บทบรรณาธิการ : ยื่น–ไม่ยื่น
บทบรรณาธิการ : จนถึงปัจจุบัน ปัญหาต่อเนื่องอันเกิดขึ้นแต่ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่าด้วยเรื่อง การแสดงบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐก็ยัง ไม่สามารถหาข้อยุติได้
ในขณะที่มีข่าวว่าบุคคลที่เข้ามาเป็นกรรมการในองค์กรของรัฐ โดยเฉพาะในส่วนของภาคการศึกษาและภาคสาธารณสุข ทยอยกันยื่นใบ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ต้องการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน
ถึงขนาดที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต้องเรียกร้องขอให้ผู้ที่อยู่ในข่ายยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว
เพราะกำลังมีการดำเนินการแก้ไข เพื่อที่จะหาทางออกให้กับเรื่องดังกล่าว
ทางออกที่ว่านั้นก็คือ การพิจารณาผ่อนปรนโดย ป.ป.ช. ซึ่งนายวิษณุกล่าวว่า แม้จะยังไม่ได้แจ้งมาว่าจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้รู้ปัญหาหมดแล้ว
แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า แม้บางตำแหน่งจะไม่ต้องยื่น ก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่ง ป.ป.ช. สามารถเข้าไปตรวจสอบได้อยู่ดี
เช่น หากกรรมการสภามหาวิทยาลัยจะไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินแล้ว แต่การที่ ป.ป.ช. จะเข้าไปตรวจสอบการทุจริต สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ทุกเวลา
ดังนั้น ต้องแยกให้ออก ปัญหาตอนนี้ที่กำลังเกิดคือ ป.ป.ช.จะดูว่าตำแหน่งใดที่สุ่มเสี่ยง มีโอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหาได้
แต่ที่แล้วมาไม่ได้ดู และกวาดไปหมดทุกตำแหน่ง
สิ่งที่สังคมจับตาก็คือ ในขณะที่การรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา ชูประเด็น “การป้องกันและปราบปรามทุจริต” เป็นเรื่องใหญ่ และเชิดชูบทบาทขององค์กรตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเอาไว้สูงยิ่ง
แต่เมื่อปะเข้ากับความเป็นจริงที่ว่า การใช้กฎหมายประเภทนี้แบบเหวี่ยงแหและเลือกปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กฎหมายดังกล่าวเป็นโทษและเป็นที่น่าหวาดหวั่นมากกว่าเป็นคุณ หรือสามารถป้องกันการทุจริตได้จริง
คำถามคือถ้า ป.ป.ช. ต้องยอมถอยหลัง ก้าวหนึ่งหรือหลายก้าวให้กับข้อเท็จจริง และ แรงกดดัน
ข้ออ้างเรื่องการป้องกันและปราบปรามทุจริตที่ผ่านมาจะมีความหมายอะไร