อมรา อัศวนนท์ เมินคนแซะแรง เอาเงินไปทำบุญดีกว่าทำศัลยกรรม หลังขึ้นเขียงดึงหน้าในวัย 87 ปี ลั่นไม่กลัวตาย แต่กลัวไม่สวย
นักแสดงอาวุโส อมรา อัศวนนท์ เจ้าของฉายา อลิซาเบธ เมืองไทย ที่วันนี้ขอกลับมาทวงบัลลังก์ความสวยในวัย 87 ปี หลังตัดสินใจขึ้นเขียงศัลยกรรมดึงหน้าย้อนวัย พร้อมเผยว่าถ้าจะตายก็ขอให้สวยไว้ก่อน เคลียร์ประเด็นเลือกรับงานจนไร้งานในวงการบันเทิงมานานหลายปี ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และชมพู่ ธัณย์สิตา เป็นพิธีกร
มาเปิดหน้าครั้งแรกกับการทำสวยครั้งล่าสุดในวัย 87 ? อมรา : “ทำมาได้ 3 เดือนแล้วนะ”
ถ้าเรา 60 จะอยากทำหน้ามั้ยนะ ? อมรา : “ทำมาแล้วเมื่อประมาณ 60 อย่างที่เธอคิดน่ะถูกต้อง หลังจาก 60 มาถึง 87 มันก็หลาย 10 ปีนะ มันก็มีหย่อนยานไปตามวัยเวลา”
แล้วคุณแม่ตัดสินใจยังไง ? อมรา : “ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วมันก็เริ่มใช้ครีมตบซ้ายตบขวาทำให้คอลลาเจนขึ้น บางทีก็ยืดฟันล่างบ้างก็ทำออกซ้ายออกขวา มันก็ดีขึ้น แต่มันสู้แรงโน้มถ่วงของโลกไม่ได้มันก็ค่อยลง แต่มันก็ดี จาก 60 ตอนนั้นทำได้มา 20 ปี ตอนนี้มันห้อยตรงนี้ห้อย คอก็ห้อย ใส่สร้อยก็ไม่ได้ ความห้อยมันทับสร้อย เรายังอยากสวย”
แสดงว่าคุณแม่ดูแลตัวเองตั้งแต่ยังสาวๆ เพราะเราดูภาพย้อนไปตั้งแต่สมัยเล่นละครเล่นหนัง สวยมาก เอลิซาเบธเมืองไทยจริงๆ ? อมรา : “เมื่อก่อนก็ดันๆ เข้าไปหน่อย บางทีออกงานสมัยที่ยังไม่ได้ทำ เอาพลาสเตอร์คาด เราเอาครีมลงมันก็ขึ้นไปหน่อย”
คุณแม่เคยบอกว่าสมัยก่อนติดผ้าพันคอมาก ต้องพันคอตลอดเวลา ? อมรา : “ไปไหนไม่ได้ใส่สร้อยหรอก เพราะถ้าใส่สร้อยความย่นก็จะทับสร้อย ตอนนี้ได้มีโอกาสใส่สร้อยก่อนตายสักนิดนึง”
การตัดสินใจทำศัลยกรรมไม่ใช่เราคนเดียว ต้องถามลูกๆ ด้วย ? อมรา : “ไม่ใช่เราคนเดียว อายุเยอะแล้วไม่ใช่ไม่มีโรคนะ มีโรคคนแก่ เบาหวาน ชอบกินไอศกรีม ความดัน ภูมิแพ้ กระดูกพรุน มันมีทุกโรคที่คนแก่มี แล้วมีหูอื้อ เหมือนมีเสียงจั๊กจั่นในหู เคยไปหาหมอ หมอบอกว่าให้ลืมไปเลยมันทำอะไรไม่ได้ เส้นประสาทหลังสมองมันเสื่อม ผ่าไม่ได้เดี๋ยวเป็นอัลไซเมอร์”
วัย 87 แล้วมีโรคเยอะด้วย ลูกๆ เป็นห่วงแน่เขาเอ่ยปากไม่อยากให้คุณแม่ทำ ? อมรา : “แน่นอน พอพูดเขาก็บอกว่าแม่จะบ้าเหรอ แค่นี้ก็ดีแล้วใครเขาจะไปดูแม่ ฉันต้องการดูตัวของฉันเอง ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครดู ฉันเป็นทุกข์นะ ทุกวันนี้ฉันดู นี่ก็ห้อย ตรงนี้ก็ห้อย ใต้ตาก็เป็นติ่ง นี่ยังศัลยกรรมไม่จบนะ ต้องทำอีกเซ็ตนะ อีกเซ็ตนึงจะดึงหนังตาที่ตกจะกรีดตรงใต้คิ้วแล้วก็ดึงหนังตาทีนี้ตาจะปิ๊งๆๆ เลย”
ถามย้อนไปความรู้สึกลูกก่อน ถ้าหนูเป็นลูกหนูเป็นห่วงนะแม่ เพราะการมีโรคการวางยาการผ่าตัดมีสิทธิ์ที่จะเสี่ยง ? อมรา : “ข้อสำคัญที่สุดก็คือการวางยา ถ้าวางยาแล้วนานเกินไปหรือว่าโรคภูมิแพ้มันขึ้นมาก็จะทำให้บ๊ายบายไปเลย”
แล้วพูดยังไง ลูกถึงบอก อยากทำก็ทำ ? อมรา : “อ๋อ ตื๊อทุกวัน รู้จักการตื๊อไหม เนี่ยแม่ทุกข์ไม่มีความสุขเลย ดูซิหน้าก็ย่นทำยังไงก็ไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ บางทีก็เล่นละครไม่อยากกินข้าวทำซึมเศร้าไปหน่อย(หัวเราะ)”
ก็คนเคยสวย ? อมรา : “ก็ถูกอยู่แต่คือหน้ามันก็โครงหน้าเราแต่หนังมันไม่อยู่กับเราแล้วตามวัย”
คุณแม่อยากทำก็เลยไปง้อลูก แล้วสุดท้ายลูกก็ยอม ? อมรา : “ยอมสิ ไม่ยอมได้ไง ก็ไปเช็กคลินิก หลายคลินิก ไม่มีใครกล้าเลย ก็ 87 อ่ะ ไม่ได้คลินิกก็เข้าโรงพยาบาลมันชัวร์กว่า”
เขาเช็กอะไรบ้าง ? อมรา : “เช็กเลือด หัวใจ หัวใจสำคัญที่สุด ถ้าหยุดเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้น ความที่เราอยากให้มันได้ทำ ใจมันก็เต้นไม่ปกติ ด้วยความที่เรากังวล มันทำให้หัวใจเต้นไม่ปกติ ทำยังไงได้ล่ะ ก็ต้องหยุดเพราะหมอบอกว่าผมทำไม่ได้ หมอเขาเลยบอกว่าคุณต้องไปหาวิธีขยายปอดก็มีการบ้านเยอะแยะ ต้องวิ่งต้องเดินสูดหายใจเข้า สูดหายใจออก ทำวันละ 50-60 หน บริหารปอด แล้วก็ซื้อเครื่องเหมือนจักรยาน ลงทุนไปหลายหมื่นนะ”
ยอมปูพื้นฐานตัวเองให้แข็งแรงออกกำลังกายเพื่ออยากจะผ่าตัดครั้งนี้จริงๆ ? อมรา : “น้ำตาลก็ต้องลดด้วย อาหารก็อดๆ อยากๆ ถ้าหมอเช็กอีกทีแล้วเลือดยังร้อยกว่าๆ ไม่มีทางเลย”
คุณแม่งดน้ำตาลยังไง ? อมรา : “ทรมานนะ แต่เอาจริงๆ ข้าวไม่กินเลย กินผักกับปลาบ้างไก่ต้มบ้าง แล้วก็เอาน้ำสลัดที่รสจัดๆ เผ็ดๆ ใส่เข้าไป แล้วก็กลืน แล้วก็นึกถึงหน้าจะสวย หน้าจะสวย (หัวเราะ)”
ความสวยทำให้เราตั้งใจทำได้ทุกอย่าง ? อมรา : “ออกกำลังกายด้วย ตอนแรกๆ ก็กลัว ต้องรักษาหลายหมอ หมอกระดูกบอกว่าตอนเช้าทานข้าวเสร็จแล้วให้เอาหลังตากแดด ที่บ้านมีเฉลียงอยู่หน้าบ้าน กินข้าวไปก็หันหลังตากแดดไปด้วย จนข้างหลังดำข้างหน้าขาว(หัวเราะ)”
ทำอยู่นานไหมถึงจะกลับไปหาโรงพยาบาล ? อมรา : “เดือนหนึ่งเต็มๆ เพราะว่าน้ำตาลมันไม่ได้ลดทันที เรารู้ว่าต้องใช้เวลามันหลอกไม่ได้ เรามีน้ำตาลสะสม พอจะไปหาหมอ เราก็ไม่กินของหวานอะไรหลายๆ อย่าง แต่ยังสะสมอยู่ ก่อนผ่าต้องลดน้ำตาลให้เหลือไม่เกินร้อย ตอนที่จะผ่าตัด หมอเห็นเราตั้งใจและอดทนทุกอย่างหมอก็สงสาร”
หมอเคยบอกไหมว่าวัยแบบแม่ไม่มีใครเขามาปรึกษาแล้ว นี่คือเคสอายุสูงสุดเลยมั้ย ? อมรา : “คิดว่าของประเทศไทยนะ หมอเขาบอกว่า ผมไม่ทำให้เหมือนหุ่นยนต์นะ เพราะเดี๋ยวหัวเราะไม่ได้”
คุณแม่ทำไมยอมเสี่ยงตายเพื่อแลกกับความสวยขนาดนี้ ? อมรา : “ก็เป็นคนโรคจิต ก็ไม่รู้เหมือนกันมันอยาก เหมือนเราอยากกินข้าวเหนียว เขาบอกว่ากินแล้วจะตายก็จะกิน เป็นคนดื้อ”
คุณแม่บอกว่าการทำศัลยกรรมครั้งนี้ไม่กลัวตาย กลัวตายน้อยกว่ากลัวไม่สวย ? อมรา : “ใช่ ถ้าตายก็ตายแบบมีความสุข เพราะเวลาคุณหมอเข้าห้องผ่าตัด เราก็คิดว่าตื่นมาเราก็จะสวยเลย เวลาไปนั่งคอยที่โรงพยาบาลเร่งหมอด้วยซ้ำไป เมื่อไหร่เขาจะมารับสักที อยากเข้าไปบนเตียงเร็วๆ คุณหมอก็ถามว่าพร้อมหรือยัง เขาก็ให้น้ำเกลือ ก็ตอบว่าพร้อมค่ะ หมอบอกว่าอย่าฝืนนะ เพราะพี่อัมเป็นคนชอบฝืน คือเราอยากจะรู้ว่าเราจะหลับหรือไม่หลับ ครั้งนี้ปล่อย 3 นาทีหลับสนิท ตื่นมา 4 ชั่วโมงเขาปลุก ปลุกก็ลุกขึ้น เสร็จแล้วเหรอนี่กี่โมง นี่ 4 ทุ่ม”
ในวัย 87 อาการหลังจากฟื้นจากการผ่าตัด คนวัยรุ่นอย่างเรายังมีมึนเลยนะ ตอนผ่าคลอดยังมึน แม่เป็นอย่างไรบ้าง ? อมรา : “ไม่เป็น ใจฉันสวยแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่รู้ ยังพันเป็นมัมมี่อยู่ แต่ใจฉันว่าฉันต้องสวยแน่”
แล้วคุณแม่เจ็บไหม ? อมรา : “มันก็เจ็บนะ แต่รู้สึกว่าจะเจ็บแค่ 24 ชั่วโมง จะเจ็บมากตอนหลังจากผ่าตัดเสร็จประมาณตี 2 ตี 3 เพราะมันตัดทุกแห่งตั้งแต่นี่ลงไปนี่ (ชี้จากหัวไปกราม) หลังคอดึงแล้วก็เลาะ มันเป็นเหมือนหนังไก่ไงตรงนี้ที่มันห้อย เอาออกมา 12 ชิ้น แม่ทำตรงแก้มแล้วก็ตรงคอ เขาก็ต้องเลาะหนัง เอาหนังดึงแล้วก็ไปพันที่หู ตรงแก้มดึงขึ้นไปเก็บข้างหูแล้วเก็บถึงนี่เลย (ชี้ที่ไปหัว) ช่วงสองที่ต้องทำคือทำทีเดียวไม่ได้ เดี๋ยวมันนานเกินไป ช่วงสองที่ต้องทำก็คือเก็บตา หนังตาตามวัยมันตก แล้วก็กรีดใต้คิ้ว ดึงขึ้นไปเลย มันเหมือนเอ๊าะๆ เลย คิววันที่ 15 เดือนนี้ ไม่ต้องวางยา ฉีดยาชา”
การทำแบบไม่ฉีดยาชาแสดงว่าแม่ต้องรู้ทุกอย่างว่าหมอกำลังทำอะไรอยู่ แม่ไม่กลัวหรอ ? อมรา : “ไม่กลัว เจ็บก็เจ็บ แต่ผลจากเจ็บคืออะไร ผลจากเจ็บคือความภูมิใจ ความสวย ความสบายใจ ความสุข”
ก่อนที่จะถึงวันที่ 15 นี้ ทำรอบแรกพอมองกระจกแล้วแม่พอใจขนาดไหน ? อมรา : “พอใจ แต่บางทีก็มันควรจะดีกว่านี้นะ แต่ก็โอเคแล้วนะ เพราะว่าเราอายุขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าพอทำตึงปุ๊บมันเหมือนหุ่นยนต์ มันต้องดูธรรมชาติด้วย แต่ก็พอใจมากแล้ว”
กระแสคนรอบข้างว่าอย่างไรบ้าง ? อมรา : “เขาก็ไม่ว่าอะไรนะ เขาก็ไม่บ่น เขาถามว่าเจ็บไหม เราก็บอกว่าไม่เจ็บ”
แต่ก็สวยจริงๆ ? อมรา : “ก็ดีขึ้นแหละ ไม่ได้สวยมากหรอก เราพอใจกับสิ่งที่เรามี ไอ้สิ่งที่มันหย่อนยาน ไม่ได้ต้องการให้เหมือนกับเด็กๆ ตามวัยเราเข้าใจ แต่ความสุขก็พอใจเท่านั้นเอง”
มีกระแสคนแซวคนแซะเราบ้างไหมหลังจากทำ ? อมรา : “ก็บอกว่าใจกล้า เพราะว่ามันเสี่ยง 50/50 ถ้าเราไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน หมอบอกว่าถ้ามันดึงมากกว่านี้มันจะทำให้ผิวที่จะประสานกับที่เย็บมันจะเน่า ถ้าดึงตึงไปการทำงานของระบบสายเลือดมันก็จะเน่า เลยบอกหมอว่าเอาสวยไม่เอาเน่า”
หลายคนมาแซะคุณแม่ ถ้าไม่ทำศัลยกรรมเปลี่ยนไปทำบุญดีไหม ? อมรา : “ใช่ ก็มีคนบอก อันนี้จ่ายเองนะ ไม่มีสปอนเซอร์ ใช่ก็จริงอยู่บุญก็บุญ แต่ว่าเป็นคนใจร้อน พี่อยากเห็นบุญวันนี้เลย ตอนนี้เลย ทำบุญให้กับตัวเองไปก่อน ชาติหน้าค่อยว่ากัน อีกสัก 2-3 ปีค่อยว่ากัน บางทีเพื่อนก็แซวว่าแก่จนป่านนี้แล้วจะทำไปหาเทวดาอะไร ทำให้ตัวเอง ตลอดชีวิตที่ทำงานให้รางวัลกับตัวเอง”
สวยขนาดนี้กลับมารับงานละครบ้างไหม ? อมรา : “ไม่รู้สิ เพราะเราห่างจากวงการบันเทิงมา 27 ปีแล้ว เพราะสามีเป็นมะเร็งก็เลยคิดว่า ตอนนั้นคุณก็ยังให้เล่นหนังอะไรเยอะอยู่ แต่เราก็รู้ว่าคนที่เป็นมะเร็งก็อยู่กันอีกไม่นาน ก็เลยคิดว่าช่วงระยะเวลาที่เจ็บเราก็อยู่ดูแลเขาจนช่วงนาทีสุดท้าย 3 ปีกว่าแล้วเขาก็จากไป จากนั้นก็ต้องทำใจพักนึง แล้วพี่อัมก็ไม่มีผู้จัดการ คนก็คิดว่าพี่อัมไม่แสดงแล้วมั้ง เขาก็เลยไม่กล้าเข้ามาถาม แล้วก็ไม่กล้าไปขอเขาเล่นหนัง”
แล้วจริงไหมที่เขาบอกว่าคุณแม่เป็นคนเลือกงานถึงขั้นขนาดไม่มีผู้จัดกล้าจะจ้างเล่น ? อมรา : “ไม่จริง บางคนเล่นไม่ได้ตังค์ก็มีเยอะแยะเลยโกงกันไง เล่นเรื่องนี้เสร็จเดี๋ยวเล่นเรื่องหน้าจะจ่ายเรื่องนี้ สมัยก่อนไม่มีผู้จัดการ ไม่มีสัญญา เป็นสัญญาคำพูด หมดไปหลายล้าน”
เห็นว่ามีบางบทจ้างแม่มา แม่ตกปากรับคำเล่นแล้ว แต่พอรู้ว่าต้องรับบทชักดิ้นชักงอ แม่ไม่เอาเลย ? อมรา : “เมื่อเร็วๆ นี้เลย ประมาณปีกว่าหรือสองปี พี่ก็อายุเยอะแล้วเนอะ เขาก็โทรมาคุณอมราเล่นไหม เราก็ดีใจได้เข้าจอ แล้วบทยังไงบทสวยไหมคะ เล่นเป็นยาย เราก็ได้ๆ เพราะอายุได้ เล่นเป็นย่าพญานาค แล้วต้องแต่งตัวเป็นพญานาคหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ต้องหรอกค่ะ นอนอยู่บนเตียง ชักดิ้น ชักงอ น้ำลายไหล เลยบอกเขาว่าขอบคุณมากนะคะ ขอเอาไว้ก่อนนะคะ โอกาสหน้าค่อยมาชวนใหม่”
คุณแม่ได้บริจาคร่างกายไปแล้ว ? อมรา : “ยัง จะบริจาค เดือนนี้รู้สึกประมาณวันที่ยี่สิบกว่าๆ จะไปรพ. จุฬา จะเอาบัตรประชาชนแลกกับบัตรบริจาคมา”
แสดงว่าความคิดของคุณแม่ก็เตรียมพร้อมแล้ว ? อมรา : “เตรียมพร้อม เมื่อไหร่ก็ไปได้เลย ทุกอย่างทำเรียบร้อย แล้วตอนก่อนที่จะผ่าตัดก็ทำไว้เลยให้ลูกคนนั้นให้ลูกคนนี้ กะว่าไม่ฟื้น”
คนอื่นจะมองว่าเป็นการสั่งเสีย ? อมรา : “นี่ไงสั่งเสีย ถึงได้ฟื้นขึ้นมา ไม่พูดก็อาจจะไม่มานะ”
ความสวยย่อมมีความลับ ไปเติมสเต็มเซลล์ แม่เล่าให้ฟังหน่อย ? อมรา : “อันนี้ไปทำนานแล้ว ทำตั้งแต่ตอนอายุ 75 แล้วก็ 77 เว้น 2 ปี แล้วก็มา 79 เว้น 2 ปี ทำแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตอนที่ทำเพื่อนกันเขาทำดีจังเลย สมัยก่อนต้องทำที่เยอรมันแพงมาก เป็นล้านเลย คุณหมอที่รู้จักเขาให้ลองทำ เดี๋ยวนี้คนเขาทำกันเยอะ แต่ก็ไม่เห็นว่าเราจะสวยขึ้น เขาก็หลอกเราว่าทำไปสิเดี๋ยวจะฉีดที่หน้าให้ เอาเลย แต่มันเจ็บเพราะมันฉีดที่หน้า เขาฉีดเข้าเส้นเลือดเราเอาสเต็มเซลล์ใส่เอาอาหาร สเต็มเซลล์ใส่ พอหลังจากฉีดก็ต้องเลี้ยงสเต็มเซลล์ด้วยนะ มันอวดดีมันไม่ยอมกินเลือดเรา มันต้องมียาของเขาด้วยเลี้ยงเขาไปประมาณอาทิตย์กว่า แล้วหมอเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะทำกรณีพิเศษให้เขาจะฉีดที่หน้า เจ็บมากเลย มันไม่ได้สวยทันทีนะ มันบวม แล้วหน้าก็ร้อนวูบๆ น่าจะประมาณอาทิตย์หนึ่งถึงจะเห็นหน้าสีชมพูได้ นั่นมันตั้งแต่อายุ 74 มันหลายปีมาแล้ว”