คิมเบอร์ลี่ รับเครียด หลังตรวจพบเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ้งใจ พี่หมาก-เพื่อนๆ อยู่เคียงข้าง เผยต้องขยับแพลนมีน้อง

วันที่ 5 มี.ค.2568 ที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน นางเอกสาวชื่อดัง คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส มาร่วมเป็นแขกคนสำคัญในงาน “Siam Paragon World Fashion Trend Spring/Summer 2025” ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ DIOR

โดยก่อนเริ่มงาน คิมเบอร์ลี่ ได้เผยเหตุผลที่ช่วงนี้หันมาออกกำลังกายและใส่ใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น หลังตรวจพบว่าตนเองป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการรักษา เจ้าตัวยอมรับเครียดหนัก เนื่องจากในช่วงแรกคุณหมอแทบจะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ก่อนตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจแล้วพบว่าไม่ใช่

ช่วงนี้ดูออกกำลังกายเยอะ ตื่นเช้ามาก็ติดเทนนิสเลย?
“ช่วงนี้เน้นสุขภาพเป็นหลักเลย จริงๆ เทนนิสนี่ไม่ได้ตีทุกวันนะคะ สลับกันไป ฟิตเนสบ้าง แล้วก็มีไปออกกำลังกายกับเพื่อนๆ บ้าง สาเหตุที่ทำให้มาโฟกัสเรื่องการดูแลสุขภาพเป็นหลัก เนื่องจากว่าเมื่อเดือนที่แล้วคิมไปตรวจมาแล้วบังเอิญเจอโรคอะไรบางอย่างที่มันยากมาก ต้องใช้เวลาในการรักษา เดือนที่แล้วเข้าออกโรงพยาบาลทั้งเดือนเลย ช่วงนั้นก็ค่อนข้างที่จะเครียดแต่ว่าตอนนี้ก็ผ่านมันมาแล้ว

ตอนนี้ยังรักษาอยู่ รักษามาได้ประมาณเดือนนึงแล้ว เลยหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นกินอาหารที่ทำให้ร่างกายไม่อักเสบ เลยจะทำอาหารกินเองเป็นส่วนใหญ่ และออกกำลังกาย จริงๆ เราเป็นคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองเยอะมากๆ แล้ว แต่พอมาเจอเรื่องนี้เลยทำให้เราแบบเฮ้ย! ทั้งๆ เราดูแลตัวเองดีมากแล้วยังเป็นเลย ทำให้ยิ่งใส่ใจและให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพเป็นหลัก”

ตรวจเจออะไรที่ทำให้ตัวเองกังวลหนักขนาดนี้?
“คือมันเกี่ยวกับภูมิต้านทานค่ะ คิมเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว และเป็นภูมิแพ้ที่ค่อนข้างหนักค่ะ ตรวจไปตรวจมาเจอว่าภูมิคุ้มกันของเราบกพร่อง แล้วไปทำให้อีกหลายๆ จุดมีการอักเสบขึ้นมา แต่ไม่ใช่โรคแพ้ภูมิตัวเอง(SLE)นะคะ แนวทางการรักษาก็คือต้องไปฉีดยาทุกอาทิตย์ คุณหมอบอกว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคนี้ก็คือเกิดจากการเป็นภูมิแพ้ แล้วก็มาเป็น Long Covid แต่คิมเป็นโควิดครั้งเดียวเองนะคะก็เลยไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น เอาจริงๆ ตอนนี้คิมก็ยังไม่เข้าใจ 100% แต่ว่าวิธีการรักษามันก็มี ซึ่งก็ต้องดูว่ามันจะได้ผลไหม”

โรคที่เป็นอยู่ทางการแพทย์ถือว่าร้ายแรงไหม?
“มันก็ร้ายแรง เพราะว่าตอนนั้นที่คุณหมอเขาวินิจฉัยเขาแทบจะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเลยด้วยซ้ำ แล้วเราก็เครียดมาก แต่พอตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจแล้วก็ไม่ใช่”

พอรู้ว่ามีแนวทางการรักษาได้ทำให้เราสบายใจขึ้นไหม?
“สบายใจขึ้นค่ะ แล้วก็ต้องควบคู่กับการดูแลตัวเองด้วย อย่างเรื่องอาหารการกิน ปกติคิมติดของหวานมาก ตอนนี้ก็กินได้อยู่แต่ว่าไม่ได้เยอะเท่ากับเมื่อก่อน แล้วก็พยายามศึกษาอะไรที่มันทำให้ภูมิต้านทานตัวเองแข็งแรง ทำอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบก็จะมีเรื่องของสมุนไพรเข้ามาช่วย”

จุดไหนที่ทำให้ตอนนั้นเราต้องไปตรวจร่างกายแล้วถึงรู้ว่าเป็นโรคนี้?
“ความที่คิมคิดว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้มาตลอด จมูกตัน ตาบวม พอไปตรวจก็เลยทำเอ็มอาร์ไอ ปรากฏว่าเจอต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ถึงได้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นภูมิแพ้อย่างเดียวแล้ว แต่มันคือร่างกายอักเสบ”

โรคที่เป็นอยู่มีผลในเรื่องของการมีน้องด้วยไหม?
“มีค่ะ คิมก็ต้องขยับแพลนการมีน้องออกไป คือต้องดูแลตัวเองก่อน ส่วนพี่หมากเขาก็อยู่ข้างเราตลอด จริงๆ ตอนที่ไปฟังผลที่โรงพยาบาล ญาญ่า พี่แบร์ เพื่อนๆ และพี่สุผู้จัดการ มากันหมดเลย จนคุณหมอตกใจอ่ะค่ะ ทุกคนน่ารักมากเลย รู้สึกอิ่มใจมากที่มีเพื่อนดีๆ”

อย่างนี้ต้องเบรกงานให้น้อยลงด้วยไหม?
“ไม่นะคะ คุณหมอไม่ได้ห้ามอะไรเลย บอกว่าให้ใช้ชีวิตปกติได้ แต่ว่าก็ต้องมาฉีดยาทุกอาทิตย์ ส่วนว่าทำไมดูสดใสทั้งที่มีเรื่องให้เครียด คิมไม่ค่อยเครียดนานค่ะ เวลาเครียดก็เครียดที่บ้าน แล้วก็ลืมแล้ว อีกวันตื่นมาก็ปกติค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน