แบงก์ชาติตีปี๊บลูกหนี้เริ่มกลับมาชำระตามปกติไม่ขอพักหนี้ต่อ เผยยอดลูกหนี้ธุรกิจ 2% และ รายย่อย 1% ทำตัวล่องหน จับตาสถานการณ์ไม่แน่นอน

แบงก์ชาติมึนลูกหนี้3%ล่องหน – นางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ ประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของ ธปท. ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 จากการให้ความช่วยเหลือเป็นการทั่วไปในวงกว้าง ปรับให้มาเป็นการให้ความช่วยเหลือเชิงรุกและตรงจุดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกหนี้แต่ละรายนั้น

มาตรการได้ผลและมีความคืบหน้าตามเจตนารมณ์ของการปรับนโยบายจากครอบคลุมเป็นเจาะจง เห็นได้จากสถานะและความสามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขของลูกหนี้ในภาพรวมปรับดีขึ้น จึงไม่เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว (cliff effect) หลังมาตรการพักชำระหนี้ที่ทยอยครบกำหนด

ในภาพรวมลูกหนี้ที่ขอรับการช่วยเหลือทยอยลดลงจาก 7.2 ล้านล้านบาท ในเดือนก.ค. 2563 เหลือ 6 ล้านล้านบาท ในเดือนต.ค. 2563 โดยเมื่อครบกำหนดมาตรการการพักชำระหนี้ ลูกหนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ขอรับความช่วยเหลือต่อ และสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ทั้งนี้ การช่วยเหลือที่ผ่านมาเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ประมาณ 55% และของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 45%

สำหรับมูลหนี้ที่ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือแบ่งเป็นลูกหนี้ธุรกิจ 63% และลูกหนี้รายย่อย 37% โดยลูกหนี้ธุรกิจ สิ้นเดือน ต.ค.2563 ที่ประมาณ 2.12 ล้านล้านบาท ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง และจากการประเมินพบว่า 66% ของหนี้ภาคธุรกิจสามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข 32% ต้องปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนที่เหลือ 2% เป็นกลุ่มลูกหนี้เปราะบางที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่สามารถติดต่อได้

ในด้านของลูกหนี้รายย่อยสิ้นเดือนต.ค. 2563 ที่ประมาณ 1.23 ล้านล้านบาท พบว่า 70% สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข 29% ต้องปรับโครงสร้างหนี้หรือมีมาตรการผ่อนปรนมารองรับ และ 1% ยังเป็นกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถติดตามได้

นางวิเรขา กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง ธปท. ได้ติดตามและร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และเพื่อพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ได้ทันต่อเหตุการณ์ มีประสิทธิภาพ และสามารถรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน