็เลยรู้สึกว่าผมจะต้องทำยังไง ผมจะต้องอธิบายให้เขาฟังไหมว่าเข้าใจผมนะ ผมอธิบายไม่ได้ แต่ผมมีความสุข”


คนกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของน้องในห้องนอน? “ด้วยตัวน้องอาจจะไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น คือเราเป็นแฟนกัน แล้วน้องก็ไม่ได้เป็นคนที่คิดเยอะมากขนาดนั้น น้องก็แค่หาสถานที่ที่มันสวย น้องคิดได้ก็ทำ เตียงต้องสีนี้ น้องก็ตั้งใจแค่ว่าให้มันเป็นเซอร์ไพรส์เดินตั้งแต่ข้างล่างขึ้นข้างบน เปิดประตูเข้ามาว้าว น้องคิดอยู่แค่นั้น

เป้าหมายของเราในแต่ละการเซอร์ไพรส์มันคือให้คนรักมีความสุข มันไม่ได้คิดถึงขั้นว่าอยู่ในห้องนอนจะเสียภาพลักษณ์อย่างนู้นอย่างนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นแฟนใครสักคนนึงทำ เขาก็จะชมแฟนเขาว่าน่ารัก มีใครมาทำให้เราแบบนี้ผมก็มีความสุข”

ใครคลั่งรักกว่ากัน? “ทั้งคู่แล้วกันครับ (หัวเราะ) ใครเซอร์ไพรส์เก่งกว่ากัน ผมว่าพอๆ กันดีกว่า น้องก็จะมีแผนของน้อง ผมก็จะมีแผนของผม เราก็มองว่าแล้วแต่ช่วงเวลานั้นว่าเราอยากทำ หรือบางครั้งมีเทศกาลเราก็ไม่ทำก็มี มันแล้วแต่ช่วงเวลานั้นเราอยากทำอะไร ทำตามหัวใจตัวเองในตอนนั้น แต่ไม่ใช่ว่าต้องไปทำตามบล็อกกิ้งตลอด มันไม่ใช่ เราทำตามความรู้สึก”

1 ปีแล้ว ความรักเป็นยังไงบ้าง? “ก็พัฒนาครับ ผมว่ามันพัฒนามาเรื่อยๆ ด้วยตัวน้องที่ผมเจอมาน้องค่อนข้างเด็กอายุเพิ่ง 21-22 ผมก็ 26 แล้ว ผมผ่านอะไรมาเยอะมาก ตัวน้องยังเด็กอยู่ เรายังต้องเรียนรู้อะไรกันอีกเยอะ ผมมีอะไรที่ผ่านมาก็คอยสอนน้อง น้องก็ต้องปรับอะไรอีกเยอะ ผมก็ต้องปรับอะไรอีกเยอะ บางครั้งผมบอกว่า 26 ผมแก่แล้วโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่จริงๆ แล้วการโตเป็นผู้ใหญ่ของผมมันก็ยังไม่โตขนาดนั้น ผมยังห่างไกลอีกเยอะ ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะเลย ผมกับเบสต้องเรียนรู้อะไรด้วยกันอีกเยอะเลย

แต่ระหว่าง 1 ปีที่ผ่านมา มันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะบ้าง มีความสุขบ้าง ซึ่งมันทำให้ความรักของเราพัฒนาและเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น สำหรับผมคิดว่าคบใครสักคนนึง แล้วยิ่งอยู่ในสายตาพ่อแม่เขา ความรักเนี่ยอย่าคบกันแล้วพากันเด็กลง เราต้องพากันโตขึ้น พากันมีแต่บวกๆ ไม่ใช่พากันลบๆ พ่อแม่เขาคนที่อยู่ข้างหลังเขาเห็นแล้วเขาจะภูมิใจ เขาจะมีความสุข อะไรที่บุพการีเขามีความสุข ผมเชื่อว่าสิ่งนั้นมันจะมีค่ามากๆ”

ตอนที่ขอน้องเป็นแฟน ก็เข้าไปขอกับพ่อแม่เลย? “การรู้จักน้องผมเริ่มต้นมากจากได้เจอพ่อเขา ได้เจอแม่เขา ยายเขา น้องชายเขา ในวันเดียวกันก็คืออยู่ในบ้านวันแรกที่ผมมา ผมก็เลยคิดว่า การที่จะขอเขาเป็นแฟน ผมก็อยากจะขอต่อหน้าครอบครัวเขาให้เขาได้เห็นว่าเราจริงใจกับน้องเขานะ
ทำให้คนในครอบครัวเขามีความสุขไปด้วย ผมก็เลยถือโอกาสวันที่ไปเขาใหญ่เคานต์ดาวน์นั้น ถือโอกาสที่เขาได้ไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวเลย เซอร์ไพรส์ขอน้องเป็นแฟน แล้วทุกคนมีความสุข ผมได้เห็นรอยยิ้ม เป้าหมายผมนอกจากว่าขอน้องเป็นแฟนแล้วให้ครอบครัวคนข้างหลังเขามีความสุขด้วย”

พ่อสมรักษ์หวงลูกสาวไหม? “พ่อลูกสุดท้ายยังไงก็หวงครับ ถ้าผมเป็นพ่อคนมีลูกผมก็หวงครับ แต่การหวงแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่าพ่อบาสหวงแน่ๆ เขาจะรู้แหละว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้าเขาเห็นว่ามันผิดยังไงเขาต้องลงมา แต่ถ้ารู้ว่ามันไปในทิศทางที่ถูกต้องเขาจะสัมผัสได้ว่าจะให้ลูกไป”

คาดหวังกับความรักยังไงบ้าง? “ก็อยากให้เติบโตไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ไปคิดถึงขั้นแต่งงาน ยังครับ อยากให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ให้มันเติบโตไปมากกว่านี้ 1 ปี ถามว่านานไหม มันก็ยังไม่นานนะ 1 ปีเราเรียนรู้อะไรกันมา ผมเชื่อว่าเรายังต้องเรียนรู้อะไรกันอีก แต่มันก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ ผมอยากรักกันแบบนี้ไปนานๆ อะไรที่มันดีอยู่แล้วรักษามันเอาไว้ อะไรที่รู้ว่าไม่ดีอย่าทำ พากันไปในทางที่มีแต่ความสุข ไปในทางบวกๆ อย่าพากันไปลบ”

รักกันขนาดนี้มีทะเลาะกันไหม? “มีครับ มีรักกัน ก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา มันต้องปรับ ใครยอมใคร ก็ต้องเป็นผมสิครับ สุดท้ายผมก็ต้องยอม คือผมเข้าใจ ขี้งอนเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องเข้าใจเขานะ เราเป็นผู้ชายเราก็ต้องง้อ แต่ว่างอนเยอะไปผมก็จะบอกแล้วว่า เบาๆ บ้าง ผมทำงานหนักมาก บางครั้งผมกลับมาก็ไม่ได้อยากมาง้ออะไรทุกวัน

ผมเหนื่อยมา ผมอยากได้กำลังใจบ้าง สุดท้ายผู้ชายหรือผู้หญิงก็มีหัวใจเหมือนกัน ความรักมันก็ต้องการกำลังใจให้กันและกัน ก็ไม่ต้องงอนเยอะ (หัวเราะ) เบาๆ บ้าง แต่ก็จะง้ออยู่ ก็ดีใจที่ความรักของผมมันทำให้หลายๆ คนดูแล้วมีความสุข”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน