ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนตลอดเวลา บางวันดัชนีขึ้นลงราวกับโดนเหวี่ยงอยู่บนรถไฟเหาะ ซึ่งนักลงทุนก็สามารถอ่านต่อในเรื่องของ ติดดอย คำนี้คืออะไร ทำไมใครๆ ก็กลัวกัน
ไม่ว่าบรรยากาศตลาดจะเป็นแบบไหน หากมีกลยุทธ์การลงทุนที่ดี พร้อมรับมือกับภาวะแบบนี้ก็สามารถลงทุนและทำกำไรได้ เรามาติดตามกันดีกว่าว่า ในทัศนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน แนะวิธีวางกลยุทธ์และเทคนิคการลงทุนไว้อย่างไร ในสภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้

กลยุทธ์ Wait & See

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ได้ให้ทัศนะไว้ในบทความ ตลาดหุ้นผันผวน ทำกำไรได้ ถ้าวางกลยุทธ์ดีๆ ว่า ในสภาวะการแบบนี้ ความผันผวนดังกล่าว ทำให้นักลงทุนเริ่มใช้กลยุทธ์ Wait & See เพื่อรอตลาดนิ่งแล้วค่อยกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง “ในช่วงภาวะตลาดผันผวนก็สามารถลงทุนและทำกำไรได้ ถ้าหุ้นที่ซื้อเอาไว้ราคาปรับขึ้นก็ขายทำกำไร ถ้าตลาดหุ้นผันผวนและทำให้ราคาปรับลดลง ก็เข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี”นั่นหมายความว่า ลงทุนหุ้นยามผันผวนต้องดูหุ้นที่ make sense หรือสมเหตุสมผล “ถ้าให้ซื้อแล้วถืออย่างเดียวและถือไปนานๆ อาจไม่เหมาะสมกับภาวะตลาดหุ้นในตอนนี้ แม้กระทั่งนักลงทุนเน้นคุณค่ายังต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สั้นลง” ดร.วิน ให้ความเห็น

กลยุทธ์ Core-Satellite

จากบทความ “ห้องเรียนนักลงทุน” ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แนะว่า “Core-Satellite Strategy” คือกลุยทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวตามที่ตั้งใจไว้แถมยังมีโอกาสเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงสั้นๆ ได้ด้วย โดยกลยุทธ์ลงทุนจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ Core หรือ ส่วนหลัก

ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่ราวๆ 60% – 70% จะอยู่ในส่วนนี้ โดย มีเป้าหมายให้เงินลงทุนมีมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนในระยะยาว และมี การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาฯ หรือ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (REITs) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่คาดหวัง ทั้งในรูปของกำไร ดอกเบี้ย เงินปันผล และค่าเช่า เป็นการลงทุนอย่างมีวินัย และมีความเสี่ยงที่เหมาะสมกับนักลงทุน ส่วนเงินลงทุนอีก 30% – 40% จะอยู่ในส่วนของ Satellite หรือ ส่วนเสริมโดย มีเป้าหมายในการทำกำไรในระยะกลาง – สั้น ซึ่งนักลงทุนสามารถเน้นน้ำหนักการลงทุนไปยังกลุ่มหลักทรัพย์ ที่พบว่ามีโอกาสที่ดีในการลงทุน เช่น ในภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น น้ำมันมีราคาแพง นักลงทุนอาจเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน พลังงานทดแทน หรือทองคำ พูดง่ายๆ คือ เป็นการลงทุนตามอารมณ์ของตลาดเพื่อสร้างโอกาสทำกำไรในช่วงสั้นๆ นั่นเอง

กลยุทธ์ “Investor Focus”

คุณวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset ให้ทัศนะไว้ในบทความเรื่อง ลงทุนให้ชนะ ในภาวะตลาดโลกผันผวน ของเวปไซต์ Thailand Investment Forum ว่า ในภาวะผันผวน แนวทางในการเลือกซื้อกองทุน ดังนี้

  1. เลือกกองทุนที่สอดรับกับสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอน ด้วยกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นไทย กองทุนหุ้นต่างประเทศและกองทุนผสม เป็นต้น
  2. เลือกกองทุนที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน เช่น ค่าธรรมเนียมต่ำ (Competitive Fee) เข้าใจง่าย (Easy to Understand) และสอดรับกระแสโลก (New Trend)
  3. เลือกกองทุนที่สร้างผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยที่สุด โดยเป็นการกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เพียงปีละ 0.50%

รู้อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น หรือกองทุน ในสภาวะตลาดผันผวนแบบนี้ เราก็สามารถนำแนวทางจากผู้เชี่ยวชาญไปประกอบการตัดสินใจกันได้แล้ว แต่อย่าลืมนะคะ ไม่ว่าจะเลือกกลยุทธ์ใดไปใช้ การลงทุนก็คือความเสียง และผู้ลงทุนก็ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจให้ดีค่ะ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน