ทำเอาผู้จัดผู้กำกับฯ ชื่อดัง “ถา สถาพร นาควิไลโรจน์” สะเทือนใจไม่น้อย หลังได้ยินเรื่องราวจากคนใกล้ตัวในฐานะหัวอกผู้จัดด้วยกัน ที่เคยเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกันเมื่อหลายปีก่อน ถูกสถานีโทรทัศน์ช่องใหญ่เทงาน ทั้งที่ผ่านการอนุมัติเตรียมงานกันมาเป็นปีแล้วก็ตาม มิหนำซ้ำยังเล่าต่ออีกว่า ถูกโมเดลลิ่งโก่งค่าตัวนักแสดงสูง

ผู้จัดฯ ถา สถาพร

โดยวันนี้ (12มี.ค.67) ผู้จัดผู้กำกับฯ ถา สถาพร ที่มาบวงสรวงละคร “ทายาทไหทองคำ” ณ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 อาร์เอส ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังโพสต์ถึงเรื่องราวดังกล่าวระบุว่า “ได้ยินแล้วโคตรสะเทือนใจ ช่องใหญ่คืนงานหลายผู้จัด หลังอนุมัติ-เตรียมงานกันเป็นปี แล้วแบบนี้จะไปต่อกันยังไง?”

รวมทั้งยังชี้แจงถึงเรื่องที่ตนถูกโมเดลลิ่งโก่งค่าตัวนักแสดง “ทุกวันนี้ละครเปิดน้อยลง นักแสดงก็งานน้อยลงตาม แต่โมยังมาโก่งค่าตัวX2”

“คือเราได้รับการสื่อสารจากน้องที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ บังเอิญเป็นคนใกล้ตัว ซึ่งในอดีตเมื่อ 4-5 ปีก่อน เราเองก็เจอสภาวะใกล้เคียงกันแบบนี้ ในข้อความนั้นไม่ได้หมายถึงตัวผม มันคือสิ่งที่เราได้ยิน แล้วเราเองก็อยู่ในสถานะผู้จัดเหมือนกับน้อง เหมือนกับเพื่อนที่ได้รับผลตรงนี้ มันก็เลยอิมแพ็กไง”

ผู้จัดฯ ถา สถาพร

“เราเคยเจอแบบนี้เมื่อหลายปีก่อนเหมือนกัน มันรู้สึกสะเทือนใจ มันคือคำถามย้อนกลับมาว่า มันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงเหรอ จริงๆ แล้วมันคือการตั้งคำถามกับตัวเรามากกว่า ในยุคสมัยนี้ งานหายาก มันเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบตั้งแต่ผู้จัด นักแสดง ทีมงาน ทุกอย่างมันลงมาเป็นโดมิโน่หมดเลย

ทุกคนมีการแข่งขันแก่งแย่งในการเสนองาน มันต้องใช้ความคิดมันสมองเยอะ การที่ได้งานมาสักงานหนึ่งมา ทำให้ชีวิตคนทำงานแฮปปี้ มีความหมาย มีคุณค่า คนที่มาทำงานด้วยเขาก็มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว มันคือการคาดหวังที่จะดำเนินชีวิตต่อไป”

“มาวันหนึ่งที่มันได้รับการอนุมัติไปแล้ว ได้ดำเนินการในหลายขั้นตอนไปแล้ว ถามว่าผลกระทบที่ได้รับมันเสียหายแค่ไหน มันก็เยอะนะ ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นจะดำเนินการอะไรไปบ้าง ยังไม่นับเรื่องของการเสียโอกาส ถ้าลงรายละเอียดมันเยอะมาก อย่างที่บอกข้อความนั้น มันไม่ได้หมายถึงผมเลย และมันมีคำว่าผู้จัดหลายคน มันไม่มีตรงนั้นเลยที่ชี้ว่าเป็นผม ก็งงว่าทำไมคนตีความหมายว่าเป็นผม แล้วยังตีความว่าเป็นช่อง 8 และไทยพีบีเอสด้วย คนตีความได้ไงในเมื่อช่อง 8 เราก็ทำงานอยู่ แต่เราก็ไม่รู้ว่าสายตาของคนนอกก็อาจจะมองแบบนั้น”

ผู้จัดฯ ถา สถาพร

“ก็มีคนมาถามทั้งหน้าไมค์ หลังไมค์ แต่เลือกที่จะไม่ค่อยพูดอะไรดีกว่า อย่างที่บอกสิ่งเหล่านี้เราเคยประสบพบเจอแบบนี้มาแล้ว ทำให้เรารู้สึกกับมันเยอะ บังเอิญเป็นคนใกล้ตัวด้วยสิ่งที่เราได้ยินมา น้องเขาคงเครียด รู้ว่าเขาทำงานทุ่มเท และรู้ว่าในขณะนี้ละครลดกำลังการผลิตลง การอนุมัติยากขึ้น ในส่วนตัวผมและหลายคนพยายามทำความเข้าใจ

ด้วยวุฒิภาวะและอายุขนาดนี้ เรามองสองมุม ในเชิงธุรกิจของการทำงานของช่องต่างๆ การทำธุรกิจมันต้องมีผลประกอบการในเชิงบวก ทีนี้พอมันไม่บวกแล้วจะไปต่อยังไง นี่คือการทำธุรกิจ มันก็อาจต้องคิดในทางใหม่ เขาอาจจะมีแผนบางอย่างรองรับ ซึ่งอันนี้เราไม่รู้ เรารู้แค่นี้ เราก็ระบายความรู้สึกของเรามาแค่นี้ ถ้าเราเป็นเขา เราก็คงทำแบบนี้ แต่ในมุมกลับ มุมผู้จัดเขาก็ทุ่มเทคาดหวัง พอไม่ได้งาน เสนอไปแล้วแต่ทุกอย่างมันพังทลายหมด”

ในฐานะคนทำงาน ผู้จัด ท้อมั้ย มาเจอแบบนี้?ท้อมั้ยเหรอ มันอาจจะมีได้ แต่มันต้องลุกขึ้นให้เร็ว ถ้าเราย่ำอยู่กับที่ไม่ยอมลุกสักที โอกาสจะเดินต่อมันก็โดนคนอื่นแซงหน้าไปนะ เพราะโอกาสพื้นที่ตรงนี้มันยิ่งน้อยลงทุกที ยิ่งเราช้าเท่าไหร่ คนอื่นเขาก็พร้อมที่จะแซงไป ก็ให้กำลังใจกัน พยายามลุกขึ้น เราก็ยังบอกว่าถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย เดี๋ยวเราจะซัพพอร์ตกันในฐานะหัวอกผู้จัดด้วยกัน มันทำให้เรารู้สึกเยอะ”

อีกโพสต์ที่บอกว่า ถูกโมเดลลิ่งโก่งค่าตัวนักแสดงอีก? “อันนี้เรื่องตัวเอง คือมีละครเรื่องหนึ่ง ช่องไทยพีบีเอส เมื่อ 4 ปีก่อน มีน้องคนหนึ่งเขามาออดิชั่น เราเองเป็นเพื่อนกับคุณแม่เขาในเฟซบุ๊กอยู่แล้ว ในการมาออดิชั่น น้องมากับโมเดลลิ่ง เราก็ให้เกียรติ เราไม่ข้ามหน้าข้ามตา เพราะว่าเราไม่อยากโดนเม้าธ์ทีหลัง ก็ว่ากันไปตรงๆ ตามกติกามารยาท พอน้องผ่านกระบวนการอนุมัติแคสติ้งของเราแล้วส่งสถานี ปรากฏว่าพอไปเช็คแล้ว โมเดลลิ่งบอกตัวเลขขนาดนี้ว่า น้องเล่นเมื่อ 3 ปีก่อนน้องเล่นราคานี้ เรตนี้ พอมาเรื่องนี้ผ่านมา 4 ปีแล้วขอบวกไปอีก”

ผู้จัดฯ ถา สถาพร

ผมก็ ห๊ะ เดี๋ยวนะ ด้วยโปรไฟล์ที่ไม่ได้เป็นนักแสดงมีละครมาช่ำชอง มีเป็น 10 เรื่อง ถ้าชั่วโมงบินขนาดนั้น เราจะเชื่อว่าตัวเลขกับผลงานมันบาลานซ์กัน เราก็ไม่เชื่อ วันดีคืนดีอยากจะรู้ความจริง เราก็โทรหาพี่ผู้กำกับฯ คนนั้น ตกลงที่เรื่องที่ทำเมื่อ 4 ปีก่อน น้องคนนี้เล่นพี่ให้เท่าไหร่ พี่ให้แค่นี้ นั่นไง เราก็ตบเข่าฉาด นั่นไง มันไม่ต่างกันหรอก ถ้าเป็นผมก็ให้ประมาณนี้ บวกลบไม่ต่างกัน

แต่นี่เขามาเรียกขนาดนี้ มันเกือบอีกเท่าตัวไง ก็เลยกลายเป็นที่มาว่า ตอนนี้พวกเราก็ลำบากนะ งบประมาณต่างๆ ด้วยอะไรก็แล้วแต่มันก็ถูกบีบทุกช่อง เราก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่ว่าทุกคนต้องรู้ว่าสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ ช่วยกันให้มันไปกันได้ เราก็ไม่โอเค ก็แจ้งสถานีไปแล้วว่าขอเปลี่ยนตัว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน