การฉีดโบท็อกกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน เพราะเห็นผลชัดเจน อยู่ได้นาน 4-6 เดือน และราคาไม่แพง ในบทความนี้หมอมีวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก และหลังฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติมาแนะนำครับ
หากคนไข้ละเลยขั้นตอนการปฏิบัติตัวเหล่านี้ จะทำให้ต้องฉีดโบท็อกบ่อยขึ้นเพราะโบท็อกสลายเร็ว ซึ่งนอกจากจะเสียเงินเยอะขึ้นแล้ว ยังทำให้มีโอกาสดื้อโบท็อกได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
ข้อมูลที่ควรศึกษาสำหรับคนที่ต้องการฉีดโบท็อก
- ก่อนฉีดโบท็อก ควรเตรียมตัวอย่างไร?
- หลังฉีดโบท็อก ควรปฎิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น?
- หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไรบ้าง เพื่อรักษาให้โบท็อกอยู่ได้นาน?
- หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง?
- ใครบ้างที่ห้ามฉีดโบท็อก?
- ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อก
- สรุป การเตรียมตัวฉีดโบท็อก
- ฉีดโบท็อก ราคา?
ก่อนอื่นหมออยากให้เข้าใจกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก เพื่อให้เข้าใจว่าวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีด-หลังฉีดโบท็อกนั้นทำเพื่ออะไร และส่งผลอย่างไรบ้างครับ
โบท็อก เป็นโปรตีนในน้ำใสๆ เมื่อฉีดเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ จะแยกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาทเท่านั้น จึงจะออกฤทธิ์และถ้าส่วนนี้มีความเข้มข้นสูงก็ จะทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ
ส่วนที่ 2 ที่ไม่ถูกดูดซึม จะปลิวไปตามกระแสเลือดภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชม. หลังฉีด และถูกขับออกไปในที่สุด โดยไม่มีผลต่อเซลล์อื่นๆ ของร่างกาย (เสียไปฟรีๆ)
ก่อนฉีดโบท็อก ควรเตรียมตัวอย่างไร?
สิ่งที่ควรทำและวิธีปฎิบัติตัวก่อนฉีดโบท็อก ที่จะทำให้โบท็อกส่วนที่ 2 ปลิวออกไปน้อยที่สุด และทำให้ส่วนที่ 1 เข้มข้นขึ้น โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ มีดังนี้
1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
อันดับแรกเลือกว่าจะฉีดโบท็อก ที่ไหนดี คนไข้ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่ต้องการฉีดอย่างละเอียด ว่ามีการเปิดที่ถูกต้อง มีใบรับรองหรือไม่ และต้องฉีดโบท็อกแท้เท่านั้นครับ เนื่องจากโบท็อกแท้จะมีการกระจายตัวต่ำ ฉีดจุดไหนจะอยู่จุดนั้น ลดการปลิวออกไปของโบท็อก ดังนั้นก่อนฉีดทุกครั้งต้องตรวจสอบว่าเป็น “โบท็อกของแท้”
ก่อนฉีดต้องศึกษาวิธีสังเกตโบท็อกแท้ยี่ห้อต่างๆ โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ วิธีสังเกตโบท็อกแท้ยี่ห้อต่างๆ ครับ และก่อนฉีดโบท็อกควรให้หมอแกะกล่องเปิดขวด ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า หลังฉีดควรขอกล่องและขวดกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบว่าเป็นฉีดโบท็อกของแท้จริงๆ (หากเป็นคลินิกที่ใช้ของแท้ก็จะยินดีให้คนไข้ตรวจสอบได้แน่นอนครับ)
📌โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา/เกาหลี/อังกฤษ/เยอรมัน ต่างกันอย่างไร?
ในโบท็อกที่ได้รับความนิยม โบท็อกอเมริกาจะมีค่าการกระจายตัวต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ แต่ราคาก็จะสูงกว่าเท่าตัวครับ ซึ่งหมอมีการเขียนอธิบายอย่างละเอียดในบทความนี้ครับ ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา / เกาหลี / อังกฤษ / เยอรมัน ต่างกันอย่างไร?
2. การผสมน้ำเกลือของโบท็อก
โบท็อกแท้ทุกยี่ห้อ จะมาในรูปแบบสูญญากาศแห้งๆ ไม่มีน้ำ ต้องใส่น้ำเกลือลงไปละลายเพื่อดูดออกมาฉีดครับ ถ้ามีการเจือจางน้ำเกลือมากเกินไป จะทำให้โบท็อกปลิวไปง่ายขึ้น ประสิทธิภาพลดลง ปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสม คือน้ำเกลือ 2.6 cc ต่อ โบท็อก 100 ยูนิตครับ
ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป ถ้าผสมเป็นน้ำมาแล้ว เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโบท็อกถูกเจือจางมากแค่ไหนครับ
3. เทคนิคการฉีดโบท็อก
นอกจากคลินิกและการใช้โบท็อกแท้ อีกปัจจัยสำคัญที่ควรดูก่อนฉีดโบท็อก คือการเลือกหมอที่มีประสบการณ์ครับ สามารถประเมินกล้ามเนื้อที่จะฉีดโบท็อก ว่าจุดไหนความลึกเท่าไร และต้องใช้ปริมาณเท่าไร
การฉีดโบท็อกไม่ตรงจุดกล้ามเนื้อที่จริงก็ได้ผลครับ แต่จะเห็นผลช้าและอยู่ได้สั้นลง เพราะต้องรอให้ตัวยาโบท็อกแพร่กระจายจากจุดที่ฉีดไปยังจุดที่ต้องการ และส่วนที่ปลิวกระจายไปจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกครับ
4. ไม่ควรใช้จำนวนยูนิต ในแต่ละครั้งเกิน 300 ยูนิต
การใช้จำนวนโบท็อกมากๆ เพิ่มโอกาสที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงเทคนิคการฉีดที่ไม่ได้ฉีดโบท็อกเข้ากล้ามเนื้อโดยตรง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยา และไม่ควรใช้จำนวนยูนิตน้อยเกินไปในแต่ละจุด เพราะจะทำให้หมดฤทธิ์ไวและต้องฉีดบ่อยขึ้นก็จะเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกได้เช่นกันครับ หมอที่มีประสบการณ์จะช่วยประเมินว่าคนไข้ควรใช้โบท็อกกี่ยูนิต จึงจะเหมาะสมครับ
5.การประคบเย็นระหว่างฉีดโบท็อก
ระหว่างฉีดควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบๆ บริเวณที่ฉีดครับ จะทำให้โบท็อกอยู่เฉพาะจุดที่หมอต้องการฉีด และไม่ปลิวออกไปน้อยลง
หลังฉีดโบท็อก ควรปฎิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดี?
- หลังฉีดโบท็อกทันทีในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
(หลังฉีดโบท็อกควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที)
โดยหลังจากฉีดโบท็อกเสร็จทั้งหมด ควรบริหารกล้ามเนื้อที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด แต่ช่วงหลังฉีดที่ขยับกล้ามเนื้อก็ไม่ควรประคบเย็น เพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท (เป็นการใช้ความเย็นบล็อครอบๆ ตอนฉีด แล้วขยับกล้ามเนื้อหลังฉีดเพื่อดึงโบท็อกเข้าเซลล์ครับ)
สำหรับคนที่ฉีดโบท็อกกราม หลังฉีดจะแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อเป็นการขยับกล้ามเนื้อกราม ทำให้โบท็อกซึมได้ดีขึ้นครับ
หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไรบ้าง เพื่อรักษาให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ่้น?
- หลังฉีดโบท็อกควรงดนอนราบ 3 ชม.
หลังฉีดโบท็อกไม่ควรนอนราบ และงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะขึ้น ส่งผลให้โบท็อกจะปลิวไปเยอะขึ้นครับ การไหลเวียนของเลือด (Metabolism) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น
- ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
ควรหลีกเลี่ยงความร้อน โดยเฉพาะในช่วง 2 อาทิตย์แรกหลังฉีด (หากทำไม่ได้ก็ขออย่างน้อย 48 ชม.หลังฉีดครับ) เช่น เข้าซาวน่า, ออกกำลังกายหนักๆ, ตากแดด, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด
- หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า หรือคอร์สเลเซอร์ที่ต้องทำเป็นประจำ ควรถือโอกาสทำมาก่อนฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดจะต้องงดไป 2 อาทิตย์ จึงจะทำต่อได้
ในกรณีหลังจาก 2 อาทิตย์ไปแล้ว กิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่ออายุของโบท็อกได้บ้าง แต่ไม่มาก ที่มีผลมากที่สุดคือ การเข้าซาวน่าและเลเซอร์ร้อน ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องงด เช่น การงดออกกำลังการเพื่อทำให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นอันนี้ไม่คุ้มครับ เพราะการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ และช่วยให้ผิวใสขึ้น แค่หลีกเลี่ยงความร้อนเท่าที่ทำได้ก็พอครับ
หลังฉีดโบท็อกห้ามกินอะไรบ้าง?
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- หมูกะทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
- อาหารที่เผ็ดมากๆ แสบร้อนจนหน้าแดง
- อาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด
สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกได้ในบทความ [ข้อห้าม] หลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกอยู่ได้นานกว่าปกติ l อัพเดท! 2020
หลังฉีดโบท็อก แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุ zinc 50 mg
ในงานวิจัยพบว่าการกินแร่ธาตุ zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธ์ไวขึ้น ออกฤทธิ์ดีขึ้น ช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น แต่ในบางเคสก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงของโบท็อกได้มากขึ้นครับ เพราะเสริมฤทธิ์รุนแรงเกินไป
ดังนั้นในการกินธาตุสังกะสีปริมาณมากๆ จึงแนะนำให้กินตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะครับ ส่วนมากจะใช้ในเคสที่มีอาการขาดแร่ธาตุสังกะสีชัดเจน หรือเคสที่เริ่มดื้อโบท็อก (อาการคือฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน) เท่านั้นครับ
แต่หากกินจากอาหารหรือกินในปริมาณปกติตามที่ Thai RDA กำหนด คือไม่เกิน 15-20 mg/วัน ก็สามารถกินเสริมได้ปกติครับ ในคนที่สังเกตตัวเองว่ามีอาการขาดธาตุสังกะสี เช่น ผมร่วงแตกปลาย, เป็นแผลเรื้อรัง, ผิวแห้งลอก, เป็นผื่นง่าย, เล็บแห้งเปราะหักง่าย ก็แนะนำให้กินก่อนหรือหลังฉีดโบท็อกได้ครับ จะช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้นครับ
อาการที่มีแร่ธาตุสังกะสี
- เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 1.5-4 mg/100 g
- หอยนางรม 75 mg/100 g
- ตับ 4-7 mg/100 g
- ไข่แดง 1.5 mg/100 g
- ในพืชผักผลไม้มีปริมาณน้อยและดูดซึมได้ยาก
ใครบ้างที่ห้ามฉีดโบท็อก?
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก แบบที่ไม่สามารถฉีดได้ (Absolute contraindication)
- คนที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง อาจจะอันตรายถึงชีวิต
- คนที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืน
- คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่างๆ
– amyotrophic lateral sclerosis (ALS)
– Lou Gehrig’s disease
– myasthenia gravis
– Lambert-Eaton syndrome - มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
อ้างอิงจาก
https://www.allergan.com/miscellaneous-pages/allergan-pdf-files/botox_med_guide https://www.drugs.com/drug-interactions/onabotulinumtoxina,botox-index.html
กรณีที่สามารถฉีดได้แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
- มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก
- โบท็อกประกอบด้วย : Botulinum toxin type A, Human albumin, Sodium chloride
- ในคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่มีการศึกษาที่รับรองความปลอดภัยของการฉีดโบท็อก
- สำหรับคนที่อายุ 12-18 ปี มีการศึกษารับรองความปลอดภัยในบางกรณีเท่านั้น (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อก
- ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม
ไม่ฉีดโบท็อกถี่เกินไป (อย่างต่ำควรเว้น 3 เดือน) และไม่เว้นระยะห่างเกินไป (ไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน) เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ และอาจจะต้องใช้ยูนิตของโบท็อกเยอะขึ้น
- พยายามไม่เคี้ยวอาหารเหนียวๆ โดยไม่จำเป็น
เพราะการที่เรากระตุ้นกล้ามเนื้อบ่อยๆ จะทำให้เซลล์เส้นประสาทงอกขึ้นมาใหม่ได้ ถึงแม้โบท็อกจะยังไม่หมดฤทธิ์เซลล์ประสาทที่งอกมาก็จะสามารถขยับกล้ามเนื้อได้ อีกทั้งการขยับกล้ามเนื้อยังเพิ่มการไหลเวียนกระแสเลือดในบริเวณนั้นๆ ทำให้โบท็อกส่วนที่ 1 ที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ประสาท สลายไปได้ไวขึ้นครับ
สรุป การเตรียมตัวฉีดโบท็อก
ก่อนฉีดโบท็อก
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อก ดูว่าต้องเตรียมตัวอย่าง ได้ผลการรักษาแบบที่ต้องการหรือไม่
- ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์
- ศึกษาวิธีตรวจสอบโบท็อกแท้
- ดูว่าการฉีดโบท็อกมีข้อห้าม หรือข้อควรระวังอะไรบ้าง
- ดูรีวิว จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกที่จะไปทำ
หลังฉีดโบท็อก
- หลังฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณเสร็จทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดแล้วทันที 1-2 ครั้ง
- สามารถทาครีมทับบริเวณเข็มได้ และแต่งหน้าทับได้ปกติ หลังฉีดโบท็อก 48 ชม.
- รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่จะค่อยๆจางลงเองใน 14 วัน ไม่ควรประคบร้อน
- ดูแลและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดและความร้อน
- เห็นผลจากการฉีดโบท็อกลดกรามคือ กัดกรามจะไม่เด้ง แต่กรามจะยังไม่ยุบลง ต้องใช้เวลา 2 เดือนจึงจะยุบเต็มที่
หลังฉีดโบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนโบท็อกลดกราม กรามจะเริ่มนิ่มใน 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์เมื่อกัดกรามแล้วจะไม่เด้ง และเห็นผลกรามเล็กลงชัดเจนใน 2-3 เดือนครับ
ฉีดโบท็อก ราคา?
ฉีดโบท็อกราคาไม่แพง เริ่มต้นที่หลักพันเท่านั้นครับ มีความปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน ปัจจุบันการฉีดโบท็อก ราคา ไม่แพง และมีโปรโมชั่นโบท็อกหลากหลาย แต่ละจุดมีราคาต่างกันไป โดยจุดที่ได้รับความนิยม ได้แก่ โบท็อกลดริ้วรอย โบท็อกกรามและโบท็อกเฉพาะจุดครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเข้ามาปรึกษาคุณได้ที่ V Square Clinic ทั้ง 14 สาขา หรือสามารถปรึกษาคุณหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ คุณหมอตอบเองครับ
เอกสารอ้างอิง
1 Mark Hallett. (2015). Explanation of Timing of Botulinum Neurotoxin Effects, Onset and Duration, and Clinical Ways of Influencing Them. แหล่งข้อมูล:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4658210/?report=classic
2.Briefel RR, Bialostosky K, Kennedy-Stephenson J, McDowell MA, Ervin RB, Wright JD. (1988-1994). Zinc intake of the U.S. population: findings from the third National Health and Nutrition Examination Survey, The Journal of nutrition. 2000 May;130(5S Suppl):1367S–73S.
- นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์. (2522). พบคนไทยเสี่ยงขาดธาตุสังกะสี(zinc). แหล่งข้อมูล:https://www.gotoknow.org/posts/304343
- Flynn TC. Am J Clin Dermato. (2010). Botulinum toxin: examining duration of effect in facial aesthetic applications. แหล่งข้อมูล:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/m/pubmed/20369902/
5.Eleopra R, Tugnoli V, De Grandis D, (1997).The variability in the clinical effect induced by botulinum toxin type A: the role of muscle activity in humans. Mov Disord 12(1) 89–94.
6.Simpson L, (2013). The life history of a botulinum toxin molecule. Toxicon Jun 68:40–59.
ขอขอบคุณ
https://www.vsquareclinic.com/