บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (7-9 ธ.ค. 2564) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย กลับมาเผชิญแรงเทขายเพื่อทำกำไรและปรับ โพสิชัน เนื่องจากตลาดทยอยคลายความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนลงบางส่วน หลังมีรายงานข่าวที่สะท้อนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญว่า แม้การระบาดของสายพันธุ์นี้จะรวดเร็ว แต่ก็อาจจะไม่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยที่รุนแรง

นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนจากการกลับมาซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติด้วยเช่นกัน ในวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.) เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ที่ 33.37 ก่อนจะกลับมาปิดตลาดในประเทศที่ 33.48 เทียบกับระดับ 33.89 บาท ต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ธ.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.20-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัย กสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน dot plot และประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐ (14-15 ธ.ค.) ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคา นำเข้าและ ส่งออก การเริ่มสร้างบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ตลอดจนรายงาน เบื้องต้นของ PMI เดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางญี่ปุ่น และข้อมูล เศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ข้อมูลการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,618.23 จุดเพิ่มขึ้น 1.89% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย ต่อวันอยู่ที่ 71,301.06 ล้านบาท ลดลง 27.46% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.81% มาปิดที่ 564.65 จุด หุ้นไทยดีดตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากมีความหวังว่าอาการป่วยจากการติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวอาจไม่รุนแรง

สำหรับสัปดาห์นี้ หุ้นกลุ่มธนาคารมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากข่าวการชนะประมูล พอร์ตสินเชื่อรายย่อย ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์มีแรงหนุนจากการเปิดเฮียริ่งอีก รอบเกี่ยวกับร่างประกาศคุมสัญญาเช่าซื้อ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยย่อตัวลงเล็กน้อยในวันทำการสุดท้ายก่อนหยุดยาวตามแรงขายลดเสี่ยงของนักลงทุน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,625 และ 1,640 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (14-15 ธ.ค.) สถานการณ์โควิด-19 และทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. และดัชนี PMI เดือนธ.ค. (เบื้องต้น)

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB BOE และ BOJ ดัชนี PMI เดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน