จากกรณีฆ่าหั่นศพ ซึ่ง พ.ต.ท.พิทักษ์ วาปีทะ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง อ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุฆ่าหั่นศพ ที่กระท่อมเฝ้าไร่อ้อย ท้ายหมู่บ้านโนนสวรรค์ ถนนโนนสวรรค์-โคกสะอาด ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตร รอง ผกก.สส.ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้า สภ.ห้วยหลวง เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์นิติเวช และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุพบเป็นกระท่อมทำด้วยไม้ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างจากหมู่บ้านราว 1 ก.ม. มีชาวบ้านประมาณ 100 คน มุงดูอยู่ ในครัวพบชิ้นส่วนศพนายปัญญา ทองศรี อายุ 50 ปี อยู่หมู่ 4 บ้านหนองฮาง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกหั่นแยกเป็น 6 ชิ้น โดยท่อนแขนถูกตัดจากหัวไหล่ ส่วนท่อนขาถูกตัดตั้งแต่หัวเข่า ก่อนนำไปใส่ไว้ในถังน้ำสีน้ำเงินวางอยู่ใต้ถุนกระท่อม ขณะที่ส่วนศีรษะและลำตัวอยู่ในถุงปุ๋ยข้างๆ กัน
ในที่เกิดเหตุ ยังพบถุงพลาสติกสีดำวางอยู่ข้างท่อนไม้ในครัว ภายในมีน้ำและเลือดอยู่ ส่วนมีดพร้าเปื้อนเลือดวางอยู่ข้างถุงปุ๋ย กับมีดทำครัวยาว 20 ซ.ม.วางอยู่บนแคร่ ห่างไปเล็กน้อย ขณะที่บนกระท่อมที่นอนมุ้งยังกางอยู่ หวดนึ่งข้าวเหนียวยังตั้งอุ่นอยู่บนเตาไฟ นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยี่ห้อแอลเอ สีแดง ที่คาดว่าเป็นของคนร้ายจอดอยู่หน้ากระท่อม ส่วนรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีแดง-ขาว ทะเบียน 1กข 7659 อุดรธานี ของผู้ตายหายไป
สอบสวน นายธีระยุทธ พรมขาว อายุ 40 ปี เพื่อนผู้ตาย และเป็นคนพบศพคนแรก ให้การว่า ช่วงเช้าตนมาเรียกหาผู้ตายตามปกติ แต่ไม่มีเสียงตอบ พอเดินตามหาเข้าไปในครัว ก็พบชิ้นส่วนแขนขาวางอยู่ในถังพลาสติก ก็ถึงกับช็อกจึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจ
ขณะที่นายทองปาน ทองศรี อายุ 45 ปี น้องชายผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายมีครอบครัวแล้ว แต่ภรรยาไปทำงานที่เกาหลี ส่วนลูกชาย 2 คน ก็ไปทำงานอยู่ที่ไต้หวัน เพื่อหาเงินส่งให้ใช้หนี้ ธ.ก.ส. จำนวน 6 แสนบาท ส่วนผู้ตายมานอนเฝ้าไร่อ้อย ที่พ่อตาแบ่งที่ดินให้กับภรรยาซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กจำนวน 50 ไร่ เพราะภรรยาและลูกผู้ตายส่งเงินเลี้ยงดูพ่อตามาตลอด จึงได้รับมรดกมากกว่าลูกคนอื่น แต่ช่วงหลังผู้ตายทะเลาะกับพ่อตา เพราะไม่พอใจที่ผู้ตายชอบพาเพื่อนมานั่งดื่มเหล้าที่บ้าน และไม่ทำงานจริงจัง ผู้ตายจึงแยกตัวออกมาอยู่ที่กระท่อมที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังนำเงินที่ภรรยาฝากมา ไปให้พ่อตาเป็นประจำ ก่อนหน้านี้เคยบ่นให้ฟังเรื่องญาติภรรยา ไม่พอใจที่ได้มรดกเยอะกว่าคนอื่นๆ
ด้านนายสุวัฒน์ เหล่าเจริญ ผญบ.โนนสวรรค์ ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี ให้การว่า ผู้ตายนิสัยดี ไม่ทำตัวเป็นนักเลง เมื่อเดือนมิถุนายน พบผู้ตายนอนซมอยู่บนกระท่อม คนเดียว สอบถามเล่าให้ฟังว่าถูกญาติภรรยาทำร้าย แต่ไม่ยอมบอกว่าใครทำร้าย และไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ชวิศ กล่าวว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือญาติ โดยเข้ามาฆ่าผู้ตายในเวลาเช้ามืด ขณะที่ผู้ตายตื่นขึ้นมาหุงหาอาหาร จากนั้นจึงลงมือหั่นศพเพื่อหวังจะนำไปทิ้งอำพราง แต่คาดว่าจะมีชาวบ้านผ่านไปทำไร่ทำนา ทำให้คนร้ายทิ้งศพแล้วขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นการสังหารไว้ที่ปมขัดแย้งเรื่องมรดกของภรรยา เพราะภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ได้รับมรดกเป็นที่ดินมากกว่าพี่สาวอีก 3 คน แต่ยังไม่ตัดเรื่องทะเลาะวิวาท หรือธุรกิจมืด ชั้นนี้มุ่งไปที่ปมมรดกมากกว่า จากนี้ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอจากศพ และกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันที่ 16 ก.ย. ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนหารือเร่งสืบสวนจับกุมคนร้ายคดีฆ่าหั่นศพสะเทือนขวัญเมืองอุดรฯ โดยมีผู้ร่วมนำหลักฐานมาสรุปร่วม ประกอบด้วย พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี , พ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตร รอง ผกก.หน.สภ.ห้วยหลวง , พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.ฯ , พ.ต.ท.อาทิตย์ จันทา สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.บรรจง พาโคตร , ร.ต.อ.วิเชียร คล้อยดี และชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง โดยทีมสืบสวนระบุว่าได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่คาดว่าเป็นฆาตกรมือฆ่าหั่นศพ เนื่องจากเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย และรถจักรยานปั่นสองล้อ ที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งน่าจะเป็นนายอนุรักษ์ อายุ 33 ปี อยู่ ม.1 ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จวงอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือญาติ โดยเข้ามาฆ่าผู้ตายในช่วงเวลาเช้ามืด ขณะที่ผู้ตายตื่นขึ้นมาหุงหาอาหาร จากนั้นจึงลงมือหั่นศพเพื่อหวังจะนำไปทิ้งอำพราง แต่คาดว่าจะมีชาวบ้านผ่านไปทำไร่ทำนา ทำให้คนร้ายทิ้งศพแล้วขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นการสังหารไว้ที่ปมขัดแย้งเรื่องมรดกของภรรยา เพราะภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ได้รับมรดกเป็นที่ดินมากกว่าพี่สาวอีก 3 คน แต่ยังไม่ตัดเรื่องทะเลาะวิวาท หรือธุรกิจมืด นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานปั่นสองล้อที่พบจอดทิ้งไว้ข้างกระท่อมนาที่เกิดเหตุ
ต่อมาตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานปั่นสองล้อที่แจ้งหายเอาไว้ที่หมู่บ้านคุณธรรมธานี ชุมชนหนองสำโรง ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ เกือบ 10 กิโลเมตร คาดว่าคนร้ายปั่นจักรยานไปหาผู้ตายที่บ้านเพื่อขอยืมเงิน หรือตกลงอะไรบางอย่างแล้วไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ จึงลงมือฆ่าขณะผู้ตายเผลอ และยังไม่ทิ้งประเด็นคนใกล้ตัวบงการฆ่าปมแย่งมรดก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ด้านชุดสืบสวนภาค 4 นำโดย พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4 ,พ.ต.ท.ณัฐพล มุงคำภา สว.สส. ,พ.ต.ต.สมภพ กองสมบัติ พร้อมด้วยทีมสืบสวนได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่ช่วงถนนทางเข้าจุดที่เกิดเหตุไปตามถนนสายอุดร-กุดจับ ทั้งขาไปและขากลับเข้าตัวเมืองอุดรฯ ก็พบผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปี รูปร่างสูงประมาณ 165 ซม. รูปร่างผอม หน้าตอบผิวดำแดง สวมหมวกแก๊ป และมีเสื้อคลุมเหมือนสูทเก่าๆ ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีแดง-ขาว ทะเบียน 1กข 7659 อุดรธานี ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่หายไปหลังเกิดเหตุ ไปตามถนนสายอุดร-กุดจับ และบางช่วงพบที่ถนนหนองสำโรง
นอกจากนี้ยังพบว่า กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าหมู่บ้านคุณธรรมธานี พบชายต้องสงสัยปั่นจักรยานคันที่พบในที่เกิดเหตุ ไปตามถนนสายหนองสำโรง มุ่งหน้าไปตามถนเลี่ยงเมืองอุดร-หนองบัวลำภู แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสายอุดร-กุดจับ เพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโนนสวรรค์ จุดเกิดเหตุ ทำให้มั่นใจว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายอนุรักษ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องสงสัย เคยไปหาและรู้จักกับผู้ตาย และยังหายตัวไปหลังเกิดเหตุ อยู่ระหว่างการติดตามตัวคาดว่าจะหลบซ่อนตัวที่บ้านญาติหรือบ้านเพื่อนแถวถนนรอบเมืองอุดรธานี