วันที่ 29 มี.ค. ที่ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ ลาซาล จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรายการใหม่ “THE NEXT BOY/GIRL BAND” โดยมี “เจ-เจตริน วรรธนะสิน” นักร้องรุ่นใหญ่ มาร่วมงานพร้อมเปิดใจหลังภรรยา “ปิ่น-เก็จมณี” ให้สัมภาษณ์ว่าตนเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

โดยเจเผยว่า “โรคซึมเศร้าคือมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น มันเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่ลูกๆ จะไปเรียนต่อต่างประเทศครั้งแรก ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว แต่เป็นโรคร่าเริงผิดปกติ(หัวเราะ)”

“คือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนลูกจะไปเรียนต่อใหม่ๆ คือเราอยู่กับลูก เล่นกับลูกทุกวัน อยู่ดีๆ วันหนึ่งลูกไป มันเลยเหงาๆ ผมว่ามันเกิดจากความกังวลมากกว่าว่าลูกขึ้นเครื่องบิน จะลงหรือยัง ปลอดภัยไหม แล้วเขาต้องนั่งรถต่อไปที่โรงเรียนอีก 3 ชั่วโมง ตอนนั้นมันเลยเซงๆ ทำอะไรก็ไม่สนุก ซ้อมเจ็ตสกีก็ไม่สนุก ไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนก็ไม่สนุก ไปปาร์ตี้ไปทำอะไรก็ไม่สนุกเลย เป็นอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ แล้วเราก็ไปหาหมอว่าเราเป็นอะไร”

“การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าไปหาหมอโรคจิต อย่าไปพูดแบบนั้นนะ จิตแพทย์คือคนที่เราไปนั่งคุยด้วยว่าเราเป็นอะไร แล้วเขาจะค่อยๆ เรียงลำดับให้เราว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยได้ความคิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเดียว พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วลูกมาเรียนกรุงเทพฯ หรืออยู่กรุงเทพฯ แล้วลูกไปเรียนต่างจังหวัด คนที่ต้องพรากกัน หรือไปเป็นทหาร เขาจะคิดถึงกันแบบนี้ เราก็โอเคเราไม่ได้เป็นคนแปลก โลกไม่ได้จะระเบิด หรือโลกแตก มันคือความกังวลเท่านั้นเอง แต่ไม่ต้องกินยา ตอนนี้ดื่มแบรนด์อย่างเดียว(หัวเราะ)”ดึงตัวเองให้กลับมาเป็นปกติยากไหม
“ตอนแรกกลัวเหมือนกันนะ จำได้ว่าเป็นอยู่ประมาณ 22 วัน มันจำได้เลย เป็นช่วงต้นเดือนกันยายนของเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พอจะหายอยู่ๆ มันก็หายเลย ทำให้เข้าใจเลยว่าที่เป็นโรคนี้ บางทีมันเหงา มันเศร้า มันโดดเดี่ยว เหมือนที่เห็นในข่าวนักร้องต่างประเทศปลิดชีพตัวเอง มันมีจริงๆ คือมันเป็นเรื่องของความป่วย ความกดดัน ที่ผมหายเพราะว่าเราไปหาคุณหมอ ซึ่งเขาอาจจะให้ยาประเภทคลายเครียด หรือให้นอนหลับสบายบ้าง แต่สุดท้ายมันคือการไปนั่งคุย แล้วสุดท้ายคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เช่น ครอบครัว พี่น้อง เพื่อนๆ หรือคนทำงานรอบข้าง เราอย่าไปเก็บไว้คนเดียว เราต้องแชร์และแบ่งปัน แล้วก็ค่อยๆ เรียงเรื่องราวที่เรามีอยู่ ค่อยๆ ขจัดความกังวลนั้นไป อย่าไปรวมมันไว้แล้วหาทางออกไม่ได้”

“อันนี้ผมคิดว่าผมแก้ไขมันได้ด้วยการปรับด้วยตัวเอง และหลายคนที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือชอบคิดมากกังวล ตอนนั้นผมก็ไปคุยมาหมด ไปหาข้อมูลนึกว่าตัวเองเป็นคนเดียว สรุปทุกคนเป็น แล้วสุดท้ายทุกคนจะพูดคำเดียวกันว่า แก้ด้วยตัวเอง เวลาเราทำงาน เราไม่รู้ตัวว่าเราเครียด มันจะสะสมจนมันเยอะไป เราก็ต้องผ่อนคลาย ไปเที่ยวบ้าง ไปดูคอนเสิร์ตบ้าง หรือไปออกกำลังกาย”

เป็นเพราะตอนนี้ลูกโตขึ้นแล้วด้วย เราเลยลดความกังวลลง
“ใช่ครับ พอลูกโตขึ้น เขาเอาอยู่แล้ว ตัดสินใจเองได้ มาสนามบินเองได้ เรียกรถตู้มารับที่โรงเรียนเองได้ เขาทำได้หมด บริหารเรื่องของตัวเองได้หมดเราก็สบายใจ”

ตอนที่เราเป็นโรคซึมเศร้า ลูกๆ ทราบไหม
“ทราบๆ ทุกคนก็จะพยายามส่งมาบอกตลอด ก่อนนอน ตอนตื่น ว่าพ่อโอเคไหม เจ้านายจะเยอะหน่อย เพราะเขาโตสุด แต่เจ้าขุนตอนเด็กๆ เขาจะไม่ค่อยตอบข้อความ แต่ตอนนี้โอเคแล้วคุยเก่ง คือทุกคนในบ้านรู้ครับ จะเป็นเรื่องดราม่าขำขันในบ้าน ว่าอย่าพ่อซึมเศร้า เราก็ไม่เคยคิดนะ เราแข่งเจ็ตสกีมา แข่งรถเจอแต่อะไรโหดๆ เล่นคอนเสิร์ตทุกคืน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมามีความรู้สึกเป็นซึมเศร้าหรือกังวลได้ขนาดนี้ ก็ต้องลองมีลูกกันดู(หัวเราะ)”ตอนนี้ยังต้องกินยาอยู่ไหม
“มันเป็นยาเบาๆ แบบที่คุณหมอให้มา เป็นยาคลายเครียด ถามว่าจะกลับมาเป็นอีกไหม ผมว่าคงไม่เป็น แต่เวลาแบบอีก 2 วันลูกกลับไปเรียนแล้ว มันจะรู้สึกแบบเซ็งๆ แต่คงเหมือนเป็นการเซ็งๆ ธรรมดา เพราะความรู้มันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว แค่แบบทำอะไรก็ไม่มันเลย”

แล้วที่บอกว่าตอนนี้เป็นโรคร่าเริงผิดปกติคืออะไร
“เราเป็นนักร้องที่อายุเลข 4 แล้ว แต่ยังมีคอนเสิร์ตทุกคืน มันต้องกระปรี้กระเปร่า แต่มันก็เหนื่อยนะ เราต้องปรับระดับอารมณ์ตัวเอง ไปถึงบนเวทีต้องสนุกเลย พีคเลย แต่ลงเวทีมาอารมณ์ก็ต้องลง มันจะขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้นเลยต้องเป็นโรคกระปรี้กระเปร่าแล้ว แล้วก็ต้องพยายามดูแลตัวเอง ต้องนอนอย่างน้อย 6-7 ชม. แล้วก็ทานอาหารดีๆ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน