แบงก์กรุงศรีมองเงินบาทปีหน้าแข็งค่าต่อ แนะผู้ส่งออกกระจายความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนใช้สกุลเงินท้องถิ่น

กรุงศรีชี้เงินบาทแข็งค่าต่อ – นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยแนวโน้มค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 2564 ประเมินไว้ที่ 29.25-30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐ โดยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดี คนใหม่ ซึ่งจะมีการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจแตกต่างจากนายโดนัล ทรัมป์ ทั้งนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และความพยามจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากเป็นระยะเวลานาน เป็นต้น ซึ่งคำแนะนำสำหรับผู้ส่งออก ให้การกระจายความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศ จึงน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินดอลลาร์ลงได้

ส่วนปัจจัยในประเทศ ให้น้ำหนักไปที่ บัญชีเดินสะพัดของไทยยังคงเกินดุลมากจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ รวมถึงมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อลดความผันผวนของค่าเงินบาท รวมถึงการ Recycle การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ในรูปของการผ่อนคลายกฏเกณฑ์สำหรับการออกไปลงทุนในต่างประเทศ ส่วนประเด็นที่ต้องติดตาม การพัฒนาและกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง สถาณการณ์การแพร่ระบาดของโควิด และบทสรุปของเบล็กซิต ตลอดจนปัจจัยการเมืองในประเทศก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย

“ปัจจัยที่ชี้นำเงินบาทในปีหน้าเราให้น้ำหนักกับปัจจัยภายนอกเป็นหลักประมาณ 70-80% ที่เหลือเป็นปัจจัยในประเทศ รวมถึงปัจจัยอื่นที่ยังต้องติดตาม อาทิ การพัฒนาและกระจายวัคซีน สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก และกรณีบทสรุปของ Brexit เป็นต้น”

นายตรรก กล่าวว่า สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังมีความเปราะบางและมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ประเมินจีดีพีปีนี้ที่ -6.4% และปี 2564 อยู่ที่ 3.3% ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% โดยมีจุดเปราะบางสำคัญอยู่ที่การจ้างงานและหนี้ภาคครัวเรือน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน