หักหน้าเกินไปไหม ชิปปี้ ย้อนถามรักเก่า มือที่สามเป็นคนแวดวงเดียวกัน

ชิปปี้ ศิรินทร์ เปิดใจในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ย้อนถามรักเก่า หักหน้ากันเกินไปไหม มือที่สามเป็นคนในแวดวงเดียวกัน

ชิปปี้

อยากเอาชนะไหมเวลาที่เราเจอใครเข้ามาเป็นมือที่สาม แล้วเราก็รู้สึกว่าฉันต้องต่อสู้ ฉันต้องแย่งเขามาเป็นของฉันอะไรอย่างนี้
ชิปปี้ : ไม่เคยเลยค่ะ ไม่คิดเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับใครเลยก็ตามเพราะเราเชื่อเสมอว่าถ้าเกิดว่าเขารักเรา เราต้องเป็นคนเดียวเราไม่ใช่เธอเป็นที่ 1 นะแล้วมีคนนี้ เรารับไม่ได้เหมือนทำไมถ้าคุณรักเราแล้ว ทำไมถึงมีคนอื่นถ้ารักเรามันต้องไม่มีคนอื่นสิ

บางคนต้องไปดูให้ได้ว่าคนนั้นคือใครกันแน่แล้ว ชิป ทำอย่างไร
ชิปปี้ : เรารู้อยู่แล้วค่ะว่าคนนั้นคือใครเรารู้จักด้วยนะคะ คือเรารู้จักเขาพร้อมกันค่ะ เป็นคนในแวดวงเดียวกัน ชิป เลยยิ่งรู้สึกว่ามันหักหน้ากันเกินไปไหม

ชิปปี้

แล้วเราเคยคุยกับเขาถึงเรื่องหนึ่งไหม คือบางทีเวลาที่เราเห็นภาพแห่งการนอกใจ เรามักจะคิดถึงเรื่องทำไมไม่ให้เกียรติฉันเลย
ชิปปี้ : ใช่ค่ะ คิดแบบนั้นเพราะว่า คือที่ที่เพื่อน ชิป ไป มันเป็นที่สาธารณะคือทุกคนอยู่ที่นั่น ถ้าเกิดเพื่อนเราเห็นต้องมีคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนเราเห็นด้วยเหมือนกัน แล้วเรารู้สึกว่าเราคบกันแบบเปิดเผยคนต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นแฟนเราแล้วคนจะคิดอย่างไร ชิป แค่รู้สึกว่ามันไม่ให้เกียรติกันมากๆเลย แล้ว ชิป รู้สึกว่าอันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ ชิป รับไม่ได้คือ ถ้าต่อหน้าคนอื่นยังขนาดนี้แล้วรับหลังคนอื่นจะขนาดไหน

อาการของเราหลังจากที่บอกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย
ชิปปี้ : ก็หนักมากค่ะ ก็ถึงเป็นซึมเศร้าเลยค่ะ

ชิปปี้

ที่บ้านว่าอย่างไรบ้างลูกสาวของฉันเข้าสู่ภาวะโหมดซึมเศร้า เพราะว่าเลิกกับแฟนที่บ้านว่าอย่างไรบ้าง แล้วก่อนหน้านั้นตอนที่เราคบกับคนคนนี้ที่บ้านโอเคไหม
ชิปปี้ : คือตอนที่คบกับเขาจะไม่ค่อยได้เจอที่บ้านเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าเราใช้เวลาอยู่แต่กับเขา ถามว่าเขาโอเคไหมเขาโอเคกับสิ่งที่ลูกเลือก แต่ถ้าถามว่าเขาเห็นด้วยไหม ตอนที่เลิกกันเขาบอกว่าฉันรอวันนี้มา 5 ปีแล้ว

แต่ก็ถือว่าเป็น 5 ปีที่เราได้ใช้ ทุกสิ่งทุกอย่างของการเป็นคนรักคนหนึ่งไปหมดแล้วเหมือนกัน
ชิปปี้ : ใช่ค่ะ ณ ตอนนั้นนะคะ อาการของการอกหักของ ชิป ก็คือเหมือนเราแค่รู้สึกว่า ตอนนั้นเรามี comfort zone คือเขา แล้ววันนี้เขาไม่อยู่แล้วคือเราจะไปพูดกับใครล่ะ เราจะไปอธิบายอย่างไรให้เพื่อนฟัง แล้วเขาจะเข้าใจเพราะว่า คือไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อย เราก็คุยกับเขาใช่ไหมคะ ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้วเราไม่รู้จะคุยกับใคร แล้วเราอยู่บ้านคนเดียวกับพี่เลี้ยงแล้วก็แมว แค่นั้นเลยคือเราก็ไม่กล้าพูดกับเพื่อน ถ้ามีเรื่องดีๆเราอาจจะอยากบอกเพื่อน แต่ว่าเรื่องไม่ดีเราไม่กล้าบอกเพื่อน เราไม่อยากให้เพื่อนหนักใจหรืออะไรอย่างนี้ เราก็เลยเก็บไว้คนเดียวมันก็เลยเหมือนแบบสะสมๆ จนเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้วแล้วเราก็เลยบอกเพื่อนว่า รู้สึกเหนื่อยมากเลยไม่ไหวแล้ว แล้วเพื่อนก็เลยพาไปหาหมอเลยค่ะ

ตอนนั้นร้องไห้หนักหนาขนาดไหน
ชิปปี้ : ก็คือพอแม่บ้านหลับใช่ไหมคะ ก็คือร้องไห้จนหลับไปเลย เพราะว่าเรากลัวว่าเขาจะไปบอกคุณพ่อคุณแม่

ในช่วงนั้นเรามีงานอยู่ด้วยไหม แล้วเราแยกโหมดอย่างไร
ชิปปี้ : ช่วงนั้นมีค่ะ คือ ยากมากๆเลยค่ะ เหมือนละครไทยมันต้องมีฉากร้องไห้ พอเราร้องไห้เหมือนเราแบบพอคัตแล้วเราไม่สามารถหยุดได้ เหมือนพอมันได้ปล่อยแล้วมันอยากปล่อยอีกอะไรอย่างนี้ค่ะ

ชิปปี้

ที่ว่าเรารู้สึกเศร้า หรือ เราเป็นซึมเศร้า
ชิปปี้ : ตอนแรกเราคิดว่าคือเหมือนถ้าเป็นเราต้องไปหาหมอก่อนใช่ไหมคะ เราถึงจะรู้ว่าเราเป็นหรือไม่เป็นแต่ในหัวเรารู้สึกว่าทำไมมันผิดปกติ เพราะปกติเราเป็นคนที่มีความสุข เป็นคนที่แบบอะไรก็ได้เป็นแบบเห็นท้องฟ้า เห็นแมว เห็นสุนัขกระดิกหาง เราก็แฮปปี้แล้วเราเอ็นจอย เราทำอะไรก็สนุกกับทุกอย่าง แต่ ณ ช่วงนั้นเรารู้สึกว่าทำไมมันเศร้าจัง ดูการ์ตูนก็ร้องไห้ ทำอะไรก็ร้องไห้ แล้วชิปก็เลยถามตัวเองว่าที่ร้องไห้อยู่เนี่ย ร้องไห้เพราะอะไรก็ตอบไม่ได้ค่ะ เหมือนมันแค่อยากร้องไห้ ทั้งๆที่ถามตัวเองว่ามันร้องเพราะว่า เราร้องไห้เพราะเลิกกับแฟนหรือเปล่า เพราะว่าเราเสียใจหรือเปล่า เพราะเราคิดถึงเขาหรือเปล่า แต่คำตอบมันคือไม่ใช่ค่ะ คือเราเลือกที่จะเดินออกมาแล้ว เราเลือกที่จะตัดสินใจแบบนี้แล้ว แต่ทำไมเราถึงเศร้าเราไม่เข้าใจก็เลยไปหาหมอแล้วคุยกับหมอก็สรุปว่าเป็นซึมเศร้าค่ะ

ตอนนั้นต้องรักษาอย่างไรบ้าง
ชิปปี้ : ตอนแรกก็เริ่มทานยาใช่ไหมคะ พอเริ่มทานยาก็รู้สึกว่าดีขึ้น รู้สึกว่าไม่ได้ร้องไห้เยอะเท่าเดิมแล้วนี่แล้วเราก็เลยหยุดทานยาเอง ซึ่งมันกลับมาเป็นหนักขึ้นเหมือนยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้เลยไม่มีประสบการณ์ แล้วคนรอบข้างยังไม่ค่อยมีใครที่เป็นซึมเศร้าค่ะ แล้วตอนที่เราหยุดยาเรารู้สึกว่ามันหนักขึ้น เราก็เลยกลับไปหาหมอ คือเหมือนมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่เป็นอะไร เพราะปกติแล้วตัวเองเป็นคนที่คิดบวกอยู่แล้ว ฉะนั้นคิดว่าเราหายแล้วไงคะ พอเรากลับไปหาหมอหมอก็บอกว่าขอร้องอย่าหยุดยาเอง อะไรก็ตามต้องค่อยๆให้หมอ withdraw ยานะ ไม่สามารถที่จะหยุดยาเองได้ เพราะว่ามันคือฮอร์โมนที่เคมีในสมองที่มันหลั่งไม่เท่ากัน แล้วยามันช่วยปรับให้มันบาลานซ์กันมากขึ้น แล้วถ้าหยุดมันก็อาจจะ swing ได้ค่ะ

ชิปปี้

นานแค่ไหนกว่าทุกอย่างจะฟื้นฟูกลับมาเป็นชิปปี้คิดบวกของเราเหมือนเดิม
ชิปปี้ : ประมาณปีนิดๆค่ะ

เคยไปไกลสุดถึงขั้นไหนในความรู้สึกดิ่งของเรา มันเคยคิดถึงขั้นไม่อยากอยู่แล้วเลยหรือเปล่า
ชิปปี้ : ไม่เลยค่ะ คือแค่คิดว่ามันเหนื่อยจังเลยไม่อยากตื่น แต่มันไม่ใช่การทำร้ายตัวเองค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเลือกที่จะออกมาจากความสัมพันธ์ที่มันไม่ดี เพราะว่าเราเห็นคุณค่าของตัวเอง ถ้าเราทำร้ายตัวเอง มันแปลว่าเราไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แล้วกลับกันนะถ้าเกิดว่าแบบพูดแบบเป็นคนปกตินะคะ คือเราเป็นคนที่โดนแบบนี้ ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายที่ต้องพยายามทำร้ายตัวเอง คือแบบพอเราซึมเศร้าใช่ไหมคะ คือเราต้องบอกเลยว่า น่าจะเป็นซึมเศร้าที่เป็นของขวัญให้ ชิป เลยเพราะเรารู้สึกว่าพอเราเป็นซึมเศร้ามันเปลี่ยนชีวิตเรา เปลี่ยนความคิดเรา แล้วมันทำให้เรามองทุกอย่างดีกว่าเดิม แฮปปี้กว่าเดิมพอเรารู้ว่าเราเคยดิ่งสุดแล้ว เราก็จะเห็นคุณค่าความสุขที่เรามี แล้วเราก็รู้สึกว่าทำให้เราเรียนรู้กับตัวเอง เหมือนเราถามตัวเองมากขึ้น ว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร และสิ่งที่เราไม่ต้องการคืออะไรแล้วความสุขของเราจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ มันเลยทำให้ ชิป รู้สึกว่า ชิป ขอบคุณแฟนเก่าของ ชิป ขอบคุณคุณผู้หญิงคนนั้น ชิปขอบคุณเพื่อนและทุกคนเลย แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างเราไม่เสียดายเวลาไม่เสียดายอะไรเลยขอบคุณมันมากๆ

ชมคลิปย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ทางยูทูบ https://youtu.be/IxDpMcxovTE?si=0-5QlbjMU0gfsmoC

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน