ปีที่ผ่านมา นับเป็นอีกปีที่เป็นปีทองของพิธีกรตัวพ่อ ‘หนุ่ม’ กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ยังทำรายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3 ได้ดีไม่มีตก จนมาปีนี้รายการก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว
วันนี้โอกาสดี พิธีกรคนดังได้มาอัพเดตการเติบโตของรายการ และมองอนาคตในวันข้างหน้า รวมถึงบอกเล่าชีวิตในวันนี้ของตัวเอง
ปีที่ผ่านมายังคงรักษามาตรฐานตัวพ่อตัวตึง มาปีนี้ไปต่ออีกไหม?
หนุ่ม – “มันเป็นการทำงานที่เป็นไปตามหน้าที่ที่ทำอยู่ตลอดอยู่แล้ว เรียกว่าเรามีเป้าหมายที่วางไว้นานแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นเป็นตัวพ่ออะไร ส่วนปีนี้จะตึงกว่าเก่ามั้ย โอ้ย ทุกวันนี้ในแต่ละปีเราต้องเผชิญอะไรมากมาย อย่างปี 2566 จะมีเรื่องแฟนคลับลุงพล ตามด่าว่าเรา”
“ถ้าย้อนไป 4 ปีก่อนที่เริ่มทำใหม่ๆ ก็มีกังวลบ้างนะเวลาคนด่า แต่มันเหมือนคนที่เคยชิน โดนบ่อยๆ แล้วชินไปเอง เลยไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานว่าคุณควรจะทำหรือเปล่าด้วยนะ เพราะตอนนี้มีข้อกฎหมายมาเกี่ยวข้องเยอะ และเดี๋ยวนี้อาจจะปากหมามากขึ้นด้วย ไม่ค่อยสน เมื่อก่อนใครมาว่าเรา เราก็จะ ได้ครับผม ขอโทษครับ แต่เดี๋ยวนี้มาว่ามาด่า ก็ด่ากลับ แซะกลับบ้าง โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราคือมนุษย์เหมือนกัน มีคุณค่าความเป็นคนเหมือนกัน”
แพลนที่วางไว้เป็นไปตามเป้าหมายทั้งหมดไหม?
หนุ่ม – “บอกตรงๆ ทุกวันนี้การทำ โหนกระแส มันยากมาก ยากตั้งแต่แขกรับเชิญเลย วันนี้คู่แข่งเยอะ เพราะรายการที่เหมือน โหนกระแส มีหลากหลายรายการในทุกช่อง เป็นธรรมดาที่มีการแข่งขันชิงแขกรับเชิญกัน พอเราไม่ได้ คนอื่นได้ไป เราก็รู้สึกว่าทำไมเราไม่ได้ คนอื่นได้ไปเสียดายจัง อีกอย่างคือมันเป็นคู่แข่งทางธุรกิจด้วย เราก็ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา”
รายการ “โหนกระแส” ก้าวสู่ปีที่ 7 มองการเติบโตจากวันนั้นจนถึงวันนี้อย่างไร?
หนุ่ม – “น่าตกใจนะ เพราะตอนทำ โหนกระแสใหม่ๆ ไม่คิดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีแบบนี้ แต่วันนี้เราประมาณตัวเองตลอด แข่งขันกับตัวเองตลอด การที่เราจะไปรู้สึกว่ารายการเราดี ก็จะกลายเป็นว่าเราไม่พัฒนาตัวเอง ดังนั้นตัวผมจะคุยกับทีมงานเสมอว่าเรายังไม่ใช่รายการที่ดี ยังเป็นรายการที่ขาดสมดุล ขาดความรอบคอบ เราจะเห็นความผิดพลาดอยู่ทุกเทป ก็ต้องหยิบมันขึ้นมาพัฒนา ถามว่าวันนี้ประสบความสำเร็จสูงสุดหรือยัง ผมก็คงตอบว่ายังครับ”
คิดว่าชื่อ ‘หนุ่ม กรรชัย’ มีผลกับความเชื่อใจกับคนที่มาออกรายการไหม?
หนุ่ม – “ผมเชื่อว่าเป็นแบบนั้น เชื่อว่าตัวผมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เป็นแบบนั้น ผมพูดถึงตรงนี้หลายครั้ง แล้ววันนี้ก็ยังพูดคำเดิม ผมโชคดีที่ได้โอกาสนี้จริงๆ เพราะตัวผมเป็นนักแสดง เล่นละครมาก่อน เพราะฉะนั้นการที่ประชาชนจะแตะถึงตัวผมเองมันง่าย ที่สำคัญตัวผมจะเล่นเป็นผู้ร้ายบ้าง ตลกบ้าง เลยทำให้รู้สึกว่าตัวผมไม่ได้อยู่สูงเกินไปที่จะแตะถึง เราก็อยู่ในบริบทของชาวบ้านที่จะแตะถึงได้”
“พอมาเป็นพิธีกร สัมภาษณ์ในเชิงฮาร์ดทอล์ก ประชาชนหรือคนที่จะเข้ามาหา เขาจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นนักข่าว เขารู้สึก หนุ่ม กรรชัย คือคนที่เขาแตะต้องได้ เพราะเราไม่ได้ถูกห่อมาด้วยทอง ทำให้แตะเนื้อในไม่ได้ และสิ่งสำคัญที่สุด คือเขาไม่ได้เห็นว่าผมเป็นนักข่าวมาก่อน เพราะนักข่าวจะมีบทบาทอีกอย่างหนึ่ง นักแสดงก็มีบทบาทอีกแบบนึง พอดีว่าผมได้โอกาสตรงนี้ ที่เป็นนักแสดงด้วย เป็นผู้ประกาศข่าว เป็นพิธีกรด้วย หลายอย่างประกอบกัน”
“แล้วโชคดีตรงที่เวลาเราเป็นนักแสดง จะเข้าฉากกับใคร เราจะละลายพฤติกรรมกับนักแสดงคนนั้นๆ ก่อน เหมือนกัน พอแขกรับเชิญมาอยู่ในรายการ เราก็ต้องละลายพฤติกรรมเขา ก็จะมีทริกนิดหนึ่งในการละลายพฤติกรรม มันก็จะทำให้เราและแขกรับเชิญแตะกันถึง”
เวลามีดราม่าเรื่องอะไรในสังคม มักจะเห็นคนเข้าไปคอมเมนต์เยอะมาก บอกว่าเรื่องนี้ ต้องถึง “โหนกระแส”?
หนุ่ม – “บางทีก็กดดัน ผมมองว่า โหนกระแส เป็นเวทีที่ชัดเจน ถ้าคุณคิดว่าคุณมาแล้วคุณแถ คุณจะมาโกหกปิดบัง สุดท้ายคุณไม่ได้ตายเพราะคุณมาออกรายการ แต่จะตายที่ตัวคุณเอง เพราะบางคนเขามาแล้วพูดชัดเจน ผมผิด ผมยอมรับ ผมขอโทษ ผมทำเอง คือคนไทยเป็นคนโอบอ้อมอารี เวลาคนทำผิด ส่วนใหญ่เขาจะมองว่า ถ้าคุณรู้ว่าคุณผิดเขาก็จะให้อภัยคุณ แต่ว่าคุณต้องขอโทษ แต่ถ้าคุณยังมาแถ มาโกหก ผมบอกเลย คนไทยก็เป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่น เขาพร้อมจะเหยียบคุณได้เสมอเหมือนกัน เวลาที่คุณผิดแล้วไม่ยอมรับผิด เพราะฉะนั้นง่ายนิดเดียว เวลามา พูดแบบตรงไปตรงมา ผิดคือผิด อย่าแถ”
หลายคนบอกว่า ‘หนุ่ม กรรชัย’ คือเครื่องจับเท็จ?
หนุ่ม – “ไม่ใช่เลย บอกตรงๆ นะ มันเป็นการถามตรงๆ ถามง่ายๆ แต่บังเอิญ ผมเป็นคนกวนตีน เวลาสัมภาษณ์ก็มีลูกกวนตีนถามไปบ้าง อาจจะถูกใจคน หรือชอบ คนที่พูดคำหยาบ ทุกคนไม่ได้เหมือนกัน บางคนพูดคำนี้ดูหยาบมากเลย แต่บางคนพูดคำเดียวกัน มันรู้สึกว่าไม่เป็นไร เบาๆ”
วลีเด็ดติดปากที่ทุกคนรู้ก็คือ “อุ๊ย!”?
หนุ่ม – “เอาจริงๆ คำว่าอุ๊ย ผมก็ไม่ได้ตั้งใจพูดนะ คือมันตกใจจริงๆ มันใช่เหรอ อุ๊ย อะไรก็อุ๊ยแบบนี้”
พอใจกับความเป็น ‘หนุ่ม กรรชัย’ ในปี 2566 ขนาดไหน?
หนุ่ม – “ไม่ค่อยพอใจ รู้สึกยังไม่ค่อยโอเค ปีที่ผ่านมารู้สึกดร็อปลงด้วยซ้ำ ดร็อปในที่นี้หมายความว่า ขี้เกียจ ตื่นสายขึ้น กินมากขึ้น สังสรรค์มากขึ้น ปล่อยตัวมากไป ซึ่งก่อนหน้าปี 2566 ไม่เป็นแบบนี้เลย ก็รู้สึกว่าไม่ชอบตัวตนที่เป็นอยู่ เพราะปีก่อนหน้านี้จะกินอาหารเป็นเวลา ไม่ดื่มแชมเปญ แต่ที่ผ่านมาดื่มยับ เที่ยว สังสรรค์ ไม่ชอบ”
เป็นการให้รางวัลตัวเอง?
หนุ่ม – “ย้อนกลับไป 3 ปีก่อน ไม่ดื่มน้ำอัดลม ทุกวันนี้ดื่มยับ มันแย่นะ รู้สึกระเบียบตัวเองหายไป แล้วพอปล่อยไปจากที่ความดันดีๆ ความดันก็มา เมื่อก่อนสูบบุหรี่ สูบๆๆ หมอบอกคุณเป็นความดัน กินยาตลอดชีวิต ต้องลดบุหรี่ ผมทิ้งบุหรี่เลย ไม่กินเค็ม ไม่จับน้ำปลาเลย ความดันก็กลับมาดี ไม่ต้องกินยา แฮปปี้ พ่อเป็นเบาหวาน พี่ชายก็เป็นเบาหวาน เป็นกรรมพันธุ์ ก็ไม่กินน้ำตาล กินน้อยมาก เจาะน้ำตาลทุกวัน ตั้งแต่ 2565-2566 ทิ้งหมดเลย มันเหนื่อยมันโหย จากเมื่อก่อนไปถึงกองถ่าย 6 โมงเช้า เดี๋ยวนี้ 9 โมงกว่า คือคิดเองว่าเดี๋ยวก็คงทำได้แหละ ก็เลยเดี๋ยวค่อยกลับมาลดใหม่ แต่พอผ่านไปก็กลับมายากนะ”
“ปีนี้ก็คิดอยู่ว่าจะกลับมาอัพเกรดตัวเองใหม่ แค่คิด 1.คือจะไม่กินน้ำอัดลม 2.พยายามจะกลับไปกินข้าวต้มทุกวัน 3.จะพยายามไม่ดื่มแชมเปญ ไวน์ก็จะไม่ดื่ม”
แล้วจะลดหวานได้เหรอ เพราะจะกลับไปทำน้ำแข็งไส “ไอซ์มอนสเตอร์” (Ice Monster) อีก?
หนุ่ม – “ก็จะไม่กินเอง (หัวเราะ) ซึ่งตอนนี้โลเกชั่นมีแล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ กับทุกๆ ห้าง หลังมีการพูดออกไป เขาก็ติดต่อมาเองเลย ผมมั่นใจเลยว่าไอซ์มอนสเตอร์สามารถทำการตลาดได้ดีกว่ายุคก่อน ก็เชื่อว่าน่าจะเปิดประมาณกลางปีได้ ซึ่งขั้นตอนตอนนี้ขาดแค่คนที่ทำไซรัป เพราะไซรัปเป็นสูตรพิเศษของเราเอง และจะไม่ขายแฟรนไชส์ แต่จะขายระบบพาร์ตเนอร์ ซึ่งต้องเป็นคนที่ไว้ใจจริงๆ ที่ผ่านมาระบบแฟรนไชส์ควบคุมไม่ได้ มันเละเทะมาก”
หลายๆ คนสงสัยว่าต้องดูแลตัวเองยังไง ถึงยังหล่อเป๊ะ?
หนุ่ม – “ก็แค่ไลโอ (LYO) โฮน (HONE) (ยิ้ม) ไม่หรอก ผมแค่เป็นคนโชคดี เคยอ้วนมาก 90 กว่ากิโล แล้วกรดไหลย้อน ก็ลดลงมา 70 กว่า แต่ตอนนี้กลับมา 80 กว่าแล้ว แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่าคนที่ดูแล ตัวเองจะส่งผลถึงหน้าตาอ่อนเยาว์ครับ”
จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล/อนงค์ จันทร