ติ๊นา รับประมาท ขับรถชนทำคู่กรณีบาดเจ็บสาหัส เชื่อทำกรรมร่วมกันมา เตรียมโกนหัวบวช 2 อาทิตย์
ติ๊นา รับประมาท / จากเหตุการณ์เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ติ๊นา-ศุภนาฎ จิตตลีลา ถูกอีกฝ่ายหนึ่งแฉว่า ขับรถประมาทชนผู้อื่น คู่กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะนั้น หนีและไม่ใยดี ไม่ได้รับความรับผิดชอบแต่อย่างใด ต่อมา ติ๊นา ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน และได้อยู่ช่วยเหลือคู่กรณีที่บาดเจ็บ จนกระทั่งส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย พร้อมยืนยันรับผิดชอบเต็มที่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในงาน “LANCÔME BEAUTY TECH & BEYOND” ติ๊นา ได้เปิดใจถึงความรู้สึกหลังเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมอัพเดตอาการคู่กรณี
ถามถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น? “เรียกว่าเกือบจะเรียบร้อยแล้ว เอาจริงๆ เหมือนติ๊นาได้น้องชายเพิ่มคนหนึ่งเลย ที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นบทเรียนแล้วกัน ต้องขอโทษทุกคนด้วย ที่สำคัญต้องขอโทษทางครอบครัวน้องบิว และตัวน้องบิวด้วยนะคะ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ คือเราประมาทจริงๆ แหละ ขอโทษทุกฝ่ายที่ทำให้น้องบิวเจ็บตัวและเสียเวลาด้วย ก็ทำให้การใช้ชีวิตทีสติมากขึ้น ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่เลย”
ก่อนหน้านี้ก็มีหลายกระแสว่าชนแล้วหนี เมาแล้วขับด้วยหรือเปล่า? “จริงๆ อยากจะบอกทุกคนเลยว่า ชนปุ๊บ เกิดเหตุปุ๊บ คือทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่บอก และหลังจากนั้นชนปุ๊บก็ได้ไปเยี่ยมคู่กรณีเลย ก็ไปเยี่ยมกับเพื่อนๆ และมีทางผู้จัดการด้วย ก็อาจจะเป็นไทม์ไลน์ที่สวนทางกัน แบบเราไปเยี่ยมแล้วไม่เจอทางครอบครัวเขา แล้วตอนนั้นประสานงานกันกับทางประกัน ตำรวจด้วย ว่าติดต่อทางครอบครัวได้ไหม ซึ่งทางตำรวจก็ติดต่อไม่ได้”
หลายเสียงบอก พอชนเสร็จไปเที่ยวต่อ? “จริงๆ อาจจะเป็นการเข้าใจผิด ทางฝ่ายครอบครัวหรือคุณแม่ที่ได้มีการสัมภาษณ์ก็อยู่ต่างประเทศด้วย พอชนปุ๊บวันรุ่งขึ้นก็ได้ไปเยี่ยมน้องเลย ไม่ได้มีการไปเที่ยวต่อค่ะ ส่วนรูปที่มีการเอามาลงเป็นรูปงานก่อนหน้าค่ะ”
เรื่องนี้หนักกับเราขนาดไหน? “เรียกได้ว่าหนัก หนักสุดเลย รองนากเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ ก็เป็นบทเรียน ขอโทษทุกคน ขอโทษทางน้องบิว ขอโทษทุกคนเลยที่ทำให้ผิดหวัง และอยากจะขอโอกาสค่ะ บทเรียนครั้งนี้ทำให้มีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะ และทำให้เรามีสติจริงๆ”
มีคำถามว่าวันนั้นเรา เมาแล้วขับหรือเปล่า? “วันนั้นเจ้าหน้าที่เขาเห็นว่าเรามีสติก็ไม่ได้ทีการเป่าอะไรเกิดขึ้นหน้างาน ชนปุ๊บเราก็ดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อย”
ตอนนี้คู่กรณีเป็นยังไงบ้าง? “ตอนนี้หายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว คุณแม่เขาก็พูดเองว่าจะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วนะ แล้วล่าสุดคุณแม่เขาก็โพสต์ว่าเหมือนได้ลูกสาวเพิ่ม ตอนนี้ก็ส่งข้อความคุยกับคุณแม่เขาอยู่ มีการโทรศัพท์คุย อัพเดตกัน มีการจัดนักกายภาพให้น้องเขา แล้วก็ไปมาหาสู่กันอยู่ทุกอาทิตย์”
ช่วงแรกๆ มีความเข้าใจผิดกับคุณแม่เขาด้วย? ใช่ค่ะ เรียกว่าไม่ได้มีการติดต่อ ไม่ได้โทรคุยกันดีกว่า แล้วพอย้ายโรงพยาบาลก็ได้เจอกับทางพ่อ เจอญาติเขา แล้วก็ได้มีการคุยทางไลน์กับคุณแม่เขา ได้ทำความเข้าใจ ก็โอเค”
ตอนนี้น้องเขาหายแล้ว ความรู้สึกของเราเป็นยังไงบ้าง? “ก่อนอื่นเลยคือรู้สึกเสียใจอยู่ มันเป็นเรื่องที่เราประมาทจริงๆ และอยากขอบคุณครอบครัวน้องบิวเลยที่ให้โอกาส เหมือนเราได้คุณพ่อคุณแม่เพิ่มอีกครอบครัวหนึ่ง และได้น้องชายเพิ่มจริงๆ”
ตอนนี้หลายคนก็ยังไม่เข้าใจ? “ก็อาจจะมีบ้างทางทวิตเตอร์ (ก้าวข้ามคำด่ายังไง?) อาทิตย์แรกนอนไม่หลับเลย เป็นแพนิคแบบตัวสั่นเลยเป็นเดือน ปกติกินยาซึมเศร้าอยู่แล้ว ก็ไปหาหมอ คือเรากำลังจะดีขึ้นแล้วมาเจอเรื่องกระทบใจ มันก็กลับไปจุดเดิม ก็ต้องมีสติมากขึ้น พยายามสวดมนต์ ทำบุญ ก็ชวนน้องไปทำบุญด้วย ชวนน้องไปมูลนิธิเด็กอ่อน ได้ชวนเขาไปทำบุญกัน”
ยังกล้าขับรถไหม? “ต้องขับเพราะต้องทำงาน แต่ขับก็กล้าๆ กลัวๆ นะ ขับช้ามาก”
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ไม่เข้าใจ? “อยากจะขอโทษทุกคนเลย ก็ขอโอกาส ตอนนี้รู้แล้วมีนเป็นบทเรียน เราจะไม่ประมาทอีกแล้ว ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ที่ทำให้มีสติ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และน้องบิว สุกท้ายแล้วก็จะบอกว่าขอบคุณน้องบิว เอาจริงๆ ไม่รู้จะพูดยังไงเลย เราไม่รู้เลยว่าจะก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์นี้มายังไงเลย ณ เวลานั้นไม่คิดด้วยซ้ำว่าเราผ่านมาได้ยังไง เอาจริงๆ เคยแอบคิดว่าไม่อยากอยู่แล้ว แต่พอเราขอบคุณทุกโอกาส ขอบคุณโอกาสขอบน้องบิวที่ให้เรา ทำให้เราปรับตัวมากขึ้น”
เรื่องคดีเป็นยังไงบ้าง? “ในส่วนของคดีก็เรายอมรับว่าประมาท ตอนนี้อยู่ในการไกล่เกลี่ยกัน วันนี้สบายใจขึ้น (ชีวิตเราค่อนข้างเจออะไรหนัก?) ค่ะ จริง”
ในส่วนของเรามีบทลงโทษอะไรบ้าง? “คือตั้งใจว่า ถ้าน้องกลับบ้านเรียบร้อย เราก็จะบวช 2 อาทิตย์ แต่ก็ต้องรอเคลียร์อะไรให้มีน 100 เปอร์เซ็นต์ ได้มีการคุยกับบ้านน้องว่าเราอาจจะมีกรรมต่อกัน ก็ตั้งใจจะขอขมากรรมต่อกันค่ะ”
