ติดดอย! เป็นคำพูดติดปากที่นักลงทุนทั้งหลายไม่อยากแม้กระทั่งพูดหรือได้ยิน เพราะอะไรเหรอ?? เวลาที่ซื้อหุ้นมาในราคาที่สูงหรือราคาแพงมาก เปรียบเสมือนขึ้นไปอยู่บนยอดดอยนั่นแหละ แต่พอจะถึงเวลาต้องการขาย ราคาหุ้นมันดันร่วงต่ำลงมาอย่างมาก และมีแนวโน้มต่ำลงเรื่อย ๆ พอเป็นแบบนี้ ทำให้ผู้ที่ถือหุ้นไว้ตัดสินใจขายไม่ได้ เพราะต้องขาดทุนหนักแน่ๆ

สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นติดดอย

จะว่าไปสาเหตุที่ทำให้หุ้นติดดอย ก็เพราะนักลงทุน ไปซื้อหุ้นตอนที่ราคามันเกือบจะสูงสุดของวงจรราคาหุ้น หากเราซื้อหุ้นโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลของหุ้นตัวนั้นอย่างดีพอ หลายๆ จึงไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า ราคาหุ้นนั้นถูกหรือแพง เรามักจะเจอเหตุการณ์ที่ว่า ไปอ่านรีวิวเข้า หรือเพื่อนๆ มาบอกต่อว่าหุ้นตัวนี้ดี เราก็มักจะไปไล่ซื้อหุ้นตัวนั้น ๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่นักลงทุนมือใหม่ควรมีก่อนการซื้อหุ้น นั่นคือการศึกษาวิเคราะห์และพิจารณาว่า หุ้นตัวที่เราจะซื้อนั้นเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีหรือไม่ ประกอบกับราคาที่เหมาะสมที่ควรซื้อนั้นเป็นเท่าไหร่กันแน่

เมื่อเราพิจารณาแล้วว่า หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่คุณภาพไม่ดี ราคาหุ้นแพงกว่าราคาที่เหมาะสมของหุ้นไปมาก เราก็จะไม่ควรที่จะซื้อหุ้นตัวนี้ตั้งแต่แรก หรือเมื่อซื้อแล้วก็จะปรับพอร์ตได้ทันไหม ก็ต้องหยิบยกมาพิจารณากันต่อ ยกตัวอย่างเช่น ราคาที่เหมาะสมของหุ้นตัวนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง พื้นฐานหุ้นก็เปลี่ยนไป เราก็ขายออกจากพอร์ตได้ ไม่ถือต่อโดยหลอกตัวเองว่าหุ้นจะกลับขึ้นมาอีก วิธีการนี้ ก็ยังพอจะช่วยให้นักลงทุนค่อยๆ เดินลงจากดอยแบบไม่เจ็บตัวมากนัก

ปัจจัยที่สำคัญที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะพิจารณามากที่สุดคือ ผลการดำเนินงานของบริษัทที่เราจะไปซื้อหุ้นเก็บ ยังคงดีอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น แต่หากไปดูหลายปัจจัย เช่น ผลกำไรขาดทุน แนวโน้มของธุรกิจที่จะไม่มีแววไปได้อีก เราก็ประเมินได้ว่าราคาหุ้นจะแย่ลง ๆ ก็ไม่ควรไปซื้อเพิ่ม เพราะเราจะยิ่งขาดทุนหนักมากขึ้นไปอีก

ข้อควรระวังอย่างไรถ้าไม่อยาก “ติดดอย”

มอนิเตอร์ผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น

สิ่งหนึ่งที่ผู้ลงทุนต้องคอยติดตามอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือผลการดำเนินงานของบริษัทที่เราสนใจจะลงทุน ว่าฐานะทางการเงินในทุกไตรมาสนั้น เป็นอย่างไร มีความสามารถในการทำกำไรดีสม่ำเสมอหรือไม่

เลือกหุ้นพื้นฐานดีมีคุณภาพ

มาถึงจุดนี้ แนะนำให้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ ที่ใช้เทคโนโลยีประมวลผลจากงบการเงิน และเลือกลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ มีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาหลายปี หากใครอ่านงบการเงินหรือวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นไม่เป็น นอกจากนั้น เลือกลงทุนในหุ้นหลายตัวเพื่อกระจายความเสี่ยงในการขาดทุน เพราะต่อให้เราเลือกลงทุนในหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงได้เสมอ ดังนั้น การซื้อหรือทุ่มเงินไปกับหุ้นตัวเดียว มีความเสี่ยงสูงมากที่จะขาดทุน ควรกระจายให้มีหุ้นในพอร์ตอย่างน้อย 5 บริษัท เพราะหากมีหุ้นใดติดดอยขาดทุน เราก็ยังสามารถทำกำไรจากหุ้นตัวอื่นได้อยู่

เปลี่ยนกลยุทธ์เมื่อเจอภาวะราคาหุ้นลดลงต่ำ

ในช่วงภาวะที่ผันผวนไม่แน่นอน ซึ่งอาจเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือแม้กระทั่งภาวะการโรคโควิด-19 จากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เราจะเจอเหตุการณ์หุ้นร่วงต่ำลงมาในระดับที่ผิดปรกติ เราต้องพิจารณาก่อนว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคราวหรือถาวร เพราะราคาหุ้นอาจผันผวนตามตลาด หรือมีข่าวร้ายมากระทบ แต่ผลประกอบการหรือภูมิต้านทานของบริษัทยังดีอยู่ เราก็ไม่ต้องทำอะไร รอให้ราคาหุ้นกลับมา แต่หากเป็นเพราะพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยน ขาดทุนต่อเนื่อง เราก็ตัดสินใจขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในบริษัทที่ดีกว่า

ซึ่งสามารถอ่านต่อได้ที่ รวมเทคนิคการลงทุน ในช่วงภาวะตลาดผันผวน และสามารถวางแผนทางการเงินได้ด้วยวิธี วางแผนการเงินให้ธุรกิจไปรอด ในช่วงโควิด-19 หากเราทำได้ตามนี้ก็จะทำให้เราลงทุนได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวดอยบ่อย ๆ นะคะ

 

 


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน