น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนปี 2565 ประเมินจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่มีโอกาสฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3.7% จากปีก่อนที่เติบโตเพียง 1.2% ภายใต้ปัจจัยเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีแนวโน้มชะลอความรุนแรงลง และสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อประกอบกับการฉีดวัคซีนป้องกันสามารถฉีดได้เพิ่มมากขึ้น และเริ่มมีการฉีดกระตุ้นภูมิในเข็มที่ 3 อย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เชื่อว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศควบคุมได้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทยอยลดวงเงินคิวอี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนเดิมที่ได้มีการส่งสัญญาณในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนและสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นในระยะสั้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,550-1,750 จุด

ส่วนปัจจัยที่น่าจับตาในปีนี้ อาทิ การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ และการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งแรกของปี 2565 ในวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งคาดว่ายังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะขยับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% แต่มั่นใจว่าธปท. สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ส่วนการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ คาดว่ายังคงเดินหน้าลดวงเงินคิวอีต่อเนื่อง และยังคงต้องจับตาแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยังคงแผนเดิมที่ให้ไว้ก่อนนี้ที่จะมีการปรับขึ้น 3-4 ครั้ง ในปีนี้หรือไม่
กลยุทธ์ลงทุนแนะนำหุ้น 4 กลุ่มเด่นปัจจัยพื้นฐานแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานปีนี้มีทิศทางสดใส นำโดยหุ้นกลุ่มเปิดเมือง ซึ่งได้ประโยชน์หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ERW, CENTEL และ AWC กลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN, CRC และ MBK

รองลงมาเป็นหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ซึ่งปีนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE กับ DTAC มากขึ้น จะส่งผลให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงแนะนำ TRUE, DTAC, ADVANC และ INTUCH ส่วนหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นในไตรมาส 4/2564 กว่า 200% สู่ระดับ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้จะปรับตัวโดดเด่นเช่นกัน โดยแนะนำหุ้น SPRC และ TOP

และสุดท้ายหุ้นกระแสหรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขายชุดตรวจ ATK ในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งแนะนำ SMD, WINMED และ TM

แนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ ประเมินว่าราคาทองคำยังคงแกว่งตัวกรอบแคบๆ ในทิศทางขาลง โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำที่ 1,650-1,850 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน