การฉีดโบท็อกกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน เพราะเห็นผลชัดเจน อยู่ได้นาน 4-6 เดือน และราคาไม่แพง ในบทความนี้หมอมีวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก และหลังฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติมาแนะนำครับ

หากคนไข้ละเลยขั้นตอนการปฏิบัติตัวเหล่านี้ จะทำให้ต้องฉีดโบท็อกบ่อยขึ้นเพราะโบท็อกสลายเร็ว ซึ่งนอกจากจะเสียเงินเยอะขึ้นแล้ว ยังทำให้มีโอกาสดื้อโบท็อกได้ง่ายขึ้นด้วยครับ

ข้อมูลที่ควรศึกษาสำหรับคนที่ต้องการฉีดโบท็อก

  1. ก่อนฉีดโบท็อก ควรเตรียมตัวอย่างไร?
  2. หลังฉีดโบท็อก ควรปฎิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น?
  3. หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไรบ้าง เพื่อรักษาให้โบท็อกอยู่ได้นาน?
  4. หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง?
  5. ใครบ้างที่ห้ามฉีดโบท็อก?
  6. ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อก
  7. สรุป การเตรียมตัวฉีดโบท็อก
  8. ฉีดโบท็อก ราคา?

ก่อนอื่นหมออยากให้เข้าใจกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก เพื่อให้เข้าใจว่าวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีด-หลังฉีดโบท็อกนั้นทำเพื่ออะไร และส่งผลอย่างไรบ้างครับ

โบท็อก เป็นโปรตีนในน้ำใสๆ เมื่อฉีดเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ จะแยกเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 ที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาทเท่านั้น จึงจะออกฤทธิ์และถ้าส่วนนี้มีความเข้มข้นสูงก็ จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ

ส่วนที่ 2 ที่ไม่ถูกดูดซึม จะปลิวไปตามกระแสเลือดภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชม. หลังฉีด และถูกขับออกไปในที่สุด โดยไม่มีผลต่อเซลล์อื่นๆ ของร่างกาย (เสียไปฟรีๆ)

ก่อนฉีดโบท็อก ควรเตรียมตัวอย่างไร?

สิ่งที่ควรทำและวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกส่วนที่ 2 ปลิวออกไปน้อยที่สุด และทำให้ส่วนที่ 1 เข้มข้นขึ้น โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ มีดังนี้

 

1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้โบท็อกแท้เท่านั้น

 

อันดับแรกเลือกว่าจะฉีดโบท็อก ที่ไหนดี คนไข้ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่ต้องการฉีดอย่างละเอียด ว่ามีการเปิดที่ถูกต้อง มีใบรับรองหรือไม่ และต้องฉีดโบท็อกแท้เท่านั้นครับ เนื่องจากโบท็อกแท้จะมีการกระจายตัวต่ำ ฉีดจุดไหนจะอยู่จุดนั้น ลดการปลิวออกไปของโบท็อก ดังนั้นก่อนฉีดทุกครั้งต้องตรวจสอบว่าเป็น “โบท็อกของแท้”

ก่อนฉีดต้องศึกษาวิธีสังเกตโบท็อกแท้ยี่ห้อต่างๆ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ วิธีสังเกตโบท็อกแท้ยี่ห้อต่างๆ ครับ และก่อนฉีดโบท็อกควรให้หมอแกะกล่องเปิดขวด ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า หลังฉีดควรขอกล่องและขวดกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบว่าเป็นฉีดโบท็อกของแท้จริงๆ (หากเป็นคลินิกที่ใช้ของแท้ก็จะยินดีให้คนไข้ตรวจสอบได้แน่นอนครับ)

📌โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา/เกาหลี/อังกฤษ/เยอรมัน ต่างกันอย่างไร?

ในโบท็อกที่ได้รับความนิยม โบท็อกอเมริกาจะมีค่าการกระจายตัวต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ แต่ราคาก็จะสูงกว่าเท่าตัวครับ ซึ่งหมอมีการเขียนอธิบายอย่างละเอียดในบทความนี้ครับ ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา / เกาหลี / อังกฤษ / เยอรมัน ต่างกันอย่างไร?

 

2. การผสมน้ำเกลือของโบท็อก

 

โบท็อกแท้ทุกยี่ห้อ จะมาในรูปแบบสูญญากาศแห้งๆ ไม่มีน้ำ ต้องใส่น้ำเกลือลงไปละลายเพื่อดูดออกมาฉีดครับ ถ้ามีการเจือจางน้ำเกลือมากเกินไป จะทำให้โบท็อกปลิวไปง่ายขึ้น ประสิทธิภาพลดลง ปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสม คือน้ำเกลือ 2.6 cc ต่อ โบท็อก 100 ยูนิตครับ

ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป ถ้าผสมเป็นน้ำมาแล้ว เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโบท็อกถูกเจือจางมากแค่ไหนครับ

3. เทคนิคการฉีดโบท็อก

นอกจากคลินิกและการใช้โบท็อกแท้ อีกปัจจัยสำคัญที่ควรดูก่อนฉีดโบท็อก คือการเลือกหมอที่มีประสบการณ์ครับ สามารถประเมินกล้ามเนื้อที่จะฉีดโบท็อก ว่าจุดไหนความลึกเท่าไร และต้องใช้ปริมาณเท่าไร

การฉีดโบท็อกไม่ตรงจุดกล้ามเนื้อที่จริงก็ได้ผลครับ แต่จะเห็นผลช้าและอยู่ได้สั้นลง เพราะต้องรอให้ตัวยาโบท็อกแพร่กระจายจากจุดที่ฉีดไปยังจุดที่ต้องการ และส่วนที่ปลิวกระจายไปจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกครับ

4. ไม่ควรใช้จำนวนยูนิต ในแต่ละครั้งเกิน 300 ยูนิต

การใช้จำนวนโบท็อกมากๆ เพิ่มโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงเทคนิคการฉีดที่ไม่ได้ฉีดโบท็อกเข้ากล้ามเนื้อโดยตรง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยา และไม่ควรใช้จำนวนยูนิตน้อยเกินไปในแต่ละจุด เพราะจะทำให้หมดฤทธิ์ไวและต้องฉีดบ่อยขึ้นก็จะเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกได้เช่นกันครับ หมอที่มีประสบการณ์จะช่วยประเมินว่าคนไข้ควรใช้โบท็อกกี่ยูนิต จึงจะเหมาะสมครับ

5.การประคบเย็นระหว่างฉีดโบท็อก

ระหว่างฉีดควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบๆ บริเวณที่ฉีดครับ จะทำให้โบท็อกอยู่เฉพาะจุดที่หมอต้องการฉีด และไม่ปลิวออกไปน้อยลง

หลังฉีดโบท็อก ควรปฎิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดี?

  • หลังฉีดโบท็อกทันทีในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง

(หลังฉีดโบท็อกควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที)

โดยหลังจากฉีดโบท็อกเสร็จทั้งหมด ควรบริหารกล้ามเนื้อที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด แต่ช่วงหลังฉีดที่ขยับกล้ามเนื้อก็ไม่ควรประคบเย็น เพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท (เป็นการใช้ความเย็นบล็อครอบๆ ตอนฉีด แล้วขยับกล้ามเนื้อหลังฉีดเพื่อดึงโบท็อกเข้าเซลล์ครับ)

สำหรับคนที่ฉีดโบท็อกกราม หลังฉีดจะแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อเป็นการขยับกล้ามเนื้อกราม ทำให้โบท็อกซึมได้ดีขึ้นครับ

หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไรบ้าง เพื่อรักษาให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ่้น?

  • หลังฉีดโบท็อกควรงดนอนราบ 3 ชม.

หลังฉีดโบท็อกไม่ควรนอนราบ และงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น ส่งผลให้โบท็อกจะปลิวไปเยอะขึ้นครับ การไหลเวียนของเลือด (Metabolism) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น

  • ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง

ควรหลีกเลี่ยงความร้อน โดยเฉพาะในช่วง 2 อาทิตย์แรกหลังฉีด (หากทำไม่ได้ก็ขออย่างน้อย 48 ชม.หลังฉีดครับ) เช่น เข้าซาวน่า, ออกกำลังกายหนักๆ, ตากแดด, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด

  • หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรถือโอกาสทำมาก่อนฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดจะต้องงดไป 2 อาทิตย์ จึงจะทำต่อได้

ในกรณีหลังจาก 2 อาทิตย์ไปแล้ว กิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่ออายุของโบท็อกได้บ้าง แต่ไม่มาก ที่มีผลมากที่สุดคือ การเข้าซาวน่าและเลเซอร์ร้อน ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องงด เช่น การงดออกกำลังการเพื่อทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นอันนี้ไม่คุ้มครับ เพราะการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ และช่วยให้ผิวใสขึ้น แค่หลีกเลี่ยงความร้อนเท่าที่ทำได้ก็พอครับ

หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง?

  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
  • หมูกะทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
  • อาหารที่เผ็ดมากๆ แสบร้อนจนหน้าแดง
  • อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
  • งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด

สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกได้ในบทความ [ข้อห้าม] หลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ l อัพเดท! 2020

หลังฉีดโบท็อก แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุ zinc 50 mg

ในงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไวขึ้น ออกฤทธิ์ดีขึ้น ช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ในบางเคสก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงของโบท็อกได้มากขึ้นครับ เพราะเสริมฤทธิ์รุนแรงเกินไป

ดังนั้นในการกินธาตุสังกะสีปริมาณมากๆ จึงแนะนำให้กินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะครับ ส่วนมากจะใช้ในเคสที่มีอาการขาดแร่ธาตุสังกะสีชัดเจน หรือเคสที่เริ่มดื้อโบท็อก (อาการคือฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน) เท่านั้นครับ

แต่หากกินจากอาหารหรือกินในปริมาณปกติตามที่ Thai RDA กำหนด คือไม่เกิน 15-20 mg/วัน ก็สามารถกินเสริมได้ปกติครับ ในคนที่สังเกตตัวเองว่ามีอาการขาดธาตุสังกะสี เช่น ผมร่วงแตกปลาย, เป็นแผลเรื้อรัง, ผิวแห้งลอก, เป็นผื่นง่าย, เล็บแห้งเปราะหักง่าย ก็แนะนำให้กินก่อนหรือหลังฉีดโบท็อกได้ครับ จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ

อาการที่มีแร่ธาตุสังกะสี

  • เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 1.5-4 mg/100 g
  • หอยนางรม 75 mg/100 g
  • ตับ 4-7 mg/100 g
  • ไข่แดง 1.5 mg/100 g
  • ในพืชผักผลไม้มีปริมาณน้อยและดูดซึมได้ยาก

ใครบ้างที่ห้ามฉีดโบท็อก?

ข้อห้ามการฉีดโบท็อก แบบที่ไม่สามารถฉีดได้ (Absolute contraindication)

  • คนที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง อาจจะอันตรายถึงชีวิต
  • คนที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืน
  • คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่างๆ
    – amyotrophic lateral sclerosis (ALS)
    – Lou Gehrig’s disease
    – myasthenia gravis
    – Lambert-Eaton syndrome
  • มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
  • มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

อ้างอิงจาก
https://www.allergan.com/miscellaneous-pages/allergan-pdf-files/botox_med_guide https://www.drugs.com/drug-interactions/onabotulinumtoxina,botox-index.html

กรณีที่สามารถฉีดได้แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

  • มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก
  • โบท็อกประกอบด้วย : Botulinum toxin type A, Human albumin, Sodium chloride
  • ในคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่มีการศึกษาที่รับรองความปลอดภัยของการฉีดโบท็อก
  • สำหรับคนที่อายุ 12-18 ปี มีการศึกษารับรองความปลอดภัยในบางกรณีเท่านั้น (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)

ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อก

  • ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม

ไม่ฉีดโบท็อกถี่เกินไป (อย่างต่ำควรเว้น 3 เดือน) และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน) เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ และอาจจะต้องใช้ยูนิตของโบท็อกเยอะขึ้น

  • พยายามไม่เคี้ยวอาหารเหนียวๆ โดยไม่จำเป็น

เพราะการที่เรากระตุ้นกล้ามเนื้อบ่อยๆ จะทำให้เซลล์เส้นประสาทงอกขึ้นมาใหม่ได้ ถึงแม้โบท็อกจะยังไม่หมดฤทธิ์เซลล์ประสาทที่งอกมาก็จะสามารถขยับกล้ามเนื้อได้ อีกทั้งการขยับกล้ามเนื้อยังเพิ่มการไหลเวียนกระแสเลือดในบริเวณนั้นๆ ทำให้โบท็อกส่วนที่ 1 ที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ประสาท สลายไปได้ไวขึ้นครับ

สรุป การเตรียมตัวฉีดโบท็อก

ก่อนฉีดโบท็อก

  • ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อก ดูว่าต้องเตรียมตัวอย่าง ได้ผลการรักษาแบบที่ต้องการหรือไม่
  • ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์
  • ศึกษาวิธีตรวจสอบโบท็อกแท้
  • ดูว่าการฉีดโบท็อกมีข้อห้าม หรือข้อควรระวังอะไรบ้าง
  • ดูรีวิว จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกที่จะไปทำ

หลังฉีดโบท็อก

  • หลังฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณเสร็จทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดแล้วทันที 1-2 ครั้ง
  • สามารถทาครีมทับบริเวณเข็มได้ และแต่งหน้าทับได้ปกติ หลังฉีดโบท็อก 48 ชม.
  • รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่จะค่อยๆจางลงเองใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อน
  • ดูแลและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดและความร้อน
  • เห็นผลจากการฉีดโบท็อกลดกรามคือ กัดกรามจะไม่เด้ง แต่กรามจะยังไม่ยุบลง ต้องใช้เวลา 2 เดือนจึงจะยุบเต็มที่

หลังฉีดโบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนโบท็อกลดกราม กรามจะเริ่มนิ่มใน 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์เมื่อกัดกรามแล้วจะไม่เด้ง และเห็นผลกรามเล็กลงชัดเจนใน 2-3 เดือนครับ

ฉีดโบท็อก ราคา?

ฉีดโบท็อกราคาไม่แพง เริ่มต้นที่หลักพันเท่านั้นครับ มีความปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน ปัจจุบันการฉีดโบท็อก ราคา ไม่แพง และมีโปรโมชั่นโบท็อกหลากหลาย แต่ละจุดมีราคาต่างกันไป โดยจุดที่ได้รับความนิยม ได้แก่ โบท็อกลดริ้วรอย โบท็อกกรามและโบท็อกเฉพาะจุดครับ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเข้ามาปรึกษาคุณได้ที่ V Square Clinic ทั้ง 14 สาขา หรือสามารถปรึกษาคุณหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ คุณหมอตอบเองครับ

เอกสารอ้างอิง

1 Mark Hallett. (2015). Explanation of Timing of Botulinum Neurotoxin Effects, Onset and Duration, and Clinical Ways of Influencing Them. แหล่งข้อมูล:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4658210/?report=classic

2.Briefel RR, Bialostosky K, Kennedy-Stephenson J, McDowell MA, Ervin RB, Wright JD. (1988-1994). Zinc intake of the U.S. population: findings from the third National Health and Nutrition Examination Survey, The Journal of nutrition. 2000 May;130(5S Suppl):1367S–73S.

  1. นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์. (2522). พบคนไทยเสี่ยงขาดธาตุสังกะสี(zinc). แหล่งข้อมูล:https://www.gotoknow.org/posts/304343
  2. Flynn TC. Am J Clin Dermato. (2010). Botulinum toxin: examining duration of effect in facial aesthetic applications. แหล่งข้อมูล:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/m/pubmed/20369902/

5.Eleopra R, Tugnoli V, De Grandis D, (1997).The variability in the clinical effect induced by botulinum toxin type A: the role of muscle activity in humans. Mov Disord 12(1) 89–94.

6.Simpson L, (2013). The life history of a botulinum toxin molecule. Toxicon Jun 68:40–59.

ขอขอบคุณ

https://www.vsquareclinic.com/

https://www.vsquareclinic.com/blogs/truth-about-botox/

https://www.vsquareclinic.com/blogs/botox/

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน