‘น้ำตาล’โหมบทดราม่า ดิ่งหนัก-หาตัวละครไม่เจอ
ถึงกับออกปากว่าละคร “มือปราบมหาอุตม์” ทางช่อง 3 เป็นผลงานแสดงที่หนักหน่วง สำหรับนางเอกสาว ‘น้ำตาล’ พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ ที่ทำเธอดาวน์ไปช่วงหนึ่ง ด้วยผลพวงจากละครก่อนหน้ารวมถึงละครเรื่องนี้ที่ถ่ายพร้อมกัน ทำให้ถึงขั้นกลัวซีนดราม่าเพราะหาตัวละครไม่เจอ จนกลายเป็นโรคแพนิก
บทในละคร “มือปราบมหาอุตม์” เรียกว่าหนักเลย?
น้ำตาล – “หนักค่ะ เรื่องนี้ในอดีตเราชื่อ กำไล พอมีเหตุการณ์ต้องพลัดพรากจากเพื่อนรัก คือ ตาล พี่เกรท (วรินทร) เต้ย (พงศกร) เราเป็นเพื่อนสนิทกัน และเราถูกเลี้ยงมาด้วยโจร แต่พี่เกรทคนเดียวที่ถูกเลี้ยงด้วยตำรวจ เราเองไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน เพราะเรามีปมที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับ มันเลยเหมือนเก็บทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง รอวันระเบิด รอวันแก้แค้น ดังนั้นเวลาสุขก็เหมือนสุขไม่สุด คอมเมดี้เราก็ได้แค่ยิ้มๆ แต่พอมีพระเอกเข้ามาเราถึงได้รู้ว่าโลกนี้มันมีสีอื่นนอกจากสีเทาสีดำ”
สิ่งที่ยากที่สุดคืออะไร?
น้ำตาล – “ตอนถ่ายละครเรื่องนี้ หนูถ่ายละครดราม่าด้วยอีก 2 เรื่อง ปีที่แล้วเป็นปีที่ค่อนข้างดิ่ง เพราะ 7 วันน้ำตาลไม่เคยพักชีวิตไปเป็นน้ำตาลเลย มันเลยหนัก ชีวิตไม่ได้รีแล็กซ์ พอมีเวลาว่างก็ต้องทำการบ้านสำหรับละคร 3 เรื่อง”
“อย่าง ‘มือปราบมหาอุตม์’ บทรันทดมาก ‘รักได้หรือ YOUNG?’ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สามีทิ้ง โดนนอกใจ ส่วน ‘พรหมลิขิต’ ก็พลิกร้ายเรื่องแรก ทำให้เป็นปีที่ค่อนข้างหนัก แล้วเป็นคนที่อยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เลยกดดันตัวเองสูง อยู่ดีๆ ก็แบล๊งก์ กลายเป็นคนกลัวซีนดราม่า ไม่มั่นใจถึงขนาดหาตัวละครไม่เจอ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาตลอด 10 ปีที่เล่นละคร ที่เคยมั่นใจในเรื่องดราม่ามากๆ อยู่ดีๆ ดาวน์มาก ต้องไปพบคุณหมอ เพราะหลับไม่ได้ คิดตลอดว่าเล่นไม่ได้แน่ๆ กลัวมากๆ แต่ไม่ได้เป็นซึมเศร้า เป็นโรคเหมือนแพนิกไปเอง สุดท้ายก็ผ่านมาได้ค่ะ”
คนชมว่าพอมาเล่นร้ายก็เล่นดีมาก?
น้ำตาล – “ขอบคุณมากค่ะ โชคดีมากที่คนรอบตัวดีหมดเลย อย่างเรื่องนี้ เข้าฉากกับพี่เฟรช (อริศรา) ยิ่งง่าย ช่วยเหลือเรา ทั้งเต้ย ทั้งพี่เกรท ทุกคนให้เวลากับตาลมากๆ อย่าง พรหมลิขิต ก็มีพี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า) ที่รักเราเหมือนลูก เขาบอกไม่เคยเจอใครที่แค่มองตากันแล้วร้องไห้ได้ ดังนั้นก็ให้น้ำตาลมั่นใจ เราก็เลยได้ยาดี ยาใจจากทุกที่ ค่อยๆ เรียกความมั่นใจกลับมาได้”
ต่อไปก็อาจจะได้แค่ดราม่าปีละเรื่อง?
น้ำตาล – “ใช่ แล้วก็คอมเมดี้ไป ทุกวันนี้ยังอิจฉาพี่ไผ่ (พาทิศ) ที่เขามีความชอบ มีวิธีรีแล็กซ์ ชอบปลา ชอบต้นไม้ เข้าป่า เขาค่อนข้างผ่านชีวิตมาแล้วเลยรู้ว่าควรรับละครประมาณไหน แต่เราเองทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าชอบอะไร แต่ช่วงนี้หนูทำจิวเวลรี่ พอได้ร้อยสร้อยร้อยลูกปัดร้อยหินขายมีความสุข แล้วก็ได้เงินด้วย (ยิ้ม)”
อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องหาเงินไปเที่ยวด้วย?
น้ำตาล – “ใช่ ทุกวันนี้ตาลกับพี่ไผ่เราจะมีบัญชีไว้สำหรับเก็บไว้ไปเที่ยว ใครอยากโอนมากน้อยแค่ไหนก็ได้ เราไปเที่ยวไม่ใช่จะใช้เงินเขาคนเดียว เราจะมีบัญชีนึงไว้แชร์กัน แล้วมาแพลนกันว่าปีนี้ปีหน้าจะไปเที่ยวไหน หนูรู้สึกว่าการไปเที่ยวมันคือความสุข เหมือนเราทำงานหนัก เราอยากให้รางวัลชีวิต แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่จำเป็นที่พี่จะต้องจ่ายให้เราทุกทริป”
บัญชีชีวิตคู่มีหรือยัง?
น้ำตาล – “มีบ้างค่ะ ที่เป็นเงินเก็บที่ตกลงว่าจะไม่เอาออกมาใช้ ส่วนเรื่องแต่งงาน คือความรักของเราค่อนข้างแน่นอนและมั่นคง เพราะ 11 ปีแล้ว รู้อยู่แล้วว่าดีสุดเขาคืออะไร โกรธสุดเขาคืออะไร เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยทิ้งเรา เขาเป็นพี่ที่น่าเคารพน่านับถือมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวางแผนชีวิต และเรื่องเวลาโกรธหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาจะมีกฎ คือห้ามปิดมือถือ ห้ามโกรธข้ามวัน และห้ามหนีไปไหน มีอะไรต้องเคลียร์กันให้เร็วที่สุด เพราะรู้สึกว่าถ้าเรารักกัน เราจะปล่อยให้อีกคนรู้สึกแย่ไปทำไมทั้งวัน”
“และเรามีเขาเป็นรุ่นพี่ เป็นไอดอลเราในทุกๆ สเต็ปชีวิต พี่ไผ่เป็นคนคิดบวกมากๆ อยู่กับเขาแล้วเราได้พลังบวกได้พลังชีวิต ดังนั้นการแต่งงานถ้าไม่มีโควิดมันอาจจะเร็วกว่านี้ก็ได้”
อนงค์ จันทร
