ปีเตอร์ เผยเส้นทางรัก 12 ปี แฟนสาว จอย สุจิตรา เจอดูถูก ไล่ให้ทุบหน้าใหม่

ปีเตอร์ เผยเส้นทางรัก – “ปีเตอร์ ธูนสตระ” ควงแฟนสาว “จอย สุจิตรา” เปิดใจถึงเส้นทางรัก 12 ปี พร้อมคำดูถูกสารพัดไม่เหมาะสม ไล่ให้ไปทุบหน้าใหม่

ควงกันออกมาเปิดใจที่แรกสำหรับ “ปีเตอร์ ธูนสตระ” กับแฟนสาว “จอย สุจิตรา” เผยเส้นทางรักกว่า 12 ปีที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และเปิดใจถึงอาการป่วยโรคธาลัสซีเมียของแฟนสาวที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด รวมไปถึงถูกบูลลี่ว่าไม่เหมาะสม ถูกไล่ให้ไปทุบหน้า ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ ชมพู่ ธัณย์สิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ปีเตอร์เผยเส้นทางรัก

ปีเตอร์ ธูนสตระ ควงแฟนสาวมาเปิดเผยเส้นทางความรัก

 

ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน แล้วคบกันมา 12 ปีแล้ว?

ปีเตอร์ : ใช่ครับผม

ทำไมถึงเพิ่งมาเล่นติ๊กต็อกอัดคลิปที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้?








Advertisement

จอย : เล่นมานานแล้วค่ะ แต่ว่าเพิ่งมาเป็นกระแสตอนที่อยู่โรงพยาบาล คือว่าตอนนั้นไม่แต่งหน้าแล้วถ่ายรูป คนก็เลยเข้ามาถามว่าป่วยจริงมั้ย ตัดต่อภาพหรืออะไร แล้ววันนั้นเป็นวันเกิดของคุณปีเตอร์ เราอยู่โรงพยาบาลแล้วไปเที่ยวที่ไหนด้วยกันไม่ได้ เขาก็เลยมาอยู่โรงพยาบาลด้วยกัน เราก็เลยเอ่อ…แต่งหน้าถ่ายรูปสักหน่อย

คือคนเขาคิดว่าเราถ่ายคนเดียว แล้วเอาพี่ปีเตอร์มาตัดต่ออยู่ข้างๆ?

จอย : ใช่ค่ะ เขาก็ว่าเราตัดต่ออะไรประมาณนี้อะค่ะ

จุดเริ่มต้นของความรัก รู้จักกันได้ยังไง?

ปีเตอร์ : ตอนแรกคือเขาทำงานที่ห้าง แล้วบังเอิญไปเจอเขาที่ทำงานอยู่ ก็เอ้ยน่ารัก ก็เลยเข้าไปคุยกัน (หันไปหาแฟนสาว) แล้วเป็นยังไงต่อเล่าให้ฟังหน่อยครับ

จอย : วิ่งหนีค่ะ (หัวเราะ) คือวันนั้นเขามาทานข้าวแต่ไม่ได้ทานร้านเรานะ ไปทานร้านตรงข้าม แล้วเขาเดินมาหาเรา ด้วยความที่เราพูดภาษาไม่เป็น พูดได้แค่ไทยอย่างเดียว ก็เลยหนี เดินเข้าร้าน เขาก็พยายามเรียก เราก็ส่งเจ้าของร้านออกไปคุย บอกว่าฝรั่งคนนี้เขาจะเอาอะไรไม่รู้ ให้ไปรับรองหน่อย พอเฮียเขาเดินออกมา เขาก็บอกว่าเขาอยากคุยกับจอยอ่ะ เขาจะคุยด้วย

ตอนนั้นพี่ปีเตอร์พูดภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย?

จอย : ภาษาไทยได้ แต่ยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ยังไม่ชัดเท่าตอนนี้

ตอนที่เดินไปในห้าง แล้วเห็นผู้หญิงคนนี้ปรากฎตัวต่อหน้าเรา คือแบบสเปกเลยมั้ย?

ปีเตอร์ : ก็คิดว่าคนนี้น่ารัก ก็อยากคุย เพราะเราไม่ได้ไปที่นี่ประจำ ไปงานพอดีเลยอยากถือโอกาส ถ้าไม่ได้คุยวันนี้ก็คงไม่ได้ข้ามกรุงเทพฯ มาอีก เห็นแล้วก็เลยอยากลองคุยกันดู

ปีเตอร์เผยเส้นทางรัก

จอย-ปีเตอร์

ถ้าวันนี้ไม่ได้คุย คิดว่าจะเสียโอกาสไหม?

ปีเตอร์ : ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ เพราะว่าโอกาสที่จะเจอและน่าสนใจก็ไม่บ่อย ก็เลยถือโอกาสคุยดู

แสดงว่าเป็นคนชอบผู้หญิงตัวเล็ก น่ารักใช่ไหม?

ปีเตอร์ : ใช่ครับ น่ารัก นิสัยเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว

สรุปวันนั้นเขาได้สั่งข้าวไหม ?

จอย : จริงๆ เขาจะเอาเบอร์หนูนี่แหละ เราก็งงว่าเขาเป็นใคร เราก็เขินเลยแบบไม่ให้ดีกว่า ยังไม่อยากให้ แต่เพื่อนบอกให้ไปเถอะ เขาคงอยากได้ไปเฉยๆ คงไม่โทรคุยหรอก ก็เลยให้ไปเป็นเบอร์ เพราะตอนนั้นยังไม่มีไลน์ เฟซบุ๊กก็ยังไม่มี ต้องเข้าบราวเซอร์ก็เล่นยาก ก็เลยให้เป็นเบอร์โทรไป เขาก็ถามว่าเลิกงานกี่โมง พอเราเลิกงานเขาก็โทรมาเลย

ปีเตอร์ : ต้องหาโอกาสไม่ใช่ว่าปล่อยโอกาสผ่านไป ก็ต้องถือโอกาส

แล้ววันแรกที่โทรหาคุยกันนานไหม ?

จอย : ก็ประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง

ปีเตอร์ : ถึงเปล่า

จอย : เกือบๆ เพราะวันนั้นฝนตก หลบฝนอยู่ในห้าง ไม่มีอะไรทำก็เลยคุย

ตอนนั้นเขาพูดภาษาไทยไม่ชัด เราคุยกันรู้เรื่องไหมคะ?

จอย : ตอนแรกๆ ก็พอรู้แบบงงๆ บ้าง

ตอนแรกที่คุยคือยังไง แนะนำตัวซึ่งกันและกันหรือเปล่า?

จอย : ใช่ค่ะ คือเขาจะเป็นคนถามมากกว่า ถามว่าเราทำงานที่นี่นานหรือยัง อยู่ที่ไหน อยู่กับพ่อแม่หรือเปล่า ก็เลยตอบรวดเดียวไปเลย ตอนนี้อยู่กับลูกนะ มีโรคประจำตัวนะ คือบอกหมดทุกอย่างที่เขาอยากรู้ ก็คิดว่าให้รู้ไปเลยวันแรก ถ้าไม่คุยต่อก็คือจบไปเลย ก็แอบกลัว แต่สักวันเขาก็ต้องรู้แหละ ถ้าไปรู้ตอนหลังมันจะเสียความรู้สึก

ตอนนั้นรู้ไหมว่าเขาเป็นดารา?

จอย : ไม่รู้ คิดว่าเป็นชาวต่างชาติทั่วไป

ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นดาราเข้ามาจีบเรา เรารู้สึกไหมว่าเขาก็หล่อนะ?

จอย : หล่อนะ แต่ว่าหนูไม่ค่อยชอบฝรั่ง ไม่ชอบคนต่างชาติ เพราะว่าตัวใหญ่ ฟังไม่รู้เรื่องด้วย

ปีเตอร์ : ถือว่าอดทนมา 12 ปี ถือว่าไม่ค่อยชอบแต่ก็ทนได้ใช่ไหม

จอย : หมายถึงตอนแรกๆ

รู้สึกยังไงพอคุยกันไปเรื่อยๆ ?

จอย : ก็นิสัยดีนะ แต่ว่าดูก่อนยังไม่ปักใจ

เห็นว่าคุยกันไประยะหนึ่งแล้วคุณจอยต้องย้ายไปอยู่ใต้?

จอย : ก็คือว่าเพิ่งเจอกันไม่ถึงอาทิตย์ หนูก็ต้องไปช่วยงานพ่อ ช่วงนั้นก็คุยกันตลอด จริงๆ ก็ไม่ได้คุยเท่าไหร่ เพราะเราก็ทำงาน

ปีเตอร์รู้สึกยังไง กำลังคุยกำลังจีบก็ต้องไปใต้แล้ว?

ปีเตอร์ : ตอนแรกคิดว่าข้ามกรุงเทพมันไกลพอสมควร แล้วพอโทรคุยเขาบอกว่าต้องไปภาคใต้ เราก็เอ้า ไปภาคใต้ไปทำอะไร เขาก็บอกไปช่วยงานพ่อก็ไปสักระยะหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะไปนานเท่าไหร่ อาจจะเป็นอาทิตย์ อาจจะเป็นเดือน คุยไปคุยมาสรุปไป 3 เดือน ก็คุยมาเรื่อยๆ ตลอดนะช่วงนั้น

ตอนแรกเราประทับใจอะไรในตัวเขา?

ปีเตอร์ : เป็นคนสู้ เป็นคนเก่ง ยิ้มตลอด ก็เลยประทับใจ

ปีเตอร์เผยเส้นทางรัก

รอยยิ้มที่เอาชนะใจ

พอหลังจากไปอยู่ใต้ 3 เดือน เริ่มเดทกันตอนไหน?

จอย : ก็หลังจากกลับมา

แสดงว่าตั้งแต่คุยโทรศัพท์ยังไม่ได้เจอกัน?

จอย : ใช่ค่ะ จนเรากลับมา เขาก็นัดกินข้าว ดูหนัง ตอนแรกก็ว่าจะกินข้าว ดูหนัง แล้วกลับ แต่ก็ต่อยาวเลยค่ะ

 

ตอนนั้นรู้สึกยังไงตื่นเต้นไหม?

จอย : ก็รู้สึกแปลกๆ ว่ามีแต่คนมองเขาแต่เราไม่รู้ เราก็แปลกๆ ว่าทำไมฝรั่งคนนี้มีแต่คนมองเยอะจัง ทำไมเขามองเราแปลกๆ ก็เลยถามเขาว่าคุณเคยออกทีวีไหม

นอกจากมีคนมองแล้ว เวลาไปไหนมีคนมาขอถ่ายรูปเขาไหม?

จอย : ตอนนั้นยัง ตอนที่ไปห้างที่หนึ่งก็ยังไม่มีใครมาขอถ่าย ได้แต่บอกว่าดารา เพราะเรามากินข้าวกันอยู่ในร้านอาหาร ก็ไม่มีใครเข้ามาถ่ายได้ แต่ก็ชี้และมองกัน เราก็รู้สึกแล้ว เราก็เลยถามเขาว่าเคยออกทีวีมั้ย เขาก็ตอบว่าใช่ แต่ก็ยังไม่บอกเราอีกนะว่าเป็นนักแสดงหรืออะไร เราก็กลับบ้านไปถามน้อง ถามน้องสาวว่าตัวเองลองเสิร์ชดูให้หน่อยรู้จักมั้ยคนนี้ แล้วก็บอกชื่อเขาไป เขาก็บอกว่าเคยแสดงหนังด้วยเนี่ย

ปีเตอร์เผยเส้นทางรัก

ปีเตอร์ ธูนสตระ

ทำไมถึงไม่บอกไปเลยว่าเราเป็นนักแสดง?

ปีเตอร์ : ก็มันเป็นเรื่องแปลกๆ เนาะ ก็ไม่รู้ว่าจะไปบอกทำไมว่า เออเราเป็นนักแสดงนะ รู้จักเรามั้ย เหมือนอวดตัวเอง คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดอยู่แล้ว

พอคุณแม่ของจอยรู้ก็ตกใจเลย?

จอย : เป็นแม่เลี้ยง เขาก็ตกใจ ว่ามีฝรั่งที่เป็นนักแสดงมาชอบ เขาก็บอกว่าเขาแค่คุยเล่นหรือเปล่า เพราะเขาเป็นนักแสดงด้วย เขาจะชอบใครก็ชอบได้ เพราะรอบตัวเขามีแต่คนสวยๆ เราก็ทำใจว่าเขาอาจจะมาคุยเล่นๆ

อะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าเขาไม่ได้เข้ามาคุยเล่นแล้ว?

จอย : อะไรดี (หัวเราะ) คือทุกอย่างที่เขาดูแลเรา

ปีเตอร์ : ดูแลนานพอสมควร พิสูจน์กันและกัน เขามาช่วยดูแลตอนที่เราลำบาก

คุยกันอยู่นานไหมถึงตัดสินใจเป็นแฟนกัน วางอนาคตด้วยกัน?

ปีเตอร์ : ไม่ได้พูดเลยเนาะ เราสนิทและดูแลกันมาเรื่อยๆ

จอย : คนเขาเห็นเขาก็รู้กันเอง ว่าคบกัน

มีเอ่ยปากบอกเป็นแฟนกันบ้างไหม?

ปีเตอร์ : ก็ไม่ได้พูดตรงเลยเนาะ เราเข้าใจกันเองมากกว่า

จอย : ถามเขาว่าไม่อายเหรอมาคบกับฉัน

ปีเตอร์ : เขาเป็นคนถามตรงแบบนี้แหละ

ปีเตอร์เผยเส้นทางรัก

สายตาสื่อรัก

อายุห่างกัน 11 ปีมีผลบ้างไหม?

ปีเตอร์ : ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นะ ไม่มี ถ้าเป็นวัยรุ่นอาจจะมากกว่า ถ้าเลย 30 ไปแล้วรู้สึกว่าไม่ต่างอะไรมากหรอก ตอนนี้ก็อายุ 50 แล้วออกกำลังกายตลอด มีผลช่วยได้แน่นอน

 

โรคประจำตัวของพี่จอย?

จอย : เป็นโรคธาลัสซีเมียตั้งแต่กำเนิด เริ่มให้เลือดมาตั้งแต่ 4-5 ขวบ ทำให้ร่างกายรับธาตุเหล็กเกิน ตั้งแต่เจอเขา เขาก็หาทางรักษา

ปีเตอร์ : ตอนแรกที่คบกัน เราก็ไม่เคยเก็ต แต่พอคบกันจริงๆ แล้วเขาต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย เหมือนเพิ่งเข้าไปไม่นานเข้าอีกแล้ว เราเลยให้เขาเขียนมาแล้วก็ไปหาข้อมูล

จอย : หมอก็จะนัดติดตามอาการทุกเดือน ไปก็จะให้เลือด ถ้าไม่มีเลือดจากโรงพยาบาลก็จะเปิดรับบริจาค แต่ช่วงโควิดเลือดก็ขาดแคลนมากต้องนอนอยู่โรงพยาบาลนาน 2 เดือน ตัวก็ซีดลงเรื่อยๆ

ปีเตอร์ : สำหรับคนที่ไม่รู้โรคธาลัสซีเมีย คือไม่สามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงสมบูรณ์ ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่รับออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไปในร่างกาย ถ้าร่างกายไม่สามารถผลิตเซลล์ได้ก็ต้องรับเลือดที่บริจาคมา ก็จะช่วยได้แค่ 1 เดือน ก็ต้องไปหาหมอเรื่อยๆ ทุกเดือน

ไปโรงพยาบาลทุกเดือน นอนทีละกี่วัน?

จอย : ช่วงนี้ก็จะนอน 5 วัน เพราะจะให้เลือด 2 ถุง แล้วก็กลับบ้านได้ แต่หมอจะสั่งให้ยาขับธาตุเหล็กเพิ่มก็คือว่าต้องนอน 5 วัน ให้วันละ 1 โดส ก็คือ 8 ชั่วโมงที่ให้ทางสายน้ำเกลือ พอหมดแล้วก็ต้องให้ต่ออีกวัน ถ้าเรารักษาและให้เลือดอยู่ตลอดก็จะเหมือนคนปกติไม่มีอาการอะไร แต่ถ้าตัวซีดลงคือขาดเลือดแล้วจะมีอาการเป็นไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อ จะเหนื่อย

เวลาไปนอนโรงพยาบาลพี่ปีเตอร์ก็จะไปเฝ้า?

ปีเตอร์ : ก็ไปเฝ้าบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง เพราะด้วยการงานด้วย

ทำไมถึงอยากดูแลอยู่ข้างๆ เขา?

ปีเตอร์ : เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนที่ดี สู้เก่ง เห็นคนสู้เก่งเหมือนให้กำลังใจเราด้วย ถ้าเราไม่เจออะไรหนักเท่านี้เราก็สู้ได้

โรคนี้จริงๆ ทำให้หายขาดได้ด้วยการปลูกถ่ายกระดูกสันหลัง?

จอย : ใช่ค่ะ ช่วงนั้นคือที่เจอคุณปีเตอร์อายุเกินแล้ว เขาก็พาไปหาหมอหลายโรงพยาบาลว่าสามารถทำได้มั้ย หมอก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะอายุเกิน อายุต้องประมาน 20

ปีเตอร์ : และถ้าร่างกายข้างในเสียธาตุเหล็กไปเยอะเขาก็ไม่อยากให้เสี่ยง เพราะก่อนจะทำ ต้องทำลายไขกระดูกของเราก่อนแล้วเอาอันสมบูรณ์เข้ามา ถ้าร่างกายไม่สมบูรณ์มันก็จะอันตราย

จอย : เราก็ตัดม้ามไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ภูมิต้านทานไม่มีก็จะป่วยง่าย

ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน?

จอย : เยอะค่ะ

ปีเตอร์ : แต่ประกันสังคมช่วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนเราก็ต้องรับผิดชอบเอง

ไม่ให้ทางเขาไปทำงานด้วย?

ปีเตอร์ : ไม่เชิงว่าห้าม หรือบังคับเด็ดขาด เราคุยกันว่าธรรมชาติถ้าจะหยุดทุกเดือน เดือนละ 3-5 วัน ใครจะให้เราทำ แล้วป่วยมายังต้องพักงานอีก ภาวะทำงานหนักก็กลัวป่วยอีก

จอย : มีภาวะกระดูกบางด้วย หักง่าย หมอบอกว่าต้องระวัง เวลานั่งแรงๆ เคยมีซี่โครงหักอยู่ครั้งหนึ่งนานแล้ว ตกจากที่สูงมา นั่งอยู่หลังรถกระบะ

มีครั้งนึงไปหาหมอช้าเกือบไม่รอด?

จอย : ก็มีที่ไปใต้อะค่ะ เรารักษาอยู่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ แล้ววันนั้นกำหนดหมอนัดแล้ว แต่ยังไม่ได้กลับมา แล้วมีอาการขึ้นมาพ่อก็ให้อยู่บ้าน เราก็หายใจไม่ออก แน่นหน้าอกไข้ขึ้นสูง พอไปหาหมอทางนั้นก็ไม่สามารถรักษาเราได้ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ให้ยาฆ่าเชื้อไข้ก็ไม่ลง ก็โทรมาขอประวัติตรงนี้ หลังจากนั้นก็ต้องมาตามหมอนัดตลอด

มีเรื่องลูกชายที่ต้องปรับตัวด้วย?

ปีเตอร์ : ใช่ครับ ลูกชายกับแฟนเก่า คือเขาก็บอกเราตั้งแต่แรกเลยนะ เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีแฟนที่มีลูกแล้วนะ แต่ก็ลองดูละกัน เจอกันแรกๆ เขาก็บอกพาลูกไปด้วยได้มั้ย เราก็บอกพามาลองดู 3 ขวบน่ารักมาก เป็นเด็กดี

ลูกชายเขายอมรับเราไหม?

ปีเตอร์ : เขาน่ารัก เขาโอเค เขาเรียกเราว่าลุง ชอบยิ้ม อารมณ์ดีเหมือนแม่

เราบอกลูกเราว่ายังไงตอนนั้นมีเขาเข้ามา?

จอย : ก็บอกว่าเป็นเพื่อนของแม่ พอโตขึ้นเขาก็รู้เอง เพราะเขามารับไปกินข้าวทุกอาทิตย์ ก็เหมือนเด็กเขารู้เอง ตอนแรกมีคนถามเขาว่าเป็นพ่อเหรอ เขาก็ปฏิเสธ ตอนเล็กๆ เหมือนไม่ได้อยู่กับพ่อแท้ๆ ด้วย ประมาน 10 ขวบเขาก็เริ่มเข้าใจ ตอนนี้เขา 15 ขวบ และใกล้จะถึงวันเกิดเขาแล้ว เขาไม่ได้เรียกแดดดี้เขาเรียกลุงเหมือนเดิม เพราะติดปากมาตั้งแต่เด็ก

ทุกวันนี้เขาเข้าใจแล้ว มีมาปรึกษาอะไรกับเราไหม?

จอย : ไม่มีค่ะ เขารู้แล้วว่าเขาเป็นคนดูแลคุณแม่ดูแลไปถึงลูกชายด้วย

ปีเตอร์ : เสียดายอย่างหนึ่งเขาไม่ได้พูดภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก จับเรียนตอนนี้ก็ยาก ไม่งั้นจะได้สองภาษาไปเลย

ปีเตอร์เผยเส้นทางรัก

ปีเตอร์ตอบคำถาม

ทำยังไงให้ลูกเขายอมรับในตัวเรา?

ปีเตอร์ : ก็จริงๆ แล้วโชคดีที่เขาเป็นคนสนุกสนานอารมณ์ดีไม่มีอะไรต้องปฏิเสธอะไร ด้วยความเป็นผู้ชายด้วยก็จะชวนกันไปเล่นเกมส์ในห้าง

คาดหวังในอนาคตไหม เขาจะเรียกเราเปลี่ยนสถานะ?

ปีเตอร์ : ผมโอเคนะครับ อยากให้ทุกคนแฮปปี้ ถ้าเขาโอเคที่เรียกว่าลุงผมก็แฮปปี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึก ไม่ใช่คำพูด ก็เป็นลุงกับหลานที่สนิทกันพอสมควร เขาเลี้ยงลูกเก่งมาก

จอย : ตามนั้นเรียกยังไงก็ได้ เพราะเขาไม่ได้ซีเรียส สบายๆ

โดนบูลลี่ยังไงบ้าง?

จอย : เขาบอกว่าไม่เหมาะสม ไม่สวย มาทางคอมเมนต์ ตอนแรกบอกว่าเราจ้างคุณปีเตอร์มาพูดได้เท่าไหร่ตอนไลฟ์สด ก็คิดว่าเราจ้างเขามา ตอนแรกบอกตัดต่อภาพ วิดีโอ ไลฟ์สด บอกเขาเป็น AI บอกให้หนูไปทำหน้าใหม่ สวยนะแต่ไปทำจมูก ตัดกราม เหลากราม ทำให้หมดเลย ไม่เคยอยากตอบโต้เขา แต่ก็มีแฟนคลับน่ารักมาก เป็นเอฟซีเขาก็ตอบกลับแทนทุกอย่าง เราก็อยู่เฉยๆ เขาชอบเราที่เป็นแบบนี้

ปีเตอร์ : ใช่อย่างที่บอกฝรั่งชอบแบบนี้ มันคือสเปก บางคนเป็นเกรียนคีย์บอร์ด

เคยปรึกษากันเรื่องนี้ไหม?

จอย : อย่างล่าสุดเขาบอกว่าทำไมเราไม่เรียนภาษาอังกฤษ ทำไมไม่ให้ปีเตอร์สอน เขาก็ว่าเราว่าโง่ พูดไม่ได้ เราก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจ

 

มีนั่งร้องไห้น้อยใจ?

จอย : ไม่เคยเลยค่ะ

ให้กำลังใจกันยังไงบ้าง?

ปีเตอร์ : พยายามสะกิดเขาบอกคุณรอดมาเยอะแล้ว ไม่ต้องสนใจคนอื่น เขามีคนที่รักดูแลอยู่แล้ว แต่ความรู้สึกเขาอาจจะแย่หน่อย

ฝากถึงคนที่มาบูลลี่?

จอย : ไม่รู้จะบอกอะไรเขาดี ถึงบอกไปเขาก็ทำอยู่ดี อยากให้คิดก่อนพูด ดูความจริงก่อน

ปีเตอร์ : เช่นกัน จริงๆ แล้วคิดว่าเป็นคำพูดที่เอ่ยออกไป แต่เราควรระมัดระวังมันเหมือนอาวุธ อย่าพูดอะไรที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี

ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ ปีเตอร์ ธูนสตระ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน