บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (4-8 ม.ค. 2564) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทอ่อนค่าลง หลังจากขยับแข็งค่าเล็กน้อยช่วงต้นสัปดาห์ตามเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาสนับสนุน อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ประกอบกับมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ดีกว่าที่คาดหนุนให้มีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์เพิ่มเติม (ก่อนรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร) ในระหว่างสัปดาห์ ธปท. มีการผ่อนคลายการทำธุรกรรมเงินบาทภายใต้โครงการ NRQC เพื่อช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาทที่เกิดจากการทำธุรกรรมในต่างประเทศ ในวันศุกร์ (8 ม.ค. 2564) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.05 เทียบกับระดับ 29.95 บาทต่อดอลลาร์ ในวันพุธก่อนหน้า (30 ธ.ค. 2563)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 ม.ค. 2564) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทย และความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. 2563 ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือนม.ค. 2564 และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. 2563 ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ตัวเลขการส่งออก ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยปรับตัวขึ้นในสัปดาห์แรกของปี โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,536.44 จุด เพิ่มขึ้น 6.01% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 118,648.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.37% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.40% มาปิดที่ 340.99 จุด

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ทางการไทยยังไม่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ประกอบกับมีความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี หุ้นไทยย่อตัวลงช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ทิศทางเดียวกับหุ้นภูมิภาค ขานรับการรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดน และการครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสของเดโมแครต ซึ่งกระตุ้นความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 ม.ค. 2564) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,515 และ 1,500 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,550 และ 1,565 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 การออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/63 ของบจ. ไทย รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. 2563 ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. 2563 ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. 2563 ของญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. 2563 ของจีน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน