จากกรณีฆ่าหั่นศพ ซึ่ง พ.ต.ท.พิทักษ์ วาปีทะ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง อ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุฆ่าหั่นศพ ที่กระท่อมเฝ้าไร่อ้อย ท้ายหมู่บ้านโนนสวรรค์ ถนนโนนสวรรค์-โคกสะอาด ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตร รอง ผกก.สส.ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้า สภ.ห้วยหลวง เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์นิติเวช และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน

201609161236327-20041019160606

ที่เกิดเหตุพบเป็นกระท่อมทำด้วยไม้ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างจากหมู่บ้านราว 1 ก.ม. มีชาวบ้านประมาณ 100 คน มุงดูอยู่ ในครัวพบชิ้นส่วนศพนายปัญญา ทองศรี อายุ 50 ปี อยู่หมู่ 4 บ้านหนองฮาง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกหั่นแยกเป็น 6 ชิ้น โดยท่อนแขนถูกตัดจากหัวไหล่ ส่วนท่อนขาถูกตัดตั้งแต่หัวเข่า ก่อนนำไปใส่ไว้ในถังน้ำสีน้ำเงินวางอยู่ใต้ถุนกระท่อม ขณะที่ส่วนศีรษะและลำตัวอยู่ในถุงปุ๋ยข้างๆ กัน

201609161236326-20041019160606

ในที่เกิดเหตุ ยังพบถุงพลาสติกสีดำวางอยู่ข้างท่อนไม้ในครัว ภายในมีน้ำและเลือดอยู่ ส่วนมีดพร้าเปื้อนเลือดวางอยู่ข้างถุงปุ๋ย กับมีดทำครัวยาว 20 ซ.ม.วางอยู่บนแคร่ ห่างไปเล็กน้อย ขณะที่บนกระท่อมที่นอนมุ้งยังกางอยู่ หวดนึ่งข้าวเหนียวยังตั้งอุ่นอยู่บนเตาไฟ นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยี่ห้อแอลเอ สีแดง ที่คาดว่าเป็นของคนร้ายจอดอยู่หน้ากระท่อม ส่วนรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีแดง-ขาว ทะเบียน 1กข 7659 อุดรธานี ของผู้ตายหายไป

201609161236325-20041019160606

สอบสวน นายธีระยุทธ พรมขาว อายุ 40 ปี เพื่อนผู้ตาย และเป็นคนพบศพคนแรก ให้การว่า ช่วงเช้าตนมาเรียกหาผู้ตายตามปกติ แต่ไม่มีเสียงตอบ พอเดินตามหาเข้าไปในครัว ก็พบชิ้นส่วนแขนขาวางอยู่ในถังพลาสติก ก็ถึงกับช็อกจึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจ

ขณะที่นายทองปาน ทองศรี อายุ 45 ปี น้องชายผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายมีครอบครัวแล้ว แต่ภรรยาไปทำงานที่เกาหลี ส่วนลูกชาย 2 คน ก็ไปทำงานอยู่ที่ไต้หวัน เพื่อหาเงินส่งให้ใช้หนี้ ธ.ก.ส. จำนวน 6 แสนบาท ส่วนผู้ตายมานอนเฝ้าไร่อ้อย ที่พ่อตาแบ่งที่ดินให้กับภรรยาซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กจำนวน 50 ไร่ เพราะภรรยาและลูกผู้ตายส่งเงินเลี้ยงดูพ่อตามาตลอด จึงได้รับมรดกมากกว่าลูกคนอื่น แต่ช่วงหลังผู้ตายทะเลาะกับพ่อตา เพราะไม่พอใจที่ผู้ตายชอบพาเพื่อนมานั่งดื่มเหล้าที่บ้าน และไม่ทำงานจริงจัง ผู้ตายจึงแยกตัวออกมาอยู่ที่กระท่อมที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังนำเงินที่ภรรยาฝากมา ไปให้พ่อตาเป็นประจำ ก่อนหน้านี้เคยบ่นให้ฟังเรื่องญาติภรรยา ไม่พอใจที่ได้มรดกเยอะกว่าคนอื่นๆ

ด้านนายสุวัฒน์ เหล่าเจริญ ผญบ.โนนสวรรค์ ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี ให้การว่า ผู้ตายนิสัยดี ไม่ทำตัวเป็นนักเลง เมื่อเดือนมิถุนายน พบผู้ตายนอนซมอยู่บนกระท่อม คนเดียว สอบถามเล่าให้ฟังว่าถูกญาติภรรยาทำร้าย แต่ไม่ยอมบอกว่าใครทำร้าย และไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีด้วย

201609161236321-20041019160606

ขณะที่ พ.ต.อ.ชวิศ กล่าวว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือญาติ โดยเข้ามาฆ่าผู้ตายในเวลาเช้ามืด ขณะที่ผู้ตายตื่นขึ้นมาหุงหาอาหาร จากนั้นจึงลงมือหั่นศพเพื่อหวังจะนำไปทิ้งอำพราง แต่คาดว่าจะมีชาวบ้านผ่านไปทำไร่ทำนา ทำให้คนร้ายทิ้งศพแล้วขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นการสังหารไว้ที่ปมขัดแย้งเรื่องมรดกของภรรยา เพราะภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ได้รับมรดกเป็นที่ดินมากกว่าพี่สาวอีก 3 คน แต่ยังไม่ตัดเรื่องทะเลาะวิวาท หรือธุรกิจมืด ชั้นนี้มุ่งไปที่ปมมรดกมากกว่า จากนี้ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอจากศพ และกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

201609161236323-20041019160606

ความคืบหน้า วันที่ 16 ก.ย. ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนหารือเร่งสืบสวนจับกุมคนร้ายคดีฆ่าหั่นศพสะเทือนขวัญเมืองอุดรฯ โดยมีผู้ร่วมนำหลักฐานมาสรุปร่วม ประกอบด้วย พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี , พ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตร รอง ผกก.หน.สภ.ห้วยหลวง , พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.ฯ , พ.ต.ท.อาทิตย์ จันทา สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.บรรจง พาโคตร , ร.ต.อ.วิเชียร คล้อยดี และชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง โดยทีมสืบสวนระบุว่าได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่คาดว่าเป็นฆาตกรมือฆ่าหั่นศพ เนื่องจากเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย และรถจักรยานปั่นสองล้อ ที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งน่าจะเป็นนายอนุรักษ์ อายุ 33 ปี อยู่ ม.1 ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จวงอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือญาติ โดยเข้ามาฆ่าผู้ตายในช่วงเวลาเช้ามืด ขณะที่ผู้ตายตื่นขึ้นมาหุงหาอาหาร จากนั้นจึงลงมือหั่นศพเพื่อหวังจะนำไปทิ้งอำพราง แต่คาดว่าจะมีชาวบ้านผ่านไปทำไร่ทำนา ทำให้คนร้ายทิ้งศพแล้วขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นการสังหารไว้ที่ปมขัดแย้งเรื่องมรดกของภรรยา เพราะภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ได้รับมรดกเป็นที่ดินมากกว่าพี่สาวอีก 3 คน แต่ยังไม่ตัดเรื่องทะเลาะวิวาท หรือธุรกิจมืด นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานปั่นสองล้อที่พบจอดทิ้งไว้ข้างกระท่อมนาที่เกิดเหตุ

ต่อมาตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานปั่นสองล้อที่แจ้งหายเอาไว้ที่หมู่บ้านคุณธรรมธานี ชุมชนหนองสำโรง ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ เกือบ 10 กิโลเมตร คาดว่าคนร้ายปั่นจักรยานไปหาผู้ตายที่บ้านเพื่อขอยืมเงิน หรือตกลงอะไรบางอย่างแล้วไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ จึงลงมือฆ่าขณะผู้ตายเผลอ และยังไม่ทิ้งประเด็นคนใกล้ตัวบงการฆ่าปมแย่งมรดก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ด้านชุดสืบสวนภาค 4 นำโดย พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 ,พ.ต.ท.ณัฐพล มุงคำภา สว.สส. ,พ.ต.ต.สมภพ กองสมบัติ พร้อมด้วยทีมสืบสวนได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่ช่วงถนนทางเข้าจุดที่เกิดเหตุไปตามถนนสายอุดร-กุดจับ ทั้งขาไปและขากลับเข้าตัวเมืองอุดรฯ ก็พบผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปี รูปร่างสูงประมาณ 165 ซม. รูปร่างผอม หน้าตอบผิวดำแดง สวมหมวกแก๊ป และมีเสื้อคลุมเหมือนสูทเก่าๆ ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีแดง-ขาว ทะเบียน 1กข 7659 อุดรธานี ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่หายไปหลังเกิดเหตุ ไปตามถนนสายอุดร-กุดจับ และบางช่วงพบที่ถนนหนองสำโรง

นอกจากนี้ยังพบว่า กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าหมู่บ้านคุณธรรมธานี พบชายต้องสงสัยปั่นจักรยานคันที่พบในที่เกิดเหตุ ไปตามถนนสายหนองสำโรง มุ่งหน้าไปตามถนเลี่ยงเมืองอุดร-หนองบัวลำภู แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสายอุดร-กุดจับ เพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโนนสวรรค์ จุดเกิดเหตุ ทำให้มั่นใจว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายอนุรักษ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องสงสัย เคยไปหาและรู้จักกับผู้ตาย และยังหายตัวไปหลังเกิดเหตุ อยู่ระหว่างการติดตามตัวคาดว่าจะหลบซ่อนตัวที่บ้านญาติหรือบ้านเพื่อนแถวถนนรอบเมืองอุดรธานี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน