เขาว่าเราเป็นบ้า แอนนา เครียดหนัก มรสุมรุมเร้า กินยาวันละ 11 เม็ด ติดหนี้หลัก 10 ล้าน ชดใช้วันละแสน รับพลาด ประมาทเลินเล่อเอง เชื่อไม่ใช่จุดต่ำสุดในชีวิต

หลังจากที่ แอนนา วรินทร วัตรสังข์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเคลียร์ใจหลังผิดสัญญากับทาง The art clinic คลินิกเสริมความงามชื่อดัง ตามที่เสนอข่าวไปนั้น ทั้งนี้เจ้าตัวยังได้เปิดใจเกี่ยวกับสภาพจิตใจหลังเจอมรสุม คดีกล่องสุ่มทิพย์ ตอนนี้ติดหนี้หลัก 10 ล้าน ต้องใช้หนี้วันละ 1 แสน และต้องกินยานอนหลับวันละ 11 เม็ด

หลังจากที่เราหายไป เราบอกไปเข้าวัดไปทำอะไรมา? แอนนา : “คือแอนนาบอกตรงๆ นะ หลายคนบอกว่าทำไมติดต่อแอนนายาก คือสภาพจิตใจแอนนาไม่พร้อมที่จะรับโทรศัพท์ ไม่พร้อมที่จะรับสายใคร เพราะว่าก่อนหน้านี้แอนนารับสายครั้งนึงเราก็จะเจอลูกค้าร้องไห้ว่าวันนี้อยากฆ่าตัวตาย ซึ่งเวลาเราเจออะไรแบบนี้แล้วก็ทำให้เราดิ่ง เราก็ไม่รับโทรศัพท์ จริงๆ ไม่รับโทรศัพท์เลยต่อให้เขาจะโอนเงินให้เรา เราก็ไม่รับ บางคนโทรมาจ้างงานเรายังไม่รับเลย”

“คือจริงๆ เมื่อก่อนแอนนาเวลาคิดสั้น แอนนาจะไม่บอกใครเลย แอนนานจะทำเลย แต่เดี๋ยวนี้ทุกวันนี้ เวลาที่รู้สึกอยากจะคิดสั้น แอนนาจะระบายให้พี่จี้ฟัง จะระบายให้คนในบ้านฟังว่าวันนี้มันมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าเราเสพติดความเจ็บปวด จนมันแบบเป็นโรคจิตเวชหรือเปล่า ตอนนี้กำลังจะไปปรึกษาหมอคลินิก ตอนแรกจะไปที่คลินิกย่านสนามบินน้ำ แต่ว่าติดต่อคุณหมอยาก ได้คิวยาก วันนี้ขอประกาศเลยแล้วกันนะคะ ถ้าเกิดคุณหมอคนไหนที่เป็นคุณหมอจิตเวชเก่งๆ หรือใครที่รู้จักคุณหมอ แนะนำและสงเคาะห์แอนนาหน่อย เพราะว่าทุกวันนี้แอนนาพูดเอง พูดตรงๆ ว่ากินยาจนลิ้นแข็งหมดแล้ว เมื่อก่อนคือไม่ได้เป็นแบบนี้ พูดรัวมาก

ตอนนี้กินกี่เม็ด? แอนนา : “11 เม็ดค่ะ ปีที่แล้วกิน 8 ตามปกติเลยจะกินแค่ 3 เม็ด คือปีที่แล้วมันมีเรื่องเพื่อนก็ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ก็กินมาเป็น 8 คนนอกอาจจะมองเราไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้ตามเรื่องคดีหรืออะไร แต่เราจะบอกว่าเราคุยกับแม่ตลอด กับพี่จี้เราก็จะระบายตลอด เล่าให้เขาฟังตลอดว่าเราเสียใจนะ แต่พอมาสิ้นปีเราก็เริ่มทำใจได้ แล้วปีนี้มันเหมือนเป็นปีชงที่ช้งชง ชงเข้มมาก เจออะไรก็ไม่รู้หนักมากจนกลายเป็นว่าพอเจอความเจ็บ อย่างเช่นดูดไขมันหน้าท้อง ถ้าเราเจ็บก็เหมือนว่าจิตเราไปอยู่ที่ตรงนี้แล้วมันไม่เครียด รู้สึกว่าเจ็บแล้วมันไม่เครียดก็เลยรู้สึกว่าเอ้ย เราเป็นคนเสพติดความเจ็บหรือเปล่า เราก็แค่อยากจะไปหาหมอ”

“หลายคนถามว่าทำไมยังไม่ไปหาหมอ คือยังไม่เจอหมอที่ใช่ เราไปหามาแล้วหลายที่แล้วเราก็กินยาปกติ แล้วก็รู้สึกว่าการกินยาเพื่อที่จะให้หลับตลอดเวลามันไม่ใช่ทางออก เพราะว่างานไม่ได้ทำเลย คือคนบอกว่าเห็นอยู่ในติ๊กต็อกตลอด รีรันค่ะ”

แล้วมันจริงไหมที่เรากินยา แล้วพุดเดิ้ลออกมาโพสต์ว่าเราหลอนแล้วอยู่ดีๆ กลางดึกเราก็ออกมาเดินในบ้าน? แอนนา : “คือมันไม่ใช่หลอน ตอนกินยาช่วงเวลาสี่ทุ่มแล้วปกติกินยาสี่ทุ่มมันจะต้องตื่นตอน 10 โมงเช้า แต่เราผวาเหมือนแพนิกเราตื่นขึ้นมาตอนตีสองแล้วมันไม่หลับแล้ว เราก็เดินไปทำงานเดินลงมาเช็กว่าเราเป็นหนี้ใครเท่าไหร่ คือพุดเดิ้ลก็เลยงงว่าตีสามทำไมลงมาเจอแอนนา ในห้องน้ำก็เจอแอนนา แล้วก็ทำนู่นทำนี่หน้าคอมฯ นางก็กลัวว่าเราจะคิดสั้น คือพุดเดิ้ลอะ แอนนาก็พูดได้ไม่ 100 อันนี้พูดตรงๆ พี่จี้อ่ะ เขามีอะไรเขาก็จะรับฟังเรา พุดเดิ้ลเขาไม่ใช่ทรงรับฟัง เขาจะเป็นทรงที่เตือน แอนนาอย่าทำอย่างนี้นะอย่าเป็นแบบนี้นะ แอนนาก็เลยไม่ค่อยกล้าพูดไรกับพุดเดิ้ล เหมือนวันก่อนพุดเดิ้ลโทรมาถามแอนนาว่าคลินิกโทรมาตามอีกแล้ว เอาไง ก็เลยบอกพุดเดิ้ลว่าพุดเดิ้ลจัดการเลย งั้นจัดการเลยนะ พุดเดิ้ลก็เลยบอกทางนี้ว่า พี่อยากทำอะไรก็ทำเลยค่ะ”

แต่ตอนที่เราเดินในบ้านตอนตีสามไม่ได้คิดสั้นใช่ไหม? แอนนา : “มันก็มีวูบหนึ่ง หนูจะเล่าเรื่องการคิดสั้นให้ฟัง ถ้าใครเป็นหมอดูอยู่วินิจฉัยหนูหน่อย หนูไม่ได้รู้สึกเศร้า ไม่ได้รู้สึกนอยด์ ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการที่เราจะจากไป เรารู้สึกว่าเราจะเดินไปปิดไฟให้มันดับลง เราก็จะได้นอนหลับสักที มันเป็นความรู้สึกแค่นั้นเลย แล้วก็ไม่ได้กลัวอะไรด้วย เฉยๆ คือแอนนาเห็นบางคนที่เขาคิดสั้น เขาจะร้องไห้เสียใจแต่แอนนาไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แอนนาแค่รู้สึกว่าถ้ารอบนี้ทำก็คงไม่ใช่แค่ทำแบบเดิมๆ ที่มันไม่สำเร็จ ก็เลยอยากจะหาหมอให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกวันนี้ภาวนาเลยนะว่าขอให้เราเป็นโรคภัยไข้เจ็บตายก่อนที่เราจะคิดสั้นสำเร็จ”

คนรอบข้างว่ายังไงบ้าง? แอนนา : “เขาว่าเราบ้าค่ะ”
พี่จี้ : “ยังคิดว่าอยากให้แอนนาพบจิตแพทย์ ตั้งแต่แรกๆ แล้ว เพราะทั้งรับยาเยอะ ทำงานหนัก สมองมันรุมเร้าไปหมด แต่เผอิญเขาก็ชวนไปปฏิบัติธรรมกัน ก็เป็นทางเลือกที่ดี ทำให้สงบลง”

ยาที่กินมาอะไรบ้าง? แอนนา : “ยานอนหลับหมดเลยค่ะ หลับลึก คลายเครียด แก้วิตกกังวล แพนิก มันก็ได้ผลค่ะ มันหลับ แต่ตื่นมาก็เหมือนเดิม แต่แอนนาคิดว่าการแก้ปัญหาเรื่องจิตเวช มันต้องแก้ที่ต้นเหตุว่ามันเกิดจากอะไร ปัญหาคือเราไม่เคยเจอเรื่องหนักๆ ในชีวิตมาก่อน แต่พอเรามาเจอเรื่องหนักแบบนี้เรารับไม่ไหว พอรับไม่ไหวปุ๊บ ก็ติดต่อไปซื้อยาไซยาไนด์ แต่เขาไม่ขาย ติดต่อซื้อปืน แต่เขาบอกว่าการครอบครองปืนจะมีกระบวนการ ใช้เวลา 2-3 เดือน คือเราลองหมดแล้ว แล้วก็คิดว่าถ้าเราจะโดดตึกลงมา เจ้าของตึกจะมีปัญหาหรือเปล่า เดือดร้อน ตอนหลังเลยใช้วิธีปรึกษาคนในบ้าน จนคนในบ้านผวา ซึ่งจริงๆ เรื่องแบบนี้เราต้องคุยกับจิตแพทย์ เราจะมาคุยให้คนในบ้านฟัง อย่างพุดเดิ้ล พี่ไวท์ พี่จี้ เขาฟังแล้วเขาก็วิตกกังวล ว่าเอายังไงดีล่ะ อยู่ไม่ติด”

ช่วงนี้หลังคุยกับจิตแพทย์คนล่าสุด เขาแนะนำอะไรบ้าง? แอนนา : “พบจิตแพทย์ถามว่าดีไหม ดีค่ะ แต่เราอยากคุยเป็นชั่วโมง ไม่ใช่ 5 นาที อยากคุยกับเขาสักชั่วโมงหนึ่ง ว่าเราเจอปัญหาอะไรมาบ้าง เราเจ็บเนี่ย แล้วเรามีความสุขเนี่ย มันผิดปกติไหม เราอยากคุยกับจิตแพทย์ที่มีเวลาให้เราจริงๆ เวลาไปโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เรา 10 นาทีก็เยอะแล้ว”

แล้วต้นเหตุของปัญหามันเกิดจากอะไร? แอนนา :เป็นคนประมาทเลินเล่อ ไม่วางแผนในชีวิต ใช้ใจทำธุรกิจ ไม่ได้วางแผนในการใช้ชีวิต ซึ่งปีที่แล้วพอเราได้เงินตั้งเยอะ เราควรจะไม่ล้ม กลายเป็นหาเงินได้เยอะแต่ขาดทุน เพราะไปแจกบ้าน แจกรถ แจกโน่นนี่ แจกชุดนักเรียน แจกจนไม่มีเงินจะไปหาหมอ แจกเยอะจริงๆ แจกลูกค้าก็เยอะ คืนกำไรก็เยอะ คืนจนงงอะ พอมาดูสเตทเมนต์ก็เอ้า เราขาดทุนเหรอ ก็ขาดทุนไปหลัก 10 ล้านค่ะ”

ต้องใช้หนี้เท่าไหร่ และต้องจ่ายหนี้วันละเท่าไหร่? แอนนา :หลัก 10 ล้านค่ะ ต้องจ่ายวันละเป็นแสน (ยังมีเงินหมุนอยู่ไหม?) วันต่อวันค่ะ ก่อนมานี่ รู้ว่าวันนี้หาเงินไม่ได้ ก็เอาเสื้อผ้ามาขาย เอาต่างหูเครื่องประดับมาขาย คือของแบรนด์เนมกระเป๋าอะไรก็ขายไปหมดแล้ว เราไม่ได้ยึดติดอยู่แล้วว่าเราต้องมีแหวน มีต่างหู นาฬิกาใส่ เพราะทุกวันนี้ใส่พระ 3 องค์กับสร้อยเงิน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแค่นั้นเลย”

พุดเดิ้ลประกาศขายบ้าน จะเอาเงินมาช่วยเราไหม? แอนนา : “ขอยืมพุดเดิ้ลไว้แล้ว คือตอนปีที่แล้วพุดเดิ้ลงานเยอะ ด้วยกระแสด้วยอะไร แล้วเขารับงานให้แอนนา ก็ได้ค่าคอมไปมาก นางก็เลยซื้อบ้าน ตอนเขาซื้อบ้าน เราก็ทำสัญญาไว้ว่าพี่จะเช่าบ้านพุดเดิ้ลนะ พุดเดิ้ลจะได้มีเงินผ่อนเดือนละ 35,000 บาท เพราะผ่อนเดือนละ 50,000 บาท พุดเดิ้ลก็ออกเดือนละ 15,000 บาท เขาก็เลยไม่ซีเรียส แต่พอเราตก พุดเดิ้ลก็ยอมรับว่ารายได้มันไม่เข้ามาเลยนะพี่แอนนา บ้านเอายังไงดี เราก็บอกว่าหรือจะขายก่อน มีแล้วค่อยซื้อใหม่เราไม่ต้องไปเสียดาย เพราะว่าถ้าให้พี่ไปเช่าบ้านพุดเดิ้ลเพื่อทำไลฟ์เหมือนเดิม พี่เองก็ไม่มีกำลัง เลยหยุดก่อน แล้วก็เลยขายบ้านค่ะ ขายขาดทุนด้วย แต่ยังไม่มีคนมาซื้อเลย มีแต่เอเจนซี่มาขอขาย”

“เหมือนเราโพสต์ไปมันอยู่ในวงแคบๆ ตอนนี้กี่บาทก็ขายแล้วนะคะ แล้วอยากจะขอบคุณอีกอย่าง คือเมื่อวานพี่ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ทักมาว่าให้ซื้อหุ้นของพี่ณวัฒน์ 5 หมื่นหุ้น ซึ่งปกติแล้วทั่วไปจะได้ 1 หมื่นหุ้น แต่เขาเห็นเราลำบาก แล้วเราเลือกที่จะอยู่กับแกรนด์ เขาก็เลยบอกว่างั้นพี่ให้ 5 หมื่นเลย อย่างน้อยเงินก็แค่ 2 แสนกว่าบาท แล้วเขาก็มั่นใจในหุ้นของเขา เพราะบริษัทเขาไม่ได้เป็นหนี้ ถือไปเถอะมากน้อยกำไรก็เอาไว้ใช้ ก็ยังพูดกับพี่จี้ ว่าหุ้นกันไหมคนละ 1 แสนค่ะ”

ยังมีคนอื่นเข้ามาช่วยเหลืออีกไหม? แอนนา : “มีพี่มดดำ (คชาภา ตันเจริญ) ค่ะ เขาถามว่าเป็นหนี้เยอะไหม เขาบอกว่าโอเค กูช่วยไม่ได้ (หัวเราะ) แต่แกก็บอกว่าสลอตรายการ แกให้ฟรีได้เลยนะ รายการไหนที่แกให้ได้ แกให้ได้เลย อย่างรายการแฉ ถ้าอยากไปออกบอกเลยนะ ล่าสุดแกบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนอยากได้แอนนา แกจะให้ผ่านและให้ไปทอล์คในรายการได้ แต่ตอนนี้ไม่มีลูกค้าจ้าง”

รู้สึกอย่างไรบ้างที่สิ่งที่มันออกไป ทำให้ความน่าเชื่อถือของเราหมดไป? แอนนา : “คนอื่นอาจจะไม่เชื่อถือในตัวแอนนา แต่แอนนายังเชื่อถือในตัวเอง และยังให้โอกาสตัวเองอยู่เสมอ คนบอกว่าพี่จี้, แม่ศิตางคุ์, ฟิล์ม ทิฟฟานี่ และพี่ไวท์ หายไปไหน ทุกคนอยู่ครบหมด แต่ทุกคนไม่ได้ออกหน้าสื่อ พี่จี้มาหาที่บ้านบ่อยมาก แต่ไม่ได้ออกมาไลฟ์หน้ากล้องด้วยกัน เพราะด้วยความที่เราก็บอกว่าไม่ต้องออก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าคนไปตามทวงหนี้พี่จี้ต่อ คือลูกค้าที่เข้าใจก็มี แต่ที่ไม่เข้าใจและติดต่อเราไม่ได้ บางทีเขารอไม่ไหว เรามีแอดมินแต่ก็เหลือน้อยแล้ว เราไม่มีเงินจ้าง ปัจจุบันยังติดเงินเดือนพนักงานอยู่เลย”

เวลาเจอคอมเมนต์ด้านลบ เราตั้งรับมันยังไง? แอนนา :ก็ร้องไห้ค่ะ ร้องไห้เลย หลังๆ เจอมากๆ ก็ไม่ไลฟ์เลยจบ ก็เลือกที่จะหยุด ภูมิคุ้มกันเราเหมือนแก้วอ่ะ โดนทุบหลายๆ รอบมันแตกจะละเอียดแล้วนะตอนนี้ มันต้องหลอมใหม่แล้ว หลอมใหม่ก็คือเกิดใหม่ชาติหน้า

เป็นสาเหตุที่เรารีรันไลฟ์ใช่ไหม? แอนนา : “ก็เลยรีรันตลอด เพราะต้องยอมรับว่าเวลาเราเจอคอมเมนต์ด้านลบเราสั่น แล้วมือมันสั่น ตอนหลังไม่รู้ตัวเองว่าเอาเล็บมาจิกตัวเองจนเป็นรอยหมดแล้ว แต่เราไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกว่าดีขึ้น สบายใจขึ้น งงไหม อันนี้ต้องไปปรึกษาหมอ อยากได้หมอที่มีเวลาคุยสักชั่วโมงหนึ่งเลย รับฟังปัญหาแล้วแก้ให้หน่อย เพราะวัดเข้าจนไม่รู้จะเข้ายังไงแล้ว บวชกับพี่จี้มา 7 วัดแล้ว เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เราไม่ได้อยากตายค่ะ เราอยากมีชีวิตด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง แต่เราหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้”

จากจุดสูงสุดมาถึงตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรแถมยังเป็นหนี้? แอนนา : “นี่ไม่ใช่จุดต่ำสุด นี่คือบททดสอบเหมือนมีคนเอากำแพงมาตั้งไว้สูงๆ แล้วบอกว่าปีนให้ได้ ก็เลยไม่ได้มองว่าเป็นจุดต่ำสุด เพราะไปขายตัวต่างประเทศก็เคยทำมาแล้ว ตอนไม่มีเงินสักบาทนั่งร้องไห้ ดังนั้นเลยคิดว่าไม่มีจุดที่ต่ำกว่านี้อีกแล้ว เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ตอนนี้ใครคิดว่าตัวเองกำลังท้อหรือชีวิตแย่มาก แอนนาจะบอกว่าไม่มีใครหรอกที่ชีวิตจะแย่ขนาดนั้น มันจะแย่แค่ไหนก็ตาม มันจะไม่แย่ไปกว่าที่เราเป็นอยู่ ถามว่ามีน้อยเนื้อต่ำใจไหม ก็ไม่เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าทำเองหมดเลย เราพลาดเอง เราเป็นผู้นำไม่ได้ แต่เราอยากเป็น

เรื่องคดีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? แอนนา : “อยู่ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยกับลูกค้า แล้วก็ทยอยคืนเงินตลอด ทุกๆ วันจะต้องมีสลิปคืนเงินทุกวัน ลูกค้าจะถามว่าคืนใคร คืนคนไหน เราก็เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เพราะต้องใช้ในชั้นศาล ตอนนี้ก็คืนไปได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ต้องใช้เวลาปีหนึ่งถึงจะหมด”

ยังเครียดหรือกังวลเรื่องคดีไหม? แอนนา : “คดีไม่เครียดเลยค่ะตอนนี้ บอกแล้วว่าคุกไม่กลัว แต่ไม่ท้าทาย เพราะว่าเราเห็นเคสตัวอย่างแล้ว ก็ยังต้องไปรายงานตัวอยู่ตลอดค่ะ ตำรวจก็ยังถามมาว่าเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเป๊ะมาก”

เรื่องทองหายมีอัปเดตไหม? แอนนา : “เหมือนคดีจะถูกย้ายไปให้อีกหน่วยงานหนึ่งดูแลค่ะ ซึ่งเราก็ดีใจ แต่ไม่พูดอะไรเพิ่มเติมดีกว่า ให้มันเป็นกระบวนการของตำรวจไป”

อยากบอกอะไรกับชาวเน็ตที่ชอบมาแซะไหม? แอนนา : “หนูอยากชื่นชมชาวเน็ตนะ หนูอยู่ในเหตุการณ์โซเชียลมาหลายปี ปกติแอนนาจะไม่เคยได้รับกำลังใจ แต่ปัจจุบันแอนนาได้กำลังใจเยอะมาก มีคนเข้ามาเมนต์ในเฟซบุ๊กเยอะมาก ว่าต้องสู้ ลองแก้ปัญหาแบบนี้ ลองไปที่นี่สิ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน