วงการนักเล่นเกม หรือเกมเมอร์ หากกล่าวถึงหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขวัญใจระดับพรีเมียมของเกมเมอร์ไทย หนีไม่พ้น Republic of Gamers (ROG) จากค่าย เอซุส (ASUS) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ชื่อก้องโลกจากไต้หวัน
ตลาดที่ทาง ROG จากเอซุสยืนหนึ่งเสมอมาเป็นเกมมิ่งโฟน หรือสมาร์ตโฟน ที่ออกแบบมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโต และเริ่มมีคู่แข่งรายอื่นทยอยเข้ามาเขย่าบัลลังก์ของ ROG มากขึ้นเรื่อยๆ

ฟีเจอร์แน่น
ROG Phone 8 Series เป็นภาคต่อสุดยอดเกมมิ่งโฟนจากเอซุสในปีนี้ แต่จะรักษาบัลลังก์ราชาเกมมิ่งโฟนไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งน่ากลัวอย่าง Red Magic 9 Series จากค่ายนูเบีย (NUBIA) ประเทศจีน
ROG Phone 8 Series ประกอบด้วย 3 รุ่น ได้แก่ ROG Phone 8, ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 Pro Edition (Pro+AeroActive Cooler X) โดยรุ่นหลังสุดนั้นเป็นรุ่นที่ผู้ทดสอบได้มาทดลองใช้งานอยู่นานราวครึ่งเดือน
การออกแบบภายนอกแม้เอซุสยังคงคอนเซ็ปต์เน้นสุดยอดความทันสมัยไว้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปสังเกตและสัมผัสได้ชัดเจนที่สุด เป็นขนาดที่บางลงเหลือ 8.9 มิลลิเมตร น้ำหนักที่ลดลงเหลือ 225 กรัม ภายใต้วัสดุอะลูมิเนียมเดิม
กระจกหน้าเปลี่ยนมาเป็น Gorilla Glass Victus 2 กระจกด้านหลังแบบพื้นผิวด้าน ไม่ดูดรอยนิ้วมือ (แต่ลื่นมือกว่าเดิม) พร้อมลวดลายแถบแหลมผ่าทแยง และไฟ RGB สำหรับรุ่น ROG Phone 8 และไฟ Anime Vision สีขาว สำหรับรุ่น ROG Phone 8 Pro ซึ่งซ่อนอยู่ใต้ผิวกระจกอย่างแนบเนียน เพิ่มสีสันความเท่สะกดสายตา ปรับและสร้างเองได้ 341 แบบ
ขณะที่หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว เอซุสปรับให้ขอบบนกับล่างบางลงร้อยละ 71 ขอบข้างเหลือน้อยลงร้อยละ 14

โมดูลกล้องหลัง
การปรับรูปโฉมของ ROG Phone 8 Series หนนี้ เป็นผลโดยตรงจากการเก็บข้อมูลจากเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการกล้องถ่ายภาพที่ดีขึ้น เครื่องเบาและบางลง รวมถึงฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่มากขึ้น อาทิ การชาร์จไร้สาย และฟีเจอร์ด้านเกม
ผู้ทดสอบมองว่า การปรับโฉมล่าสุดเป็นสิ่งน่ายินดี เพราะส่วนตัวมองว่า ROG Phone รุ่นก่อนๆ หนักและหนาเกินไป ทำให้รู้สึกเทอะทะ
นอกจากนั้นน้ำหนักที่มากทำให้เวลาถือเล่นเกมมือเดียวจะหนักข้อไปเล็กน้อย (แต่ยังไงก็แหกถ้านอนเล่นแล้วตกใส่หน้าตัวเอง) ส่วนขอบที่บางลงนั้นทำให้การเล่นเกมและชมคอนเทนต์ต่างๆ เต็มจอได้อรรถรสมากขึ้น

พัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X
แต่ที่ผู้ทดสอบยังไม่ค่อยถูกใจ คือ โมดูลกล้องที่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องค่อนข้างมาก หากทางเอซุสทำให้เรียบเสมอกันได้หมด ก็จะสมบูรณ์แบบ
หน้าจอแสดงผลถือว่าเอาใจคอเกมสุดๆ นอกเหนือจากขนาดใหญ่เบิ้ม ความละเอียด 1,080×2,400 พิกเซล ยังมีความสว่างถึง 2,500 นิต (nit) เป็นจอ LTPO AMOLED ที่รองรับความถี่ 1 ถึง 120 เฮิร์ตซ์ (Hz) และไปได้สูงสุดถึง 165 Hz มีความไวในการตอบสนองถึง 720 Hz ให้ภาพคมชัดอัดแน่นถึง 388 พิกเซลต่อตารางนิ้ว มีสัดส่วนจอบนเครื่องร้อยละ 88.2

ไฟ ANIME VISION สุดเท่
ฟีเจอร์ภายนอกยังมาครบครันเหมือนเดิม ทั้งมาตรฐานกันฝุ่นและน้ำเข้าระดับ IP68 ช่องหูฟังแบบมินิสเตอริโอ ถาดซิมการ์ดแบบ 2 ด้าน รองรับ 2 ซิม ปุ่มปรับระดับเสียงและเปิดปิดเครื่องตำแหน่งเดิม ปุ่มไม่คม กดถนัดมือ เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือใต้จอภาพที่ตอบสนองว่องไว และช่อง USB-C ทั้งที่สันด้านล่างและด้านข้างสำหรับเวลาเล่นเกม
ลำโพงสเตอริโอที่มากับ ROG Phone 8 Pro ให้คุณภาพเสียงดังกระหึ่มจุใจ ตั้งแต่เบสกระชับเอิบอิ่ม กลางเด่น สูงหวานไม่บาดหู เวทีเสียงกว้างขวาง ลักษณะเสียงพุ่งเข้าหาผู้ใช้ ถือเป็นหนึ่งในลำโพงมือถือดีที่สุดเท่าที่ผู้ทดสอบเคยพบมา ข้อนี้ลองเปรียบเทียบแล้ว “คุณภาพเสียงโดยรวม” ชนะ Red Magic 9 Series
ROG Phone 8 Series ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนจากชิพรวมระบบ (SoC) Snapdragon 8 Gen 3 รุ่นล่าสุดจากค่ายควอลคอมม์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ชิพรุ่นนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร (nm) ถือเป็นรุ่นแรกที่คะแนนเบนช์มาร์กออกมาแล้วเฉือนชนะชิพรุ่นล่าสุดอย่าง A17 Pro ของค่าย Apple (แต่การใช้งานจริงอาจจะอีกเรื่อง) รองรับสัญญาณโทรศัพท์ 5G บลูทูธ 5.3 และ Wi-Fi 7 (ถ้าหาเราเตอร์ W-Fi 7 ได้นะ)

เล่นเกมตื่นตาเต็มจอ (Honkai Star Rail)
ความแตกต่างสำคัญระหว่างรุ่นปกติกับรุ่นโปร อยู่ที่ขนาดจำนวนแรม (RAM) และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (ROM) โดย ROG Phone 8 มีขนาด 12/256 กิกะไบต์ (GB) ตามลำดับ ขณะที่ ROG Phone 8 Pro มีขนาด 16/512 GB
ท้ายสุด ROG Phone 8 Pro Edition มีแรมถึง 24 GB และจุข้อมูลได้ 1 เทร่าไบต์ (TB) เรียกว่า เหลือกิน!
การทดสอบเบนช์มาร์กผ่านแอพพลิเคชั่น Geekbench 6 ยืนยันถึงประสิทธิภาพเหลือกินข้างต้น โดยคะแนนซีพียูแบบคอร์เดียวสูงถึง 2,288 แต้ม และหลายคอร์ได้ถึง 7,323 แต้ม
ส่วนแอพทดสอบประสิทธิภาพหน่วยประมวลกราฟิก หรือจีพียู อย่าง 3DMark ด้วย Wild Life Unlimited ได้คะแนนถึง 19,551 แต้ม (X-Mode) นำหน้าสมาร์ตโฟนที่มีอยู่ในปัจจุบันทุกรุ่น รวมถึง Nubia Red Magic 9 Pro ที่เฉือนชนะคะแนนซีพียู แต่แพ้คะแนนจีพียูให้กับ ROG Phone 8 Pro
คะแนนดังกล่าวสะท้อนผ่านการใช้งานจริงด้วย โดยผู้ทดสอบลองเล่นเกมกราฟิกสูงสุดบน Genshin Impact เกมกาชาชื่อดังจากค่าย Hoyoverse พบว่าสามารถเล่นได้นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยไม่พบปัญหาความร้อนสูงเกิน
หากเล่นในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว 38 ถึง 40 องศาเซลเซียส แต่หากเล่นกลางแจ้ง หรือห้องพัดลม พบว่าอุณหภูมิขึ้นไปได้ถึง 43 องศาเซลเซียส
โดยการติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่างพัดลม AeroActive Cooler X สามารถลดอุณหภูมิลงได้ 1 ถึง 2 องศาเซลเซียส แนะนำให้ติดตั้งไว้ตั้งแต่แรกจะได้ผลดีกว่าการรอให้เครื่องร้อนแล้วค่อยติดตั้ง
ผู้ทดสอบมองว่า การเปลี่ยนโฉมให้เครื่องบางลงของเอซุส อาจมีผลกับระบบระบายความร้อน ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม
แม้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แต่ถือว่าแพ้เรื่องประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้กับทาง Red Magic 9 Pro ที่พบว่าอุณหภูมิอยู่ราว 38 องศาเซลเซียส ไม่ทะลุเกิน 40 องศาเซลเซียส แม้เล่นในห้องพัดลมที่ระยะเวลาทดสอบเท่ากัน
การทดสอบใช้งานทั่วไปพบว่า แบตเตอรี่ขนาด 5,500 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) เหลือเฟือสำหรับการใช้งานตามปกติ สามารถอยู่ได้เกิน 1 วัน แต่หากเล่นเกมที่เปิดกราฟิกเต็มอย่าง Genshin Impact และ Honkai : Star Rail อาจต้องชาร์จเพิ่มระหว่างวัน
โดย ROG Phone 8 Pro รองรับการชาร์จไวขนาด 65 วัตต์ (W) และชาร์จไร้สายขนาด 15 W โดยการทดลองเล่นเกม Honkai : Star Rail ติดต่อกันนาน 1 ชั่วโมง พบว่าแบตฯ ลดลงราวร้อยละ 30 และอุณหภูมิขึ้นไป 42 องศาลเซลเซียส (อุณหภูมิห้องพัดลมเมืองไทย)

กล้อง 1x
การชาร์จพบว่าจากร้อยละ 5 จนถึงร้อยละ 30 ประมาณ 10 นาที ถึงร้อยละ 50 ประมาณ 20 นาที และเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 53 นาที ด้วยชาร์จเจอร์ที่แถมมาขนาด 65 W
ระบบกล้องใน ROG รุ่นใหม่นี้ เอซุสปรับปรุงมาให้ดีขึ้นตามคำเรียกร้อง โดยกล้องหลังเป็นระบบ 3 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (MP) ใช้เซ็นเซอร์ภาพรุ่น IMX890 จากค่ายโซนี่ ประเทศญี่ปุ่น สามารถซูมแท้ได้ 2 เท่า พร้อมระบบต่อต้านภาพสะเทือน

ซูม 10x

ซูม 30x
ถัดมาเป็นกล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 13MP และกล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 32MP ซูมแท้ได้แบบ 3 และ 5 เท่า และซูมเทียมได้แบบ 10 และสูงสุดถึง 30 เท่า พร้อมกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32MP

กล้อง 2x
การทดสอบพบว่า ภาพที่ได้จากกล้องหลักมีความคมชัด และรายละเอียดที่มากขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ยังพบปัญหาเล็กน้อยเรื่องแสงสีอาจจะดูซีดไปบ้างบางครั้ง โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนการซูมถือว่าเป็นส่วนน่าประทับใจที่สุดในกล้องทั้งหมดของรุ่นนี้ เพราะให้รายละเอียดและแสงเงาได้ยอดเยี่ยมมาก
ขณะที่กล้องอัลตราไวด์ ให้รายละเอียดของภาพได้ดีเฉพาะในที่แสงเพียงพอ หากเป็นที่มืดหรือการถ่ายภาพกลางคืนก็อาจแตกยับไปหมด ส่วนการถ่ายคลิป ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะที่ 4K@60fps พบว่า ระบบกันสะเทือนแบบ 6 แกน ของเอซุส ไม่ผิดหวังจริงๆ

ภาพ 0.7x อัลตราไวด์
ผู้ทดสอบมองว่า ROG Phone 8 Pro ที่ทดสอบนั้น เป็นเกมมิ่งโฟนทรงพลังที่สุดของชั่วโมงนี้
แต่การมาถึงของ Red Magic 9 Pro กำลังเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างมาก เนื่องจากประสิทธิภาพคู่คี่ชนิดเฉือนกันไปมา แม้กล้องจะไม่ค่อยดีเท่า แต่ราคาโดยรวมของ Red Magic 9 Series จากจีน ต่ำกว่าทาง ROG ของเอซุส จากไต้หวัน

กล้อง 10x
อย่างไรก็ตาม ROG Series จากเอซุส เป็นผลิตภัณฑ์จากค่ายที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และไว้ใจของคนไทยมานาน ด้วยซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันล้นหลาม ความพรีเมียม โดยเฉพาะรุ่นล่าสุดมีกล้องถ่ายภาพที่ดีขึ้นมาก
จอภาพความถี่และความสว่างสูงกว่าคู่แข่ง รวมถึงรองรับชาร์จไร้สายช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตสำหรับหลายคน ทำให้ ROG Phone 8 Series ยังคงเป็นสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมที่ครบครัน ทั้งในแง่การใช้งานและการเล่นเกมกว่าคู่แข่ง

กล้อง 3x
สำหรับราคาจำหน่าย ROG Phone 8 ขนาด 12/256GB (Phantom Black/Storm Grey) สนนราคาที่ 29,990 บาท
ROG Phone 8 Pro ขนาด 16/512 (Phantom Black) ราคา 37,990 บาท
ROG Phone 8 Pro Edition ขนาด 24GB/1TB (Phantom Black) with AeroActive Cooler X in box ราคา 47,990 บาท
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจรายเดือนกับค่าย AIS 5G ติดตามรายละเอียดได้ที่ตัวแทน AIS ทุกสาขา วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย
ทีมข่าวสดไอที
จันท์เกษม รุณภัย