เจ้านายแจกเงิน

คอลัมน์ ใบตองแห้ง

เจ้านายแจกเงิน – เจ้าข้าเอ๊ย รัฐบาลจะแจกเงิน คนตกงาน แรงงานนอกระบบ คนละ 5,000 “เราไม่ทิ้งกัน” แจก 6 เดือน แต่เอาไป 3 เดือนก่อน (ชักกลับหน่อยเดี๋ยวค่อยว่ากัน)

ทีแรกจะแจก 3 ล้านคน ถัดมาเพิ่มเป็น 9 ล้านคน แต่ชาวบ้านอ่านเงื่อนไขแล้วยังงงๆ ไม่รู้ใครได้บ้างไม่ได้บ้าง คนเดือดร้อนเลยแห่ลงทะเบียนไปก่อน 24 ล้าน ทำให้ท่านหงุดหงิด ขู่เอาผิด 15 ล้าน ใครกรอกข้อมูลไม่ตรงความจริง ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ รัฐบาลเผลอโอนเงินให้ก่อน ก็ผิดทั้งแพ่งอาญา

ได้เงินแล้วอย่าโพสต์เฟซ ให้สังคมหมั่นไส้ จะตามเอาผิดทันใจ ใครไม่ได้เงินแล้วแล้วหลอกว่าได้ ผิดฐานเฟกนิวส์ ถ้าได้จริงแล้วเย้ยหยัน เห็นเงินรัฐบาลไม่สำคัญ จะขุดคุ้ยย้อนหลัง ไม่เดือดร้อนจริง ก็เฟกนิวส์

ผู้พบเห็นแคปโพสต์ส่งเพจพรรคพลังประชารัฐ #เราไม่ทิ้งกัน จับขังแน่นอน

อะไรๆ เฟกทั้งนั้น เหมือนข่าวม้าเป็นกาฬโรคตาย แหม่มโพธิ์ดำชี้เป้าให้ตำรวจจับ กลายเป็นผู้ร้าย ฉะนั้นได้เงินห้าพันต้องพับเพียบ กราบขอบพระคุณ เป็นบุญเหลือหลาย รัฐบาลเจ้านายประชาชน ท่านแจกเงินให้ ใครไม่ได้ก็อย่าโวยวาย ให้ทำหนังสือร้องเรียน เย็บแม็กเข้ามุม ส่งศูนย์ดำรงธรรม เดี๋ยวท่านจะดูแลให้

ถ้าโวยมากเดี๋ยวท่านวีน แบบคนทำเพจ “เราไม่ทิ้งกัน” หงุดหงิดคนไทย ไม่ได้เงินก็บอกจะอดตายแล้ว ทำไมไม่เห็นใจ ได้เงินแล้วก็มาอวดว่ารวยแล้ว ลงทะเบียนเล่นๆ ทำไมถึง ได้ หงุดหงิดคนเยาะเย้ย มันน่าจับเข้าคุกหากให้ข้อมูลตั้งใจเป็นเท็จ

ถามจริงทำไมต้องเรื่องเยอะ จะบริการประชาชนหรือจะตั้งตนเป็นเจ้านาย จะกู้วิกฤตหรือจะมาเป็นบิดาแบ่งสมบัติ ทำไมต้องให้ประชาชนยื่นความจำนงลงทะเบียนกับรัฐ แล้วก็มานั่งจับผิด ไอ้นั่นอีนี่คิดจะโกงเงินหลวง เพราะฐานข้อมูลของรัฐก็มีอยู่ เกษตรกร แรงงานนอกระบบ ประกันสังคม ฐานภาษี หรือเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่เดือดร้อนกันหมด มีเท่าไหร่

ทำไมจะต้องให้มาขอ “เราไม่ทิ้งกัน” (ศัพท์การตลาดการเมือง) แล้วกลายเป็นเราทะเลาะกัน

วิกฤตโควิดใครก็รู้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจหนักหนาสาหัส IMF ชี้ว่าหนักกว่า The Great Depression ที่เทียบเมืองไทยก็ประมาณ 2475 วิกฤตต้มยำกุ้งที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ 2540 และทำให้ประชาชนหันไปนิยมผู้นำที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม อย่างทักษิณ ยังถือว่าเด็กๆ เมื่อเทียบกับครั้งนี้

รัฐบิดา รัฐเจ้านายประชาชน ซึ่งอยู่ในจังหวะไม่ลงตัว เพราะระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 สร้างวิกฤตการเมือง กระทั่งจะโดนแฟลชม็อบนักศึกษาไล่ บังเอิญได้โควิดกับหมอทวีศิลป์ช่วยไว้ ทุกฝ่ายพักการเมืองก่อน

แต่พ้นสถานการณ์นี้จะเกิดอะไร ต่อให้หลายคนบอกว่าอย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก ต่อให้ไม่เกิดม็อบเพราะต้อง Social Distancing แต่ถ้ายังบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนไม่พอใจในความเหลื่อมล้ำ ไม่เชื่อมั่น คนก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์ก็จะมากขึ้นทุกที รัฐราชการก็เอาแต่ใช้อำนาจจับผิด

ทอดตาทั่วโลก แต่ละประเทศจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้ต่างกัน แม้มีแนวโน้มไปสู่อำนาจนิยม ชาตินิยม ต่างคนต่างเอาตัวรอด แต่ประเทศที่จะรอด และไปได้ดี คือรัฐบริการที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนมีภราดรภาพ มีทั้งสำนึกรับผิดชอบและความเห็นอกเห็นใจกัน

ซึ่งไม่น่าใช่รัฐเจ้านายที่ใช้อำนาจบังคับให้ใส่หน้ากาก ไม่ใส่จับปรับ ตั้งด่านเคอร์ฟิว บังคับห้ามขายเหล้า แล้วต้องยกย่องตำรวจทหารผู้เสียสละอีกต่างหาก

รัฐที่เรียกร้องประชาชนมีจิตสำนึก แต่พอตัวเองบริหารจัดการบกพร่อง ก็ผลักให้คนไปโทษกันเอง กลายเป็นสังคมล่าแม่มด ทำไมอีนี่ได้ ทำไมกูไม่ได้ ทั้งที่สมควรได้

สังคมไทยน่าซาบซึ้งเพียงไร ที่พอมีข่าวคนไทย “หนี” การกักตัวจากสุวรรณภูมิ แล้วมีสื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ก็มีคนดีผู้พิทักษ์ประโยชน์ส่วนรวม โทรศัพท์ไปด่าแม่จนสายแทบไหม้

ด่าแม่จริงๆ นะ เพราะตัวเขารีบไปรายงานตัวแต่เช้า เหลือแต่แม่อยู่บ้าน เพราะความจริงไม่ใช่ “หนี” รัฐต่างหากไม่พร้อม ไม่ได้เตรียมสถานที่กักตัว ไม่รู้จะเอาไปที่ไหน จนเกิดความวุ่นวายแล้วต้องปล่อยกลับบ้าน แต่พอเกิดดราม่า ลูกขุนออนไลน์ก็รุมขย้ำ “ไอ้พวกไม่รับผิดชอบสังคม” เอาความเลวไปเปรียบเทียบความดีงามของแพทย์พยาบาลผู้เสียสละ

ดีเท่าไหร่ไม่เอาเก้าอี้ฟาด ดีเท่าไหร่ไม่ออกใบอนุญาตฆ่าเหมือนสิบปีก่อน

ไม่ใช่แค่กรณีนี้ เพราะข่าวออกมาหลายที่ คนติดเชื้อ ไม่ใช่สิ แค่กักตัว ถูกรังเกียจราวกับผีปอบ กลายเป็นโควิดไปปลุกความเกลียดชัง แทนที่จะสร้างความเห็นอกเห็นใจ (ไหนว่าเมืองไทยเมืองพุทธ)

รัฐอย่างนี้ สังคมอย่างนี้ จะไปรอดแบบไหนกัน หรือมัวแต่ภาคภูมิใจคนไทยตายน้อยกว่าพวกประชาธิปไตยฝรั่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน