น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นในเดือนก.พ. ว่า ดัชนียังคงมีแนวโน้มผันผวน โดยได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนงวดปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะรายงานออกมาฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น

ประกอบกับการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ล่าสุดกรมทางหลวงทุ่มงบประมาณ 4.5 พันล้านบาท เพื่อดำเนินการขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์เชื่อมต่ออู่ตะเภา เพื่อรองรับการเดินทางในพื้นที่ EEC ซึ่งคาดว่าจะตอกเสาเข็มปลายปี 2565 เพื่อให้ทันใช้สำหรับการเปิดสนามบินอู่ตะเภาในปี 2568

อีกทั้งการผ่อนปรนเว้นการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้กำกับ ก.ล.ต. ทั้งภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ภาษีมูลค่าเพิ่ม และยังให้นำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรในปีภาษีเดียวกัน ของกรมสรรพากร ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคักมากขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่นักลงทุนยังวิตกกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 1,620-1,680 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ ทาง IMF มีการประเมินถึงเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นมากแต่ไม่สมดุลเนื่องจากมียอดการอุปโภคบริโภคที่อ่อนแอ รวมถึงความไม่แน่นอนจากการใช้มาตรการปราบปรามธุรกิจในภาคเทคโนโลยี และภาคการผลิตที่ชะลอตัว และทางโกลด์แมน แซคส์ ปรับคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5 ครั้งในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง โดยมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.นี้

และสถานการณ์ความตึงเครียดของเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ หลังคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ได้เปิดเผยว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธที่ยังไม่ทราบชนิดอย่างน้อย 1 ลูกลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 ในเดือนนี้

รวมทั้งการจับตาการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 2 ก.พ. และการรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค. จาก ADP สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ส่วนอียูจะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมกราคม จากมาร์กิต ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และการกำหนดประชุม FEDในเดือนมี.ค.นี้

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น 7 หุ้นเด่น ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้มีทิศทางที่สดใส และยังได้ประโยชน์จากการกลับมาใช้มาตรการ Test & Go วันแรกในวันที่ 1 ก.พ. โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, AOT, AAV, BA และ ASAP

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำยังเจอแรงกดดันจากความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อค่อนข้างมาก พร้อมแนะจับตา Bond Yield และ Dollar Index อย่างใกล้ชิด หากตลาดเริ่มซึมซับแถลงการณ์ประชุม FOMC ไปบ้างแล้ว อาจทำให้ Bond Yield เริ่มย่อตัว ตลาดผ่อนคลายความกังวลในระยะสั้นอาจทำให้ราคาทองคำรีบาวด์เหนือ 1,800 $/oz อีกครั้ง

โดยมีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำคือ ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะรัสเซียซ้อมรบกับเบลารุสและนำกำลังทหารกว่า 100,000 นาย ประชิดชายแดนยูเครน ซึ่งไม่ห่างจากเมืองหลวงยูเครน ฝ่ายวิจัยประเมินว่าทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้นอาจหนุนราคาทองคำในสัปดาห์หน้าปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,775-1,830 $/oz


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน