น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่หนุนตลาด และยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังใน 17 จังหวัด และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังคงพบคลัสเตอร์ใหญ่กระจายในต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวะชายแดนภาคใต้

อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติในช่วง 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค. 2564) ที่ผ่านมา มีการซื้อสุทธิ จำนวน 3.4 หมื่นล้านบาท แต่หากพิจารณาจากยอด 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 2564) กลับมียอดขายสุทธิสะสม จำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังทรงตัวในระดับสูงจากคาดการณ์อุปสงค์พลังงานที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างช้า ประกอบกับการ ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยพยุงตลาด แม้ว่านักลงทุนกังวลต่อการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เริ่มหารือแนวทางปรับลด QE ฝ่ายวิจัยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,620-1,660 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่องนั้น อาทิ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. จีนเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรม ก.ย. สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ GDP 3Q64 (ประมาณการเบื้องต้น) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.ย.

และ ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายเดือน การเปิดประเทศของไทยในเดือน พ.ย. เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นอสังหาฯ ได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เป็น 100% ชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งทำให้หุ้นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ ขนาดใหญ่ P/E ต่ำชอบ LH, QH, AP, SPALI, SIRI, ORI, LALIN, PSH, LPN รวมทั้งหุ้นธีม Reopening Play ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV, BA หุ้นกลุ่มขนส่ง ได้แก่ BEM, BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ CPN, CRC, MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร ได้แก่ AU, M, ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ CPALL, BJC และ MAKRO

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐทำให้การวิเคราะห์ทองคำต้องพิจารณาแนวโน้มของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (bond yield) และดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ทำให้ตลาดกลัวว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะใช้ไม้แข็งอย่างการขึ้นดอกเบี้ยที่อาจมาเร็วกว่าคาดหนุน bond yield เร่งตัวต่อเนื่อง

โดยมีบางช่วงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือน ที่ระดับ 1.67% แต่ก็ไม่สามารถกดดันราคาทองคำได้ เนื่องจากดัชนีดอลลาร์ ที่ล่าสุดย่อตัวหลุดแนวรับบริเวณ 93.75 ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าและหนุนทองคำปรับตัวขึ้น

สำหรับสัปดาห์นี้ต้องจับตาการรายงานตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 3/2564 ของสหรัฐ ที่เฟดคาดการณ์ว่าอาจได้รับผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัส ดังนั้นจึงประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ 1,770-1,825 $/Oz


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน