นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นไทยปี 2563 ปรับตัวลง 8% และเคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดหุ้นโลก หรือดัชนีเอ็มเอสซีไอ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% สำหรับมุมมองหุ้นไทยในปี 2563 ประเมินว่าหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากปีที่แล้วจาก 3 ปัจจัยบวก คือ 1. การฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยบล.ทิสโก้คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะกลับมาเติบโต 3.4% จากหดตัว -6.3% ในปี 2563 ส่วนกำไรบจ.ในปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวแรง 34% ขณะที่ปี 2563 คาดว่ากำไรจะติดลบ 38% โดยเป็นผลจากกำไรในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของกำไรตลาดโดยรวม จะมีการเติบโต 79% และ 25% ตามลำดับ ขณะที่ปี 2565 คาดกำไรโดยรวมจะเติบโตอีก 16% อานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้เต็มที่หลังมีวัคซีน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

2. นโยบายการเงินยังคงอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายมากเมื่อเทียบกับในอดีต ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การคงดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และการอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และ 3. นโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่มีแผนการใช้จ่ายเงินจำนวนมากจะกดดันเงินดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม ขณะเดียวกัน นโยบายต่างประเทศของไบเดนที่ประนีประนอมกว่าทรัมป์ และคาดการณ์ข้างหน้าได้ง่ายกว่าทรัมป์ น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลก และช่วยลดความผันผวนของตลาดลงได้

อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้ ได้ประเมินดัชนีหุ้นไทยที่เหมาะสมในปี 2564 ที่ 1,450-1,590 จุด โดยในครึ่งปีหลังมีโอกาสสูงจะเหวี่ยงตัวขึ้นไปใกล้ๆ ระดับ 1,600 จุด หรือเทียบเท่าช่วงสิ้นปี 2562 ก่อนโควิด-19 จะระบาด ขณะเดียวกัน แม้ บล.ทิสโก้ จะมองแนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้า (ฟันด์โฟล) ปีนี้เป็นบวก แต่การเสนอขายหุ้นไอพีโอ ขนาดใหญ่ในช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ อาจทำให้ ฟันด์โฟลสะดุดและกดดันตลาดอ่อนตัวลงชั่วคราว จากสภาพคล่องบางส่วนที่ถูกดึงออกจากตลาดไปเพื่อจองหุ้นดังกล่าว ซึ่งจากการศึกษาทิศทางฟันด์โฟลทั้งของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนการจองซื้อหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ 3 ครั้งล่าสุด คือ AWC, CRC และ SCGP ซึ่งทำให้กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นติดลบ

ขณะที่ความเคลื่อนไหว ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่จะเริ่มเข้ามาซื้อขายในตลาด มีโอกาสสูงถึง 83% ที่ ดัชนีจะปรับตัวลง โดยให้ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ย 2-3%

สำหรับประเด็นหุ้นที่น่าสนใจ แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นวัฏจักร ที่น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแนะนำหาจังหวะสะสมหุ้นปันผล เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำอีกนาน โดยหุ้นเด่นในเดือน ม.ค. ที่แนะนำ คือ HMPRO, INTUCH, KKP, MTC, SCC, SFLEX, TPIPL และ TVO สำหรับหุ้นเด่นน่าลงทุนในปี 2564 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังมีราคาหุ้นบางตัว เช่น AEONTS ราคาได้ปรับตัวขึ้นถึงเป้าหมายแล้ว ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงเลือกหุ้นแนะนำในปี 2564 เป็น BAM, BBL, BDMS, MTC, PTTGC, TWPC และ WHA ด้านแนวรับสำคัญของเดือนม.ค. 2564 อยู่ที่ 1,440 จุด แนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,400-1,390 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,500-1,515 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,540-1,550 จุด ตามลำดับ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน