นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงนี้เริ่มมีสัญญาณปรับตัวลดลง ซึ่งมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วงเดือนมี.ค. 2565 ที่เริ่มให้น้ำหนักว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นเพียง 0.25% ส่งผลให้มีความกังวลว่าปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายอาจจะปรับขึ้นไปถึงระดับ 5.5-5.75% เพิ่มจากดอกเบี้ยในปัจจุบันถึง 1% และในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อยังเร่งตัวต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะไปถึงจุดสูงสุดที่ 6% จากความกังวลดังกล่าวจึงส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า และกดดันให้ทองคำราคาอ่อนลง

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำในระยะกลางยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากทองคำพุ่งแรงนับตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงเดือนมี.ค. จนเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป เมื่อทิศทางเป็นเช่นนี้นักลงทุนจึงมีพฤติกรรมเทขายเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน ทำให้ราคาทองคำผ่านแนวต้านสำคัญไปได้ยากยิ่งขึ้นจนกว่าจะมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา

โดยมองแนวต้านแรกที่ 1,847-1,852 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากไม่ผ่านแนวต้านนี้ทองคำอาจจะมีสัญญาณซึมตัวลง ส่วนแนวรับมองที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่หากผ่าน 1,847-1,852 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ จะมีมุมมองเชิงลบลดลงต่อโดยมีต้านถัดไปที่ 1,880-1,870 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

ขณะเดียวกันทองคำในประเทศไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดโลก เพราะได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ดังนั้นจังหวะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่านี้ทำให้ทิศทางทองในประเทศนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังทรงตัวรักษาระดับไว้ได้เหนือ 29,500 บาทต่อบาททองคำ ไม่ได้ปรับตัวลดลงเช่นราคาทองคำในตลาดโลก อีกทั้งยังมีโอกาสขยับขึ้น โดยมองแนวต้าน 30,500-30,850 บาทต่อบาททองคำ แนวรับ 30,000-29,500 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ตาม แนะนำแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำในประเทศขยับขึ้น เพราะราคาทองคำต่างประเทศยังเป็นทิศทางปรับตัวลง หากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า ราคาทองคำในประเทศก็จะกลับไปเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดโลกจึงแนะนำว่าให้ขายทำกำไรออกไปก่อน

ทั้งนี้ การปรับตัวลงของราคาทองคำมองว่าเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวจะยังเป็นขาขึ้น โดยจากข้อมูลของสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (United States geological survey : USGS) พบว่าปริมาณการผลิตเหมืองทองคำทั่วโลกในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 3,100 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีการผลิต 3,090 ตัน จะเห็นว่าปริมาณทองคำที่ผลิตได้เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ไม่ได้ฉุดให้ราคาทองคำปรับลดลงแต่อย่างใด ราคายังทรงตัวในระดับ เพราะเป็นสินค้าที่มีความต้องการทั้งจากภาคอุตสาหกรรม ภาคการเงินการลงทุน รวมถึงการสวมใส่เพื่อความสวยงาม

อย่างไรก็ตาม การลงทุนทองคำในช่วงที่ค่าเงินมีการเปลี่ยนแปลงสูงนั้น การลงทุนทองคำผ่านแอพพลิเคชัน YLG Gold Investment ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนค่อนข้างสูง เพราะเป็นแอพพลิเคชันแรกของไทยที่จะยกระดับการลงทุนในทองคำที่สามารถซื้อขายทองคำได้ถึง 5 สกุลเงินหลัก ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ หยวน ดอลลาร์สิงคโปร์ ยูโร และเงินบาท เพื่อสร้างความหลากหลายเพราะเป็นการเพิ่มช่องทางทำกำไรในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาวะที่ค่าเงินผันผวน

และพิเศษในช่วงนี้ YLG ลดเงินวางประกันสำหรับเทรดทองคำบน แอพฯ YLG Gold investment จากการวางเงินประกัน 100,000 บาท เหลือ 50,000 บาท สนใจลงทุนคลิก https://www.ylggoldinvestment.com/


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน