เอซุส ผู้พัฒนาสินค้าไอทีชื่อก้องโลกจากไต้หวัน เปิดตัวโน้ตบุ๊กชั้นธุรกิจ เจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานระดับสูง พร้อมขุมพลังจากระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ผสมผสานการออกแบบที่หรูหราทันสมัยและความทนทานที่เหนือกว่า
ความน่าประทับใจแรกของโน้ตบุ๊ก Asus ExpertBook P5 ที่ผู้ทดสอบได้มาทดลองใช้ เริ่มตั้งแต่การออกแบบภายนอกที่ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมภายใต้สีเทา Misty Grey ผิวด้านทั้งตัวเครื่อง ผสมผสานกับโฉมหน้าที่เรียบหรู ขอบเครื่องที่เจียระไนมาอย่างพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกมีระดับทุกสัมผัส

พอร์ตขวา
สำคัญที่สุดคือ เอซุสคำนึงถึงเรื่องความทนทานของเครื่องที่ผ่านการทดสอบ 21 ขั้นตอนตามมาตรฐาน MIL-STD 810H ของกองทัพสหรัฐอเมริกา ทั้งยังออกแบบพิเศษในจุดที่ใช้งานบ่อย เช่น บานพับจอแสดงผลทำจากสแตนเลสและเสริมความหนา 1.2 มิลลิเมตร เกินกว่ามาตรฐานทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีแผ่นยางติดกับเมนบอร์ดและสกรูแบตเตอรี่เพื่อลดแรงกระแทก เมื่อโน้ตบุ๊กได้รับแรงกระแทกจากภายนอก แผ่นยางเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเกิดการกระแทก ช่วยลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย
การใช้งานสะดวกสบายเพราะออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ภายใต้แบบฉบับความเรียบหรู พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 1.27 กิโลกรัม บางเพียง 1.49 เซนติเมตร

ซองกำมะหยี่
มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 14 นิ้ว แบบผิวด้านแต่ป้องกันแสงสะท้อน ความละเอียด 2,560 x 1,600 พิกเซล อัตราส่วน 16:10 ความสว่างสูงสุด 400 นิต รองรับความถี่สูงสุดถึง 144 เฮิร์ซต์ (Hz)
เหมาะสำหรับการทำงานในระยะยาว รวมถึงมีทัชแพดกระจกขนาดใหญ่และคีย์บอร์ดแบบเต็มพื้นที่ และมีแสงไฟด้านหลังชัดเจนแบบเต็มปุ่ม
บริเวณขอบบนของจอภาพบางเฉียบ มีกล้องความละเอียด 1080p พร้อมกล้องอินฟราเรดในตัว ทำงานร่วมกับ Microsoft Windows Hello ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบ Windows ด้วยเพียงการมองแม้ในที่มืด รวมถึงมาตรการความปลอดภัยอื่นอย่างที่ปิดกล้อง เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวแบบเลื่อนเองด้วยมือ

ใต้เครื่อง
ลำโพงสเตอริโอเสียงดังกระหึ่ม คุณภาพเสียงน่าประทับใจ รองรับเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos ให้เวทีเสียงค่อนข้างกว้าง เสียงเบสมีมวลให้ความรู้สึกอิ่มเอม กระชับ เสียงกลางโดดเด่นมีรายละเอียดชัด เสียงสูงหวานไม่แหลมแสบหู เร่งเสียงสุดไม่พบปัญหาเสียงแตก เรียกว่า เป็นหนึ่งในโน้ตบุ๊กที่เสียงดีมากทีเดียว
เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือแบบ Match-on-Chip เก็บข้อมูลชีวอัตลักษณ์แยกไว้บนชิพภายในเครื่อง ช่องล็อก Kensington เอาไว้ล็อกเครื่องกับโต๊ะ และการควบคุมการเข้าถึงพอร์ต USB ตลอดจนซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจาก McAfee+ Premium ครอบคลุมสำหรับคอมพิวเตอร์ PC, Mac, สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ตฟรี 1 ปี พร้อมระบบ AI DeepFake Detector ตรวจหาการปลอมแปลงภาพด้วยเอไอ

ประสิทธิภาพ GPU อยู่ในเกณฑ์ดี (PCMARK10)
การเชื่อมต่อภายนอก Asus ExpertBook P5 มีมาครบครัน ไม่ว่า Wi-Fi7, Bluetooth LE, Thunderbolt 4 USB-C จำนวน 2 ช่อง รองรับการชาร์จเร็ว และการเชื่อมต่อจอภาพความละเอียดได้ถึง 4K@60fps พร้อมกัน 2 จอภาพ
รวมถึงการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง HDMI 2.1 ขนาดมาตรฐานเต็ม USB 3.2 Gen 2 Type A จำนวน 2 ช่อง อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 10 กิกะบิตต่อวินาที (Gbps) และช่องหูฟังแบบมินิสเตอริโอ โดยเอซุสแถมอแด็ปเตอร์แปลงจาก USB-A to Ethernet มาให้ด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่อผ่าน LAN

Intel Core Ultra 7 258V ประหยัดไฟสุดยอด
Asus ExpertBook P5 ใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดเป็น Intel Core Ultra 7 258V ชิพใหม่จากค่ายอินเทลในรหัส Lunar Lake ที่มีจุดเด่นสุดในเรื่องความประหยัดไฟ แม้อินเทลจะอยู่ในช่วงกระเสือกกระสนหลังตกเป็นรองคู่แข่งอย่างค่าย AMD ในแทบทุกด้าน
แต่ชิพล่าสุด Intel Core Ultra 7 200V Series เป็นการปรับเปลี่ยนหลักการออกแบบใหม่ โดยอินเทลเชื่อว่า ผู้ใช้โน้ตบุ๊กต้องการประสิทธิภาพการใช้พลังงานมากที่สุด แลกกับประสิทธิภาพที่ไม่เกินความจำเป็น

ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 11
สำหรับ Intel Core Ultra 7 258V จะมีหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ทั้งหมด 8 คอร์ แบ่งเป็น Pcore (Performance core) จำนวน 4 คอร์ และ LPEcore (Low Power Efficiency core) อีก 4 คอร์ มีความถี่สัญญาณนาฬิกาฐาน 1.8 กิกะเฮิร์ซต์ (GHz) ความถี่เทอร์โบสูงสุด 4.8 GHz
หน่วยประมวลผลข่ายประสาท (NPU) ขีดความสามารถในการคำนวณสูงสุด 47 ล้านล้านครั้งต่อวินาที (Trillions of Operations Per Second – TOPS) หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Intergrated GPU รุ่น Intel Arc 140V และหน่วยความจำแรม (RAM) LPDDR5X ขนาด 32 กิกะไบต์ (GB)
ประสิทธิภาพของ Asus ExpertBook P5 นั้นจัดว่าอยู่ในระดับกลาง เหมาะสำหรับการทำงานเอกสารทั่วไป งานศิลปะพื้นฐาน และการค้นคว้าข้อมูล รวมถึงความบันเทิง เช่น การชมภาพยนตร์ ฟังเพลง และเล่นเกมเพื่อผ่อนคลาย (ไม่แนะนำสำหรับสายเกม) แต่ด้วยความที่เป็นชั้นธุรกิจก็จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยและเรื่องความหรูหราเติมเข้ามา

พอร์ตซ้าย
ทว่า จุดเด่นที่สุดของชิพตัวนี้ คือ ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในชิพประหยัดพลังงานที่สุดในโน้ตบุ๊กชั่วโมงนี้ เกือบๆ จะเท่าชิพ Apple M3 ส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานนั้น ยาวนานน่าประทับใจ
จากการทดสอบ โน้ตบุ๊กสามารถใช้งานทั่วไปได้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ (09.00 ถึง 23.00 น.) แบตเตอรี่เหลือราวร้อยละ 10 ขณะที่ระยะเวลาการชาร์จจนเต็ม จากร้อยละ 10 ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง
แต่ทั้งหมดนี้แลกกับประสิทธิภาพการทำงานแบบหลายคอร์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สุดของชิพรุ่นนี้
อีกจุดขายของ Asus ExpertBook P5 เป็นการนำพลังของ AI มาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ รวมถึง Microsoft Copilot+ และฟีเจอร์ AI ของเอซุส เช่น โปรแกรม ExpertMeet ที่ให้เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
เช่น AI Meeting Minutes ช่วยให้สามารถบันทึกเสียงแบบ real time สามารถนำเข้าข้อมูลจากไฟล์ที่บันทึกไว้ล่วงหน้า และจะถอดความและสรุปเนื้อหา AI Transcript แบบ real time
หรือทำงานผ่านแหล่งเสียงที่มีอยู่ในอุปกรณ์ เช่น ไมโครโฟน หรือแอปพลิเคชั่นสื่อสาร ภาษาหลักๆ ที่รองรับจะถูกเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ในอนาคต น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับภาษาไทย (อยู่ระหว่างการพัฒนา)
นอกจากนี้ ยังมี Business Watermark ช่วยสร้างลายน้ำเพื่อปกป้องเอกสารการทำงานที่มีความสำคัญระหว่างการประชุม โดยลายน้ำนี้จะไม่ประทับลงบนเอกสารต้นฉบับ แต่เป็นเพียงการแสดงบนหน้าจอในระหว่างการนำเสนอ

โอ่โถ่งสบายมือ
สำหรับผู้ใช้นักธุรกิจที่ต้องเดินทางและทำงานระยะไกลบ่อย คุณภาพเสียงเป็นสิ่งสำคัญ จึงมีฟีเจอร์อย่าง ASUS Two-Way AI Noise Cancellation ช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินและสื่อสารได้ชัดเจนในทุกสถานการณ์
ขณะที่ประสบการณ์การประชุม โน้ตบุ๊กรุ่นนี้มาพร้อมโปรแกรม Microsoft Studio Effects ที่ใช้พลังจากเอไอสร้างเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ได้ อาทิ การเบลอพื้นหลัง การทำ Eye Contact การจัดเฟรมอัตโนมัติ การโฟกัสเสียง ไฟแบบพอร์ตเทรต ฟิลเตอร์สร้างสรรค์ และ Teleprompter Eye Contact ไว้เป็นสคริปต์สำหรับอ่านโดยไม่ต้องละสายตา
ผู้ทดสอบ มองว่า Asus ExpertBook P5 เป็นโน้ตบุ๊กชั้นธุรกิจที่มีประสิทธิภาพระดับกลาง เหมาะกับการใช้ทำงานเอกสารและรองรับความบันเทิงทั่วไป โดยมีเรื่องของการออกแบบที่หรูหรา และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเติมเข้ามา กับการนำพลังของเอไอเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการทำงาน
มีไฮไลต์เป็นชิพ Intel Core Ultra 7 258V ประหยัดไฟที่สุดเท่าที่ผู้ทดสอบเคยทดลองใช้มาในโน้ตบุ๊ก (ที่ไม่ใช่จาก Apple) สนนราคาที่ 54,990 บาท เป็นไอเท็มที่เหมาะมากกับที่ประกอบอาชีพธุรกิจ โดยทางเอซุสจะแถมซองกำมะหยี่มาให้ด้วย วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย
ทีมข่าวสดไอที
จันท์เกษม รุณภัย