ซาร่า คาซิงกินี ไม่โสดแล้ว ให้โอกาสเจ้าบ่าวพิสูจน์ตัวคดี forex

ไม่ต้องเดากันแล้วว่าดารานางแบบสาว ซาร่า คาซิงกินี จะแต่งงานแล้วจริงไหม เพราะล่าสุดเจ้าตัวไปเปิดใจในรายการ คุยแซ่บshow ทุกประเด็น

ตกลงยังไง แต่งงานใหม่แล้วหรือยัง? “เรียกว่ากำลังแพลนที่จะแต่งงานแล้วกัน มีการสู่ขอแล้วเรียบร้อย จริงๆ ก็แพลนทุกอย่างไว้แล้ว น่าจะเร็วๆ นี้”

ยินดีมาก็เยอะ แต่มีดราม่าด้วย? “ใช่ค่ะ จริงๆ ก็มีคนเข้ามายินดีกับเราเยอะ แต่คอมเมนต์ที่ดราม่าก็นิดนึง อารมณ์แบบ แม่พักบ้าง แม่คุมนะ จะมีลูกคนที่สามหรือเปล่าอะไรประมาณนี้”

พอเจอแบบนี้เราได้ไปปรึกษาว่าที่สามีอะไรเราบ้างไหม? “เขาชิลมาก เอาเป็นว่าเขาอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่ก็มีเล่าให้เขาฟัง แต่เขาชิล ไม่คิดอะไร แต่เขาถามว่าเราโอเคหรือเปล่า เราก็บอกว่าเราชิล เพราะเราอยู่ในวงการนี้มาหลายปีแล้ว มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ”

มันก็มีคนถามว่าซาร่าไม่เข็ดกับความรักหรือกลัวความรักเหรอ? “จริงๆ เรามองความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม แล้วทุกความรักที่ผ่านมา ถึงมันจะจบลงไม่ดี แต่ทุกครั้งเหมือนเราได้เรียนรู้กับตัวเอง ได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ได้ทบทวนตัวเอง คนเรามันมีข้อดี ข้อเสีย เราคิดว่าทุกๆ ความรักมันสอนให้เราได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเสมอ ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นแฟน อยากเป็นภรรยาในเวอร์ชั่นที่มันดีขึ้น”

เข้าใจทุกอณูของความรักหรือยัง ทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ดี? “เรารู้สึกว่าผ่านอะไรมาเยอะถึงจุดจุดหนึ่งที่พอเรามาเจอคนคนนี้ คนล่าสุด เหมือนเรารู้สึกว่าเราเป็นเวอร์ชั่นที่ ครั้งแรกที่เป็นเรา มีคนคนหนึ่งเห็นคุณค่าเราจริงๆ มาจากการกระทำของเขา จากคำพูดของเขาที่บอกเรา เราก็เลยรู้สึกแบบเออ…มันมีคนเห็นแล้วนะความตั้งใจของเรา”

ผู้ชายคนนี้ชื่อ? “Daryl ค่ะ เขาเป็นหนุ่มชาวสิงคโปร์ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน ตอนนั้นเหมือนเป็นวันเกิดเพื่อนแล้วนัดรวมกันทานข้าว เราก็ปิ้งๆ กันตั้งแต่วันแรกเลย นั่งกันอยู่ 10 กว่าคน สิ่งแรกของซาร่าเลย คือต้องยอมรับว่าเป็นคนมองคนแค่หน้าตาก่อน คือเราเป็นคนชอบคนหน้าคาดีในสไตล์ของเรา ก็ทำให้เราสนใจมองที่เขา แล้วพอนั่งไปสักพักรู้สึกว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ดูเจ้าชู้ ดูแบบสุภาพๆ ก็เลยยิ่งทำให้เราสนใจเขามากขึ้น”

ใครเป็นคนเริ่มสานสัมพันธ์? “ทางเขาหมดเลย คือเราชอบเขานะ แต่เราเก็บอาการนิ่ง แต่เขาเป็นคนตรงๆ แล้วแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ”

เรามีน้องแล้ว 2 คน เขารู้เรื่องราวของเราไหม? “ตอนแรกเขาไม่รู้ หลังจากที่เดทกันวันแรกเขาก็อยากรู้ว่าเราเป็นใคร เขาก็ไปถามเพื่อนแล้วไปเสิร์ชข่าว แต่อ่านภาษาไทยไม่ออกเลย แต่เขาเห็นข่าวแล้วถามเพื่อนเขา ก็เลยพอรู้เรื่องราวของเรา”

แล้วเขาว่าไงที่เรามีลูก 2 คน? “เรารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรก ในวันแรกที่คุยกับเราซีเรียสมากๆ เหมือนเขาก็พูดกับเราว่าเขาเป็นคนแบบนี้นะ มีนิสัยแบบนี้นะ อดีตเขาอย่างนี้ๆ นะ เขารู้นะว่าเรามีลูก 2 คน เขารู้สึกว่าอยากได้ความสัมพันธ์ที่รู้สึกซีเรียส

เขารู้สึกว่าถ้าคุยกันเล่นๆ เขาไม่คุยนะ เขาไม่อยากเสียเวลา แล้วเขาก็บอกว่าด้วยความที่เรามีลูก 2 คนแล้ว แล้วคิดว่าเราก็คงซีเรียสกับความสัมพันธ์ เขาเลยถามว่าจะโอเคไหมถ้าเราจะคุยกันจริงจัง เพราะเขามองถึงอนาคตอันยาวไกล”

เขาไม่ว่าเราเลย เรามีลูก 2 คน แล้วเขาจะดูแลด้วย? “ใช่ เขามีแบบเจอลูกได้ไหมตั้งแต่แรกๆ เลย เราเลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้เข้ามาเล่นๆ เขาดูแบบจริงจัง คือเขาไม่เคยเดทกับผู้หญิงมีลูกมาก่อน แต่เขาก็บอกว่าลูกเราน่ารัก แล้วเขาก็มีความประหม่าในการเจอลูกเรา เขามีความกังวลว่าลูกเราจะชอบเขาไหม เขาจะเข้ากับลูกเราได้ไหม คือเขาดูกังวลมากๆ จะเจอแล้วต้องทำตัวยังไง แต่พอถึงเวลาเขาเป็นธรรมชาติกับลูกเรามากๆ”

แล้วตัวเรากังวลไหมโมเมนต์ที่เขาจะเจอกับลูกเรา? “ไม่นะคะ เหมือนเราชิลแล้วบอกว่าอย่าคิดมาก เพราะว่าลูกเราเข้ากับทุกคนได้ง่ายมาก พอเขาได้เจอกันก็ติดกัน เล่นกัน พอวันแรกที่แม็กซ์เวลล์เจอเขา หลังจากนั้นแม็กซ์เวลล์ก็ถามถึงต่อว่าเมื่อไหร่จะได้เจอลุงอีก ลุงจะมาอีกไหม”

เขาอายุมากกว่าเรา? “มากกว่าประมาณ 3 ปี เขาพูดภาษาไทยได้ แต่ว่าอ่านไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดชัดมาก เขาไปๆ มาๆ ที่เมืองไทยประมาณ 10 ปีได้แล้ว แล้วแฟนเก่าเขาคนไทยทั้งนั้นเลย”

พอเราเห็นภาพที่เขาเข้ากับลูกเราได้ เรารู้สึกยังไง? “เราโหยหาโมเมนต์แบบนี้ เราเห็นเขาทุกดีเทลเลย นั่งสอนการบ้านกัน จูงมือกันพาไปดูหนัง แม้กระทั้งดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เราไปทำหน้าที่คลินิก เขาหายไปซื้อเสื้อผ้าให้เอมมิลี่ เรารู้สึกว่าเราไม่เคยได้รับโมเมนต์นี้จากใคร ก็เลยรู้สึกว่าประทับใจในตัวเขา”

คุยกันนานไหมถึงตัดสินใจคบกันซีเรียส? “ประมาณ 2-3 เดือน ทางเขาก็เป็นคนบอกว่าเรามาเขากันแบบซีเรียส ส่วนเราเก็บอาการ มันมีโมเมนต์หนึ่งที่เรานั่งรถกันไป แม็กซ์เวลล์ก็หันไปถามว่า ลุงๆ รักแม่ไหม เขาก็ตอบว่ารัก เขาก็บอกว่าถ้ารักปม่จริงๆ ยูต้องขอแม่แต่งงานนะ ยูต้องซื้อแหวนนะ

เราก็คิดในใจ โอ้โห..พูดแบบนั้นออกไปถ้าผู้ชายไม่คิดนี่หนีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นเขาก็หันมามองแม็กซ์เวลล์ โอเคเขาจะทำแบบนั้น แล้วเราก็คิดว่ามันคงเป็นฟิวพูดเล่นๆ พอวันเวลาผ่านไปมันก็เกิดขึ้นจริงๆ”

นานไหมจากโมเมนต์ที่แม็กซ์เวลล์พูดอยู่หลังรถ? “ประมาณ 4-5 เดือนได้”

เราเข้ากับครอบครัวเขาได้ไหม? “เพิ่งไปเจอครอบครัวเขามาที่สิงคโปร์น่ารักมากๆ เลย เป็นครอบครัวคนจีน ครอบครัวใหญ่มากๆ เกือบ 20 คน”

เหมือนเขานัดครอบครัวเขามาเจอเรา? “ประมาณนั้นค่ะ ก็เหมือนมีพิธีเล็กๆ น้อยๆ แบบฝั่งทางบ้านเขา เหมือนคนจีนเขาจะขอ เหมือนยกน้ำชา

นั่นหมายความว่าคุณแต่งแล้วที่สิงคโปร์ถูกไหม? “ไม่รู้พิธีเล็กๆ เขาเรียกว่าแต่งไหม ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ใส่ชุดอะไรเลยนะคะ แบบชิลชิลกันเลย”

ยังไม่ได้ฉลองมงคลสมรส ยังไม่ได้จดทะเบียน? “จดทะเบียนแล้วค่ะ”

ย้อนกลับไปที่เราตอบตกลงกับผู้ชายคนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีลังเลบ้าง เหตุผลนั้นคืออะไร? “ด้วยความที่ทุกคนเห็นว่ามันมีข่าวเรื่อง forex ขึ้นมา เขาก็บอกเราว่าตัวเขาพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พิสูจน์ความจริงให้เรา ครอบครัว แล้วก็สังคมได้รับรู้ เหมือนเขาพูดว่าเขาจะเดิมพันทั้งชีวิต เพื่อที่จะกลับมาเคลียร์ปัญหาที่มันเกิดขึ้น”

แล้วเขาได้ทำไหม? “ทำค่ะ ก็หลังจากที่เขากลับมาก็ดำเนินการสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย”

ถ้าสมมติผิดกฎหมายจริงๆ กลับมาก็ต้องโดนจับ? “แน่นอน แต่นี่ไม่ค่ะ”

คือตอนนี้กำลังเคลียร์ตัวเองอยู่? “ใช่ค่ะ เราก็คิดว่าถ้าเราเป็นเขา ถ้ารู้ว่าผิดก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาทำอะไร ฉันไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ถูกต้องไหม แต่เขาพร้อมที่จะกลับมาสู้คดีต่างๆ นานา”

อะไรทำให้มั่นใจในผู้ชายคนนี้? “เขาเป็นคนที่พูดแล้วทำให้เราเห็นจริงๆ ที่ไม่ได้พูดอย่างเดียว พูดปุ๊บแล้วทำปั๊บ เขาเป็นคนไม่สวีทเลย ไม่หวาน เป็นคนพูดตรงๆ อะไรที่ไม่ชอบในตัวเรา อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงทั้งตัวเขาและตัวเรา มีอะไรเราก็นั่งคุยกันแบบผู้ใหญ่ อันนี้โอเค อันนี้ไม่โอเค เรานั่งคุยกัน เรานั่งคุย เราปรับจูนกันได้ไหมอะไรหลายๆ อย่างในตัวเขาเรารู้สึกสบายใจ คุยกันแล้วมันคลิก มันไปกันได้ แล้วก็อยู่ในจุดที่เราร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันจริงๆ ในวันที่ซาร่าลำบากมากๆ หรือตัวเขาลำบากมากๆ เราก็ไม่ปล่อยมือกันไป เรารู้สึกว่าเรายังไม่เคยเจอคนแบบนี้ในความรักแต่ละครั้ง”

แล้วเคสนี้ไปถึงไหนแล้ว จบหรือยัง? “น่าจะใช้เวลานะคะ เพราะว่าต้องมีการสอบสวนต่างๆ นานา น่าจะใช้เวลาสักพักเลย”

ตอนที่มีข่าว ตอนนั้นมีหวั่นไหวไหม? “มีนิดหนึ่ง เราก็มีถามเขาว่ามันคืออะไร มันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอดีตที่ตัวเราไม่รู้จักเขา เราเพิ่งมารู้จักเขาในปัจจุบัน เขาก็มีเล่าให้เราฟังบ้างว่ามันเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่เราก็ยัง จริง ไม่จริง มันจะอะไรเมื่อไหร่

แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งที่เขารู้สึกว่าพร้อมที่จะกลับมาเคลียร์ปัญหาต่างๆ กับคดีตรงนี้ มันก็ทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่า ถ้ามันผิดจริงๆ ในความรู้สึกเรา เราก็คงไม่กล้าที่จะเดินเข้ามาในขั้นตอนของกฎหมาย”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน