แต่งหน้าใส่แมสก์ กลายเป็นเทรนด์เมคอัพแห่งยุค 7 ทริคสวยสู้โควิด เก็ทลุกส์ผิวปั๊วะ ตาเป๊ะ ลิปไม่เลอะ ถอดก็ยังปัง

แต่งหน้าใส่แมสก์ โควิดมาอีกแล้ว ยังไม่รู้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ตอนนี้ไอเทมอย่าง ‘แมสก์’ จึงกลายเป็นของจำเป็น ไม่ต่างกับปัจจัยที่ 5 ที่ 6 ต้องใส่ติดหน้าอยู่ตลอดเวลา ‘เทรนด์แต่งหน้าใส่แมสก์’ จึงเกิดขึ้นเป็นกระแสเต็มโซเชียล ทั้งในไทยและต่างประเทศ

เมื่อตั้งใจไว้แล้วว่า ยังไงฉันต้องสวยสู้โควิด จะใส่แมสก์เห็นแค่ครึ่งหน้าก็ปั๊วะ จะถอดแมสก์ สีลิป สีรองพื้นอะไรก็ยังอยู่ครบ ไม่ได้ละลายติดไปกับแมสก์ให้เพื่อนกลั้นขำ ก็ต้องรู้เทคนิคการแต่งหน้ากันหน่อย มีไม่กี่ข้อเท่านั้นแหละ!

1. ห้ามลืมขั้นตอนการใช้ ‘ไพรเมอร์’ เตรียมผิวโดยเด็ดขาด

เมื่อเครื่องสำอางบนหน้าแทบ 90% ของวันจะถูกซ่อนไว้ใต้แมสก์ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ถอด การเตรียมผิวตั้งแต่พื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ! ขอให้สาวๆ ลงทุนซื้อ ‘เมคอัพไพรเมอร์’ คุณภาพดีสักชิ้นในช่วงนี้ไว้เลย ได้ใช้บ่อยแน่นอน เพราะการใช้ไพรเมอร์ก็เหมือนนำรถไถมาเกลี่ยหน้าดิน (ผิวหน้า) ให้เรียบ ทั้งช่วยเกลี่ยสีผิวให้สม่ำเสมอกัน เรียบเนียน ลงรองพื้นและสีอื่นๆ บนใบหน้าให้ติดทนยิ่งขึ้น จึงไม่ควรข้ามขั้นตอนนี้ในการแต่งหน้า ด้วยประการทั้งปวงค่ะ!

เพราะเราต้องใส่แมสก์ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง การใช้ไพรเมอร์ก็เหมือนไอเทม ‘ต่ออายุเมคอัพบนหน้า’ ให้ไม่เลือนหายหรือซีดจางไปตามกาลเวลาเสียก่อน เพียงทาบางๆ ให้ทั่วผิวหน้าหลังลงมอยส์เจอไรเซอร์ แล้วลงรองพื้น แป้งฝุ่นตามปกติ เท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวหน้าหลุด เป๊ะทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงกลับบ้านแน่นอน

2.เลือกใช้ ‘คอนซีลเลอร์’ เนื้อแมตต์

สาวๆ แทบทุกคน ต้องมีจุดบกพร่องหรือปัญหาผิวที่ไม่อยากให้ใครเห็นบนผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว รอยแผลเป็น จุดด่างดำ รอยดำรอยแดงต่างๆ ซึ่งสามารถกลบให้เนียนกริบได้ด้วย ‘คอนซีลเลอร์’ ซึ่งในสถานการณ์ที่ต้องใส่แมสก์ปิดทับหน้าทั้งวัน ก็ควรใช้แบบเนื้อแมตต์ที่ค่อนข้างแห้งติดผิว เพื่อไม่ให้คอนซีลเลอร์เลอะติดกับแมสก์ ยิ่งเน้นจุดด้อยนั้นให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ

ส่วนของรอยคล้ำใต้ตา ควรใช้คอนซีลเลอร์เนื้อทึบแบบ full coverage แท็ปเป็นทรงสามเหลี่ยมกลับหัว เพื่อกลบช่วงตาที่ดำคล้ำ หลังทาแล้วจะเห็นได้ว่าตาดูสดชื่นเป็นประกาย ดึงดูดให้คนมองช่วงตามากขึ้น ซึ่งค่อนข้างจำเป็นมากในช่วงที่ทุกคนมองเห็นกันแค่ช่วงดวงตา ถ้ามีรอยคล้ำ สิวใดๆ โผล่พ้นเหนือแมสขึ้นมา ก็เก็บให้เรียบเนียน เหมือนรีทัชผิวส่วนนั้นไปเลยค่ะ!

3.ใช้ ‘บลัชออน’ แบบครีม ให้พวงแก้มมีสีติดทนนาน

ส่วนพวงแก้ม ก็ถือเป็นส่วนที่ก้ำกึ่งระหว่างครึ่งบนกับครึ่งล่าง แต่แมสก์บางประเภท เมื่อใส่แล้วก็ยังพอเห็นสีแก้มอยู่ เช่น แมสก์สีขาวหรือสีใส จึงควรพิถีพิถันในการเลือกประเภท ‘บลัชออน’ กันสักหน่อย ไม่ควรใช้แบบฝุ่นแป้งอย่างยิ่ง เพราะขนาดแต่งหน้าปกติยังเลือนหายเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราแนะนำให้ใช้แบบเนื้อครีมไปเลยจะดีกว่า

แม้เธอจะไม่อยากโชว์สีบลัชให้ทะลุผ่านแมส เธอก็ต้องมีช่วงเวลาถอดแมสก์กินข้าวอยู่ดี จึงควรใช้บลัชออนที่เน้นติดทนนาน ไม่เลือนหาย ไม่เลอะง่ายระหว่างวัน นอกจากบลัชครีมที่บอกไปแล้ว อีกทริคที่อยากแนะนำคือใช้ทิ้นท์แต้มสามจุดบนแก้ม แล้วแท็ปให้สีกลืนไปกับผิวหน้า พอสีแมตต์ติดกับหน้าก็ไม่ต้องห่วงว่าหน้าจะซีดแล้ว ขนาดใช้มือถูยังไม่ออกเลย ต้องพึ่งเมคอัพรีมูฟเวอร์อย่างเดียวเท่านั้น

4.ไฮไลท์ เน้นช่วง ‘ดวงตา’ ให้เป็นประกายสดใสขึ้น

ส่วนครึ่งบนที่เห็นชัดเจนแม้ใส่แมสก์ ก็จะมีช่วงหน้าผาก สันจมูกครึ่งบน และดวงตา จึงควร ‘ไฮไลท์’ ส่วนนั้นให้เป็นประกาย โดดเด่นให้ได้มากที่สุด โดยใช้ไฮไลท์เตอร์ โดยใช้อายไลเนอร์สีขาวชิมเมอร์ทาที่หัวตาด้านใน เพิ่มความระยิบระยับ อย่าลืมลงสีส่วนโหนกคิ้วด้วย เพื่อให้หน้าของเธอดูมีมิติมากยิ่งขึ้นนะคะ

สีอายแชโดว์ที่เปลือกตาก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก เธอจะใช้อายแชโดว์สีขาวชิมเมอร์เพื่อเน้นดวงตาให้กลมโตถึงขีดสุด หรือใช้สีตามชอบก็ได้ แต่แนะนำให้เป็นสีอ่อนๆ เช่น สีชมพู สีส้มพีช เพื่อให้ส่วนดวงตาดูไม่หนักเกินไป ตามด้วยกรีดตาเบาๆ และปัดมาสคาร่าเป็นอันจบลุค อย่าลืมว่าเราเห็นแค่ช่วงตาอยู่แล้ว ถ้าสีหนักหรือจัดไปจะทำให้คนลำบากใจที่จะสบตาหรือคุยกับเราได้ค่ะ

5.เห็นแค่ครึ่งหน้า ‘งานคิ้ว’ ก็ต้องเป๊ะปัง!

พูดถึงงานตาไปเยอะแล้ว จะไม่พูดถึงงานคิ้ว มงกุฎนัมเบอร์วันของใบหน้าไปได้อย่างไรกัน! เนื่องจากเป็นส่วนที่อยู่บนสุดของใบหน้า ควรจะตกแต่ง กันคิ้วให้ได้รูปสวยที่สุด อย่าปล่อยให้คิ้วรกรุงรัง มีเส้นขนส่วนเกิน เวลาคนรอบข้างมาคุยด้วย เห็นคิ้วยุ่งๆ อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดหรือรำคาญได้ และทำให้ลุกส์โดยรวมดูไม่เนี้ยบด้วยค่ะ

เริ่มจากกันคิ้วให้ได้ทรงเข้ารูปก่อน จะปริ้นท์แบบคิ้วที่ชอบในเน็ต ทาบแล้วตัดตาม หรือใช้พาเลทที่มีทรงคิ้วมาให้กันคิ้วตามก็ได้ หรือถ้างบเหลือก็ให้ร้านทำคิ้วจัดการให้ แล้วเราค่อยกันเองในครั้งต่อไป จะออกจากบ้านก็แค่ใช้ดินสอเขียนคิ้ววาดโครงบางๆ ถ้าขนคิ้วบางก็ระบายให้เต็ม ใช้มาสคาร่าเจลปัดแบบย้อนศรเคลือบให้ทั่วทุกเส้น เท่านี้ก็ปั๊วะแม้จะปิดไปครึ่งหน้าแล้วล่ะ

6.ใช้ลิปสติกเนื้อแมตต์/ทิ้นท์ ติดทน ไม่เลอะแมสก์ระหว่างวัน

งานปากไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เลือกเนื้อแมตต์ ทิ้นท์ หรือลิปสเตนเนื้อน้ำที่ติดทนทั้งวันเท่านั้น ลิปกลอส ลิปเนื้อ sheer บางๆ หรือลิปที่มีส่วนประกอบของน้ำเยอะๆ ทุกชนิดตัดไปได้เลย ทำยังไงก็ไม่ทน และเหนียวหนึบติดปากตอนใส่แมสก์แน่นอน 100% ตอนใส่แมสก์ก็แทบจะไม่ได้ถอดให้เห็นปากอยู่แล้วหากไม่จำเป็น ไม่มีใครมาจ้องความฉ่ำวาวของริมฝีปากเราหรอก แค่ทาสีที่สวย เข้ากับเราแต่ติดทนนานดีกว่าค่ะ

ทริคที่จะทาลิปแมตต์ให้ติดทนขึ้นไปอีก คือทารอบแรกแล้วเม้มใส่กระดาษทิชชู่ ทาซ้ำอีกครั้ง แล้วตบด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสงเบาๆ เท่านี้ก็สีปากสดชัด กินข้าวกินน้ำหรือไปจุ๊บใคร (อิอิ ) ก็ไม่มีสีหลุดให้ต้องกังวลอย่างแน่นอน

7.ใช้ ‘สเปรย์ล็อคเมคอัพ’ ป้องกันเครื่องสำอางหลุดง่าย

เพื่อเพิ่มความติดทนของเมคอัพถึงขีดสุด อย่าลังเลที่จะลงทุนซื้อ ‘สเปรย์ล็อคเมคอัพ’ หรือ Setting Spray/ Makeup Fixer ที่แค่ฉีดพรมบนผิวหลังแต่งหน้าเสร็จ ก็ทำให้เครื่องสำอางเกาะติดผิวได้ทั้งวัน ในช่วงเวลาที่ต้องใส่แมสก์ทั้งวันแบบนี้น่าจะยุ่งพออยู่แล้ว คงไม่มีเวลามานั่งลบแล้วแต่งใหม่ระหว่างวัน ใช้สเปรย์ล็อคไปเลย ง่ายสุด!

เพียงถือขวดสเปรย์ห่างจากตัว 30 เซนติเมตร เหมือนเวลาฉีดสเปรย์ผม แล้วฉีดเป็นทิศทางตัว T และตัว X ให้เคลือบทั้งช่วงทีโซน แก้มและคาง เท่านี้ก็หน้าสวยฉ่ำตั้งแต่ออกจากบ้านไปจนถึงแฮงค์เอาท์กับเพื่อนหลังเลิกงาน แม้จะใส่หรือถอดแมสก์ก็ตาม คอนเฟิร์ม #หน้าปังปุริเย่แม้เครียดโควิด

ทริคแต่งหน้าเริ่ดๆ เมื่อต้องใช้เครื่องสำอางแนบติดกับแมสก์ ก็จะมีหลักที่ต้องระวังประมาณนี้ หลักๆ คือต้องเตรียมผิวให้พร้อม ครึ่งล่างที่แมสก์ปิดคลุมไว้ เน้นเมคอัพเนื้อแมตต์ติดทน เลี่ยงเนื้อสัมผัสทุกอย่างที่เป็นมันเลื่อม กลอสวาวๆ หรือเหนียวหนึบ เพราะเวลาใส่แมสก์จะรำคาญหรืออาจก่อให้เกิดสิว เสียดสีผิวหน้าจนเป็นแผลได้ค่ะ

โดย SistaCafe

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน