โมโตโรลา ค่ายสมาร์ตโฟนชื่อดังสัญชาติอเมริกัน (ในเครือค่ายเลอโนโว สัญชาติจีน) ที่มีความเป็นมายาวนานในวงการ และมีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้นหลังสมาร์ตโฟนหลายรุ่นเริ่มกลับมาอยู่จอเรดาร์ของนักรีวิว

Motorola Edge (2023) สมาร์ตโฟนชั้นประหยัดรุ่นใหม่จากปลายปีก่อน ที่เว็บไซต์แอนดรอยด์อูธอริตีกล่าวขวัญไว้ว่ามีรูปโฉมภายนอกและความรู้สึกที่ได้จากการใช้งานนั้นคุ้มค่าเกินราคาค่าตัว เมื่อเทียบกับคู่แข่งในสนาม Andriod OS เดียวกัน แม้จะข้ามปีมาแล้วแต่ก็ยังน่าสนใจ

โฉมหน้าหรูหราเกินราคา

 

แอนดรอยด์อูธอริตี ระบุถึงความประทับใจแรกเริ่มขึ้นทันทีที่หยิบสมาร์ตโฟนนี้ขึ้นมา แม้จะมีจอขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว แต่กลับค่อนข้างบางกว่ามือถือทั่วไป (7.6 มิลลิเมตร) ทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 168 กรัม ผสมผสานการออกแบบด้านการยศาสตร์อันยอดเยี่ยม

ส่งผลให้ไม่รู้สึกหนักข้อและถือได้สบายมือ เรียกได้ว่าพอๆ กับ Samsung Galaxy S23 ที่มีหน้าจอ 6.1 นิ้ว และแบตเตอรี่ขนาด 3,900 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) แต่ของทาง Edge (2023) นอกจากจใหญ่กว่า ยังมีแบตฯ ขนาด 4,400 mAh

โครงอะลูมิเนียม-ขอบโค้งมน

 








Advertisement

กุญแจสำคัญทำให้ Motorola Edge (2023) ซึ่งมีขนาดใหญ่แต่กลับเบาเทียบเท่ามือถือขนาดเล็ก มาจากการเปลี่ยนวัสดุหน้าจอจากกระจกมาเป็นพลาสติก แต่ขอบเครื่องยังเป็นอะลูมิเนียม

แม้จอหน้าจะเป็นพลาสติก แต่ไม่ได้ทำให้เครื่องแลดูหรูหราน้อยลง เนื่องจากทางโมโตโรลาชดเชยด้วยแผ่นหลังเครื่องที่ทำจากวัสดุหนังเทียม ไม่สะสมรอยขีดข่วน เหงื่อไคล พร้อมเพิ่มความกระชับในการถือ

ไม่หมดเท่านั้น Edge (2023) ยังประกอบแน่นหนา ผ่านมาตรฐานกันฝุ่นและน้ำเข้าเครื่องระดับ IP68 แตกต่างจากมือถือ Edge ของปีก่อน และอีกหลายรุ่นของค่ายโมโตโรลาที่ไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าว

ขณะที่จอพลาสติกเคลือบเลียนแบบกระจกโดยบริษัท NEG ประเทศญี่ปุ่นแม้ไม่แข็งแรงทนทานเท่า Gorilla Glass จากค่ายคอร์นนิ่ง กลาส ในสหรัฐอเมริกา แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง สามารถทนต่อรอยขีดข่วนจากกุญแจ และอุปกรณ์โลหะในชีวิตประจำวันได้

ด้านลำโพงสเตอริโอ คุณภาพอยู่ในระดับทั่วไป เสียงดังดี แต่แทบไม่มีเสียงเบส ตำแหน่งลำโพงอยู่สันด้านล่าง และบริเวณช่องเสียงส่วนบนของเครื่อง ที่น่าชื่นชมคือ เสียงไม่แตกแม้จะเปิดดังเกือบสุด (แต่ก็ยังไม่มีเบส) ส่วนปุ่มต่างๆ ทางโมโตโรลาอาจต้องนำไปปรับปรุงเพิ่ม เนื่องจากยังรู้สึกโยกเยก ไม่มั่นคง

สันล่าง ช่องใส่ซิม USB-C และลำโพงสเตอริโอ

 

Motorola Edge (2023) ใช้เทคโนโลยีจอภาพแบบ OLED ความละเอียดสูงสุด 1080p รองรับความถี่สูงถึง 144 เฮิร์ตซ์ (Hz) ความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (nit) เพียงพอต่อการใช้งานกลางแจ้งในตอนกลางวัน

อย่างไรก็ดี การลดแสงหน้าจออัตโนมัติของเครื่องในที่มืดนั้น ยังไม่มากพอ และอาจมีหน้าจอที่สว่างกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ ในที่แสงน้อย แนะนำให้ปรับลดเองส่วนนี้ และแม้ Edge (2023) จะมีขอบจอด้านข้างที่โค้งมนไม่มากนัก แต่จากการทดสอบพบว่ายังเกิดการแตะจอได้โดยไม่เจตนา

ความประทับใจถัดมา เป็นระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานกว่าที่ผู้ทดสอบคาดหมาย เนื่องจากแบตฯ ขนาด 4,400 mAh ของ Motorola Edge (2023) ถือว่ามีขนาดกลางตามมาตรฐานมือถือในตลาดยุคปัจจุบัน

โดยการทดสอบพบว่า สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้นานถึง 2 วัน (ค้นหาข้อมูล แช็ตผ่านโลกออนไลน์ฟังเพลง เล่นเกมเบาๆ) นอกจากนี้ Edge (2023) ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไวขนาดสูงสุด 68 วัตต์ (W) แต่ผู้ใช้ต้องหาซื้อชาร์จเจอร์แบบดังกล่าวเอง (แถมแบบปกติมาให้)

ระยะเวลาใช้งานที่เหนือความคาดหมาย เป็นผลจากขุมพลังของชิพ MediaTek Dimensity 7030 จากไต้หวัน ชิพที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร (nm) ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูแบบ 8 คอร์ (Octa-core) และหน่วยประมวลผล กราฟิก หรือจีพียูรุ่น Mali-G610

ซีพียู 8 คอร์ข้างต้น แบ่งออกเป็น 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ Cortex-A78 จำนวน 2 คอร์ มีความถี่สัญญาณนาฬิกา 2.4 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) สำหรับรองรับแอพพลิเคชั่นที่ต้องการประสิทธิภาพการคำนวณระดับสูง ส่วนอีกคลัสเตอร์เป็น Cortex-A55 จำนวน 6 คอร์ ความถี่ 2.0 GHz สำหรับการใช้งานปกติ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน

UI ดูดี

 

Dimensity 7000 series เป็นชิพระดับล่างถึงกลาง จากค่าย MediaTek การทดสอบเบนช์มาร์กผ่านแอพ Geekbench 6 พบว่ามีคะแนนประมวลผลคอร์เดียว 1,030 แต้ม และหลายคอร์ 2,449 แต้ม ถือว่าต่ำกว่ามือถือชั้นประหยัดจากคู่แข่งรายอื่น ไม่ว่า Apple iPhone 14, Samsung Galaxy S23 FE, Google Pixel 8, OnePlus 11 หรือแม้แต่กับ Motorola Razr (2023)

เช่นเดียวกับคะแนนเบนช์มาร์กด้านกราฟิกผ่าน 3DMark : Wildlife Stress Test สะท้อนว่าประสิทธิภาพของชิพรุ่นนี้เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมเบาๆ เท่านั้น

สมาร์ตโฟนรุ่นประหยัดล่าสุดจากค่ายโมโตโรลารุ่นนี้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android (AOS) 13 ผู้ใช้จะได้รับการรับประกันอัพเดต AOS ติดต่อกันเป็นเวลานาน 2 ปี และแพตช์รักษาความปลอดภัยติดต่อกันนาน 3 ปี

โมดูลกล้อง-ฝาหลังหนังเทียม

 

สมาร์ตโฟน Edge (2023) มีกล้องหลัง 2 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (MP) และเลนส์อัลตราไวด์ความละเอียด 13MP แม้ค่ายโมโตโรลาจะยังไม่มีชื่อเสียงร่ำลือเรื่องความโดดเด่นของคุณภาพการถ่ายภาพ

แต่กล้องของ Edge (2023) ถือว่าคุณภาพดีขึ้น เมื่อเทียบกับ Edge (2022) ให้ภาพคมชัด สมจริง มีรายละเอียดในที่แสงสว่างเพียงพอ

อย่างไรก็ดี เมื่อแสงน้อยลงจะพบว่าโฟกัสของกล้องรุ่นนี้ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ในการถ่ายภาพเคลื่อนไหวตอนกลางคืน ขณะที่เลนส์อัลตราไวด์ให้ภาพในระดับพอใช้ ส่วนเรื่องซูม ยังไม่ดีเท่าที่ควร

ภาพทดสอบ

 

ด้านการถ่ายคลิป รองรับสูงสุดที่ความละเอียด 4K อัตราภาพ 30 เฟรมต่อวินาที (4K@30fps) โดยคุณภาพที่ออกมาดีเหนือความคาดหมาย มีความคมชัด รายละเอียดสูง แต่น่าเสียดายที่รองรับเพียง30 fps ทางผู้ทดสอบจึงแนะนำให้ใช้ความละเอียดระดับ 1080p แต่ได้อัตราภาพ 60 fps จะดูลื่นตากว่า

ทีมข่าวสดไอที มองว่า Motorola Edge (2023) เป็นสมาร์ตโฟนชั้นประหยัดที่มีข้อด้อยเรื่องกล้องถ่ายภาพ การอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ช้ากว่าค่ายอื่น ประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าคู่แข่ง

แต่ได้รับการชดเชยด้วยรูปโฉมหรูหรา ฝาหลังเป็นหนังเทียม จับกระชับมือ แลดูแปลกแตกต่างกับมือถือทั่วไป ระยะเวลาการใช้งานนานจุใจ เทคโนโลยีชาร์จไว และมาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำระดับเรือธง สนนราคาช่วง 12,900 ถึง 21,000 บาท

เป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าน่ามองตัวหนึ่ง

แปล/เรียบเรียง – ทีมข่าวสดไอที

ภาพ – แอนดรอยด์อูธอริตี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน