หุ้นไทยปิดตลาดแดนบวกหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านไปด้วยดี-ไทยประกันชีวิตเทรดวันแรก

สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 25 ก.ค. 2565 ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,560.31 จุด +7.58 จุด (+0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 57,747.55 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดในแดนบวก จาก 3 ปัจจัยหลัก เริ่มจากปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

อีกทั้งมุมมองของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งประเมินว่าการบริโภคภายในประเทศยังแข็งแกร่ง และจีดีพี ไตรมาส 2/2565 เติบโตดีขึ้นกว่า 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเติบโตกว่าไตรมาส 1/2565 ซึ่งตัวเลขจีดีพี เติบโตที่ 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนว่ากำลังซื้อในประเทศยังเติบโตได้ต่อ

ประกอบกับมีหลักทรัพย์ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ซึ่งถือเป็นหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ทำมีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น
โดยหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ

1. TLI มูลค่าการซื้อขาย 10,246.78 ล้านบาท -0.10 บาท (-0.63%)
2. SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,937.96 ล้านบาท +5.00 บาท (+5.15%)
3. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,511.83 ล้านบาท +3.00 บาท (+2.14%)
4. BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,107.15 ล้านบาท 0.00 บาท (0.00%)
5. BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,065.93 ล้านบาท +1.00 บาท (+0.76%)

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงอีก 2 วันทำการที่เหลือของสัปดาห์นี้ (26-27 ก.ค.) มองว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลง แต่อย่างไรก็ดี ทิศทางของตลาดเริ่มมีความชัดเจนในแง่ของการฟื้นตัวมากขึ้น ทำให้กรอบความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยจะไม่กว้างมาก โดยให้แนวต้านที่ 1,565-1,570 จุด ส่วนแนวรับมองที่ 1,550 จุด ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่คาดหวังผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ที่คาดว่าจะออกมาค่อนข้างดี โดยจะเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามามากขึ้น ประกอบกับช่วงวันหยุดยาว ซึ่งทางสหรัฐ จะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2565 ในวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งหากออกมาเป็นบวก จะสร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาดอย่างมาก ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอยในเชิงเทคนิคได้

รวมถึงในวันที่ 27 ก.ค. จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เชื่อว่าจะไม่ทำลายบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว เนื่องจากการที่เฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ดังนั้นหลังช่วงวันหยุดยาวไปแล้ว ตลาดหุ้นน่าจะตอบรับเชิงบวกมากขึ้น