เมื่อวันที่ 18 ก.พ. บริเวณประตู 7 วัดธรรมกาย จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เดินทางมาเพื่อขออนุญาตตำรวจ ซึ่งเฝ้ารักษาการณ์อยู่บริเวณด้านหน้า เพื่อนำพระสงฆ์ 2 รูปและฆราวาสซึ่งโดยสารมาในรถตู้ 3 คันและรถกระบะ 1 คัน ออกไปทำภารกิจด้านนอกวัด ซึ่งตำรวจได้ขอให้ลงจากรถเพื่อถ่ายภาพทำประวัติก่อนอนุญาตให้เดินทางออกไป

พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า บรยากาศเริ่มคลายตัวลงเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เริ่มปรองดองมากขึ้น ซึ่งในวันนี้ก็ได้รับการประสานจากดีเอสไอว่าจะเข้ามาขอตรวจสอบเครื่อง ซึ่งขอชี้แจงว่าเป็นเครื่องเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดเท่านั้น

ส่วนเรื่องอุโมงค์ลับอะไรที่เป็นข่าวขอเรียนว่าเป็นเพียงทางเดินใต้น้ำตก และเป็นจุดที่ตั้งของเครื่องสูบน้ำที่ใช้ภายในเท่านั้น ซึ่งบรรยากาศโดยรวมของการประสานการทำงานระหว่างคณะสงฆ์กับเจ้าหน้าที่ก็ราบรื่นขึ้นตามลำดับ แต่เป็นไปด้วยเข้มงวดในการตรวจตราในทุกตารางนิ้ว ซึ่งวัดก็ให้ความร่วมมือเสมอมา

“อาตมาอยากจะขอเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 44 ซึ่งจะทำให้ประชาชนาชนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบวัดได้ดำเนินชีวิตตามปกติ ส่วนเรื่องของอาหารยอมรับว่าเริ่มไม่สะดวก เนื่องจากมีการตั้งด่านตรวจตราของเจ้าหน้าที่มีความเข้มงวด ทำให้ผู้ที่จะนำอาหารเข้ามาเกิดความไม่สะดวก ซึ่งภายในวัดมีทั้งพระและฆราวาสร่วม 2,000 ชีวิต ที่เข้ามาสวดมนต์ ก็ยอมรับว่าเริ่มขาดๆบ้าง ลำพังพระก็แค่ 2 มื้อ ก็ไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ซึ่งโดยตลอด 2 วันที่ผ่านมาพระและเจ้าหน้าที่ได้ร่วมเดินตรวจกันในทุกจุดทุกพื้นที่ ทุกตึกทุกมุม ซึ่งก็เข้าใจในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ หากเป็นไปได้ก็อยากจะขอให้ยกเลิกมาตรา 44 โดยเร็ว ซึ่งก็ยังดีที่มีคณะกรรมการสิทธิฯ. ได้เข้ามาช่วยดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่อีกชั้น เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายการละเมิดสิทธิมนุยชน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกาย ยังคงมีตำรวจจากบช.ภ.1 ตั้งด่านตรวจอย่างเข้มงวดในทุกเส้นทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน