จากกรณีนางสมควร ธงอาษา อายุ 50 ปี เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ชัยณรงค์ แดงนกขุ้ม สว.( สอบสวน) สน.สายไหม เพื่อให้ช่วยติดตามคดีกรณีนายจิรภาษ ธงอาษา อายุ 18 ปี ลูกชาย ถูกรถยนต์ยี่ห้อเลคซัส สีขาว หมายเลขทะเบียน กฆ 6782 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายชวลิต ศรีมั่นคงธรรม อายุ 41 ปี หรือดีเจ เชาเชา เฉียวชนบริเวณถนนตัดใหม่วัชรพล-สุขาภิบาล5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ เมื่อกลางดึกวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสพักรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.ภูมิพล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากคู่กรณี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่ห้องประชุมศปก.สน.สายไหม พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก.สน.สายไหม พร้อม พ.ต.ท.ธนู สุขเสริม รอง ผกก.(สอบสวน)สน.สายไหม และพ.ต.ต.ชัยณรงค์ แดงนกขุ้ม สว.( สอบสวน) สน.สายไหม ได้เรียกประชุมความคืบหน้าของคดีและมีการเปิดภาพวงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร
พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนกรณีดังกล่าว ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง พบกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุสามารถจับภาพไม่ได้เหตุครั้งนี้ได้ซึ่งในภาพปรากฏเวลาประมาณก่อนเที่ยงคืนพบกลุ่มจยย.รวมตัวกันประมาณ 15 คันขึ้นไปตรงจุดเกิดเหตุ โดยมีการปล่อยเป็นคู่ๆแข่งกัน บางคันวิ่งจากขวามาซ้าย ต่อมาพบรถสีขาววิ่งมาตามเส้นทางก่อนจะชนกับรถจยย.ที่ตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบจุดชนอยู่ในช่องทางเลนกลาง แล้ว รถจยย.กระเด็นไปช่องทางขวาพร้อมคนเจ็บ ซึ่งภาพที่ปรากฏในวงจรปิดชัดเจนว่ามีการชนอย่างแน่นอน แต่ในจะเป็นฝ่ายผิดนั้นยังไม่สามารถระบุได้

 

หลังจากนี้จะประสานให้คู่กรณีที่เป็นรถเก๋งนำรถมาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่ามีร่องรอยการชนตรงไหน และจะทำการสอบถามว่าขณะเกิดเหตุใช้ความเร็วเท่าไหร่เพื่อตรวจหาระยะเบรกว่ามีความสอดคล้องกันอย่างไร ในส่วนที่จยย.ที่มีการเปลี่ยนช่องทางกระทันหันจนถูกรถเฉี่ยวชนก็จะมีความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้วจึงไม่สามารถดำเนินคดีได้ และหากผลการสอบสวนพบว่ารถยนต์เป็นฝ่ายผิดก็จะดำเนินคดีกับคนขับในข้อหาขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ต่อไป
 

“ทั้งนี้ จากการเปิดคลิปข้อเท็จจริงก็ทำให้การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ดีขึ้น ซึ่งก็จะต้องมาพิสูจน์อีกครั้ง ว่า การขับรถของดีเจเชาเชาเกินกว่ากฎหมายด้วยหรือไม่ ส่วนรถจักรยานยนต์ เห็นว่าขับรถผิดช่องทางโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียหาย แต่ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตแล้ว ก็ถือว่าความผิดหมดไป อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป”

 

อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาเน้นย้ำให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย จึงขอให้พยานที่เห็นเหตุการณ์และตัวคู่กรณีเองให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลที่แท้จริงกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อความชัดเจน
มีรายงานข่าวว่านาย จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในเวลา 10.00 น. วันที่ 4 พ.ค. และจะมีการเปิดแถลงข่าวกรณีดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 5 พ.ค. ที่ตึกจีเอ็มเอ็ม ส่วนเวลาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน