สาวเปิดใจ หลังเผยประสบการณ์ไม่ยอมกินน้ำเปล่า จนล้มป่วยสมองบวม ใช้เวลาฟื้นฟูร่างกาย ชี้อยากเตือนใจ คนชอบกินน้ำหวานๆ วัยรุ่นก็ไม่ควรชะล่าใจ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ก.ค. นางสาววิชิตา พันธุ์เรณู อายุ 29 ปี เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ภายหลังจากที่เธอโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนภัยเงียบ สำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า แล้วอยู่มาวันหนึ่งเธอเกือบไม่รอด ล้มทั้งยืน สมองบวม ปากเบี้ยว กลายเป็นอัมพฤกษ์ หมดเงินรักษาครึ่งล้าน

นางสาววิชิตา กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2564 ใช้ระยะเวลาเกือบ 3 เดือน กว่าจะสามารถกลับมาเดินได้ ซึ่งระหว่างนั้นก็รักษาหลายอย่างควบคู่กันไปทั้งกายภาพ ฝังเข็ม กระตุ้นไฟฟ้า ทานอาหารเสริม แต่มันก็ไม่เหมือนปกติแล้ว แขนข้างซ้ายของตนใช้งานได้ มันจะกระตุกเป็นระยะ ไม่สามารถจับหรือหยิบอะไรได้

สาวไม่ชอบกินน้ำเปล่าจนสมองบวม ร่างกายยังไม่เหมือนเดิม ชี้อย่าชะล่าใจ

“ ที่เรามาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กก็เพราะว่ามันครบรอบ 1 ปี ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้และตั้งใจจะเตือนภัยเงียบให้กับทุกคนเพราะปัจจุบันมีคาเฟ่เปิดมากมาย หลายคนก็ชอบทานน้ำหวานหรือน้ำอัดลมมากกว่าน้ำเปล่า แล้วก็ชะล่าใจไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะโรคสโตรคส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันสามารถเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นได้”นางสาววิชิตา กล่าว

นางสาววิชิตา กล่าวว่า พฤติกรรมในตอนนั้น เราไม่เคยทานน้ำเปล่าเลย หมอก็ตกใจว่าเราอยู่ได้อย่างไร ซึ่งเราก็ทานน้ำอัดลม น้ำสี เครื่องดื่มชูกำลัง นมเปรี้ยว น้ำผลไม้ ทานทุกน้ำยกเว้นน้ำเปล่า หรือถ้าหากไม่มีจริง ๆ เราก็ไม่ทาน เพราะมองว่าน้ำอย่างอื่นมันก็ทดแทนน้ำเปล่าได้ ซึ่งเราใช้ชีวิตแบบนี้มาประมาณ 8 ปี

สาวไม่ชอบกินน้ำเปล่าจนสมองบวม ร่างกายยังไม่เหมือนเดิม ชี้อย่าชะล่าใจ

นางสาววิชิตา กล่าวว่า เมื่อเราลงเรื่องราวนี้ไปหลายคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่ามีพฤติกรรมคล้ายกับเราหรือบางคนก็เป็นโรคเดียวกัน ซึ่งเราก็อยากเตือนภัยให้กับทุกคน ตอนที่เราป่วย หมอดีแค่ไหน ยาดีแค่ไหนเรายอมจ่ายเพราะเราอยากหาย แต่ว่าตอนที่เราไม่ป่วย แค่น้ำเปล่าขวดไม่กี่บาท เรากลับไม่ยอมซื้อทาน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยท้อเลย เพราะคิดไว้ตลอดว่าเรามีภาระหน้าที่หลายอย่างที่ต้องดูแล เราจะต้องรีบหายให้เร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้ตนก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กลับมาเหมือนปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ก็สามารถทำมาหากินได้

ทั้งนี้ โรคนี้คุณหมอแจ้งว่า ตอนนี้โอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก เพราะมันเป็นแล้วไม่หาย สิ่งที่ทำตอนนี้คือป้องกัน ทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทานน้ำเปล่ามากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน