บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทขยับแข็งค่ากลับมาได้เล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากปรับตัวในทิศทางอ่อนค่าในระหว่างสัปดาห์ตามจังหวะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ ขยับแข็งค่าขึ้นในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าและทยอยปรับตัวแข็งค่ากลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตาม เงินหยวนและเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ เผชิญแรงกดดันจากการย่อ ตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐ และการส่งสัญญาณปรับระดับการซื้อสินทรัพย์ ผ่านโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันศุกร์ (10 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ก.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ กระแสเงินลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิดของไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามดัชนีราคาบ้าน อัตราการว่างงาน ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนส.ค. ของจีน ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,635.35 จุด 0.91% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 90,658.68
ล้านบาท ลดลง 14.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 4.25% มาปิดที่ 548.71 จุด โดยภาพรวมหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงตลอดสัปดาห์ ตามแรงขายทำกำไรของ นักลงทุน หลังหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยบวกไปค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี หุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาครับข่าวที่ระบุว่า ปธน. โจ ไบเดนของสหรัฐ ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับปธน. สี จิ้นผิงของจีน นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อหุ้นบางกลุ่มที่อาจได้รับอานิสงส์จากการที่จะมีการเร่งปูพรมฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อย 50% ทุกจังหวัด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,620 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ประเด็น การเมืองภายในประเทศ ตลอดจนทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิต อุตสาหกรรม มูลค่านำเข้าและส่งออกเดือนส.ค.

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน