ตู่ ปิยวดี รับช่อง 3 มีคืนคิวผู้จัด เหตุต้องคัดสรรละครให้ถูกใจคนดูมากที่สุด เชื่อทุกคนเข้าใจเหตุผล แต่อาจมีน้อยใจเป็นเรื่องปกติ พร้อมเผยแผนการตลาดในปีนี้

เข้ามารับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารของช่อง 3 ได้ระยะหนึ่ง ล่าสุด ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บมจ. บีอีซี เวิลด์ ได้ให้สัมภาษณ์ ที่ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ ถึงเรื่องการทำงานในตอนนี้

รับหน้าที่บริหารส่วนไหนบ้างในช่อง 3? “มาดูส่วนของการขายโฆษณา ดูการตลาด และดูบีอีซีสตูดิโอ สำหรับการตลาดตอนนี้มันเป็นงานคิดมากกว่าความถี่สำคัญ แต่เรื่องไอเดียที่ต้องคิดเยอะมาก เพราะว่าเราจะบอกตรงๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ มันต้องหาประเด็นที่ลิงก์ไปที่เรื่องได้ บางทีเราต้องบอกนักแสดงว่าเราขอเอาเรื่องนี้มาใช้ได้มั้ย”

ความถี่ของการยิงโปรโมตจะเห็นชัดมาก? “ในออนไลน์ใช่ค่ะ ในทีวีมันถูกจำกัดแล้ว แต่ในออนไลน์เราจะลงเท่าไหร่ก็ได้ ดังนั้นเรื่องความขยัน และครีเอตด้วย”

นักแสดงก็ช่วยโปรโมตละครในช่องทางของตัวเอง อันนี้มีผลไหม? “มีผลอยู่แล้ว อย่างที่บอกคนจะมาดูละครอันดับแรกเขาดูว่าใครเล่น น่าดูมั้ย หลังจากนั้นเขาก็มาดูเรื่องว่ามันเป็นอย่างที่เขาชอบหรือเปล่า การที่นักแสดงช่วยโปรโมตละครมีส่วนสำคัญเรื่องคนดูเยอะมาก”

จุดแข็งของช่อง 3 ในการสู้คืออะไร? “จุดแข็งของเราก็คือนักแสดง เวลาให้บอกชื่อนักแสดงของช่อง 3 ว่ามีใครบ้าง ทุกคนจะพูดได้เป็นวันก็ไม่จบ เรามีนักแสดงที่เป็นภาพของช่อง 3 ชัดเจนมาก นั่นคือจุดแข็งของเรา ในขณะเดียวกันเรื่องมันก็เป็นจุดที่สำคัญอีกจุดเหมือนกัน”








Advertisement

เลือกเรื่องที่จะยกขึ้นมาทำหรือออกมาฉายยากไหม? “ด้วยธรรมชาติของผู้จัดช่อง 3 เราค่อนข้างคิดเยอะ รวมถึงคนดูของเราก็ค่อนข้างคิดเยอะ ของเราอะไรนิดหนึ่งก็จะมีดราม่า เหมือนเขาเสพละครเรามา ด้วยคำว่าคุณภาพ เราเองยังคิดเลยว่าถ้าเกิดไปออนในแพลตฟอร์มอื่นมันจะโดนแบบนี้มั้ยนะ เดี๋ยวนี้คนดูละครเขาจะสนุกกับการที่เขาได้จับผิดละคร ยิ่งถ้าเกิดเป็นพีเรียดมันมีอะไรหลุดมาหรือเปล่า ใครจับได้นั่นคือชนะ”

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าช่องใหญ่คืนคิวผู้จัด? “มันน่าจะเป็นเรื่องของการที่เราพิถีพิถันในการเลือกละครมากขึ้น ละครเราถ่ายทำวันนี้แต่อาจจะออนในปีหรือสองปีข้างหน้า ดังนั้นเราก็คาดหวังว่าละครเราอีกหนึ่งปีหรือสองปีข้างหน้ามันยังได้อยู่ เดี๋ยวนี้คนดูเขาไม่ใช่ว่าเราทำอะไรเขาก็ดูแล้ว คนดูเลือกมากขึ้น สถานีเองก็ต้องมีหน้าที่เลือกมากขึ้น”

คืนเยอะไหม? “อันนี้ตู่ไม่แน่ใจเพราะเป็นส่วนของฝ่ายผลิต แต่มันก็ต้องมีบ้าง ด้วยความที่เราต้องคัดสรรเรื่อง ละครผลิตน้อยลงด้วยและคัดสรรมากขึ้นด้วย”

งบละครของแต่ละเรื่องก็ถูกจำกัดมากขึ้น มีการลดงบลง? “งบประมาณเราจัดตามความเหมาะสมของเรื่อง ถ้าเกิดเป็นละครบู๊ ละครที่ไปต่างประเทศ พีเรียดก็ต้องเป็นงบหนึ่ง ผีก็ต้องเป็นอีกงบหนึ่ง เรื่องนี้อาจจะมีเอฟเฟ็กต์ซีจีเยอะหรือเปล่า เรื่องนี้เป็นแฟนตาซี มันก็เป็นตามละคร”

พอการผลิตละครน้อยลง การแบ่งปันงานให้ผู้จัดแต่ละเรื่องยากขึ้นไหม? “มันยากอยู่แล้วแหละ ทางกรรมการละครเขาก็ต้องหนักใจแหละ เพราะเราก็อยากให้ทุกคนได้เกิดงานเนอะ ผู้จัดแต่ละคนก็มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน เพียงแค่ว่าเราก็ต้องบอกว่าคนดูคาดหวังกับเรามากขึ้น เราต้องยิ่งคัดสรรมากขึ้น”

มีน้อยใจกันบ้างไหม? “จริงๆ มันเป็นคนละส่วนกับที่ตู่ดูเนอะ เพราะตู่ไม่ได้ดูส่วนผลิต ตู่ดูการตลาด แต่ก็อาจจะมีน้อยใจบ้างแหละ ทุกคนก็อยากจะทำงานให้กับช่อง ผู้จัดของเราก็อยู่ด้วยกันมายาวนาน แต่ในขณะเดียวกันตู่เชื่อว่าเราทำงานใกล้ชิดกับผู้จัดเหมือนกัน อย่างที่เห็นว่าเราไม่ได้แค่ทำงาน เราไปทำบุญ กินข้าวกันด้วยเนอะ เราอยู่กับเป็นครอบครัว”

“ทุกคนเข้าใจเหตุผลของช่อง แต่อาจจะมีว่าเรื่องนี้ทำไมไม่ได้ทำ แต่มุมมองของช่องก็อาจจะมีกฎเกณฑ์ อย่างที่บอกเรามีกรรมการละคร เราไม่ได้คิดเองคนเดียว เรามีคณะกรรมการในการตัดสินละครเรื่องนึง แต่ถามถึงกระบวนการตู่อาจจะไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในขบวนการนั้น”

ละครแนวไหนตอนนี้ชิงการตลาดได้มากที่สุด? “โห…บอกยากเลย คือบางคนบอกว่าเรตติ้งเรื่องนี้ดีเพราะคอมเมดี้มา แต่มันก็ไม่ใช่คอมเมดี้ทุกเรื่องที่จะดัง มันต้องคอมเมดี้ที่จังหวะมันถูกต้อง มันขึ้นอยู่กับว่าคู่แข่งช่วงนั้นคือใคร สถานการณ์บ้านเมืองเป็นยังไง บางทีเราอาจจะต้องแข่งกับข่าวด้วยซ้ำถ้าข่าวช่วงนั้นแรงๆ ที่คนกำลังติดตามให้ความสนใจ”

“ตอนนี้บอกไม่ได้เลยว่าละครอันไหนมันจะประสบความสำเร็จ จริงๆ อย่างมาตาลดาก็ไม่ได้คาดหวังนะ เรตติ้งมาวันแรกคือแผ่ว แต่พอดูๆ ไปถึงได้ ถึงบอกว่าเดี๋ยวนี้มันต้องทำงานทุกวันอ่ะ รายวัน ออนไปแล้ววันนี้เป็นยังไง เมื่อคืนเป็นยังไง มีประเด็นอะไรที่เราเล่นได้วันนี้หรือเปล่า”

“ถ้าเราเล่นได้ต้องเล่นวันนี้ อันไหนบอกได้บอกไม่ได้ บางทีผู้จัดอันนี้ต้องเก็บเป็นความลับๆ ก็บอกว่า บอกไปเถอะค่ะ เรามีความลับหลายอย่าง บอกไปสักอย่างหนึ่งจาก 10 อย่าง เพราะบางทีเขาก็อยากจะเก็บให้คนมาดู แต่คนไม่ได้มารอดูละครขนาดนั้นแล้ว เราก็ต้องสื่อสารกับผู้จัดว่าอันนี้เราจะปล่อยก่อน ปล่อยแค่นี้ ไม่ได้ปล่อยทั้งหมด แล้วหลังจากนี้จะปล่อยอะไรต่อ เราต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้จัดมากขึ้น”

ปีนี้คาดหวังเรื่องกำไรกับละครมากขึ้น? “เราคาดหวังทุกปีนะคะ ไม่ใช่แค่ปีนี้ (หัวเราะ) แต่ปีนี้แนวโน้มค่อนข้างดี ตอนนี้เราขาย OTT แล้วก็ปิดดีลได้ค่อนข้างเยอะ อย่างที่บอกผังละครปีนี้คือสวยงาม ได้เห็นนักแสดงที่ทุกคนอยากจะได้ดู”

เห็นว่าถ้าจะขายไปทางจีนเราต้องคุยกับเขาก่อน? “ใช่ บางเรื่องๆ เพราะจีนข้อจำกัดเขาจะค่อนข้างเยอะ ไม่ชอบอะไรบ้าง แล้วจีนเดี๋ยวนี้เขาจะมาในรูปแบบโคโปรดักชั่น คือเขามีเรื่องอยู่แล้วอยากจะให้เราทำเรื่องนี้ แต่ทำในเซ้นส์ในบริบทวัฒนธรรมของคนไทย ว่าคนไทยจะเล่าเรื่องนี้ยังไง แต่โครงเรื่องมาจากเขา มันก็ต้องสื่อสารกัน”

มีไหมที่แบบเขาอยากได้เรื่องนี้ของเรา แต่อาจจะมีฉากที่ไม่ผ่าน เราต้องตัดต่อหรือทำให้เขาใหม่? “มี หลายเรื่องเหมือนกันที่เราต้องออนแอร์พร้อมกัน แต่ว่าเซ็นเซอร์ที่โน่นเขาค่อนข้างแข็งแกร่งมาก เราต้องส่งล่วงหน้าอย่างน้อย 45 วันให้เขาตรวจ คือบางทีเขาก็อยากจะออนวันเดียวกัน แต่บางทีถ้าไม่ทันจริงๆ ก็อาจจะต้องออนทีหลัง เท่าไหร่ก็อยู่ในเงื่อนไขที่คุย แต่ตอนนี้เราก็พยายามเขาบอกว่าถ้าออนวันเดียวกันมันก็อิมแพคที่สุด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน