หมอชี้ลดบุหรี่ ลดเสี่ยง‘มะเร็งปอด’ : รายงานพิเศษ

มะเร็งปอดถือเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อย จากสถิติทั่วโลกล่าสุดพบว่าทุกปีมีคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดปีละ 1.8 ล้านคน ในประเทศไทยมะเร็งปอดถือเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ในผู้ชาย และอันดับ 4 ในผู้หญิง

พญ.พจนา จิตตวัฒนรัตน์ แพทย์อายุรกรรมโรคมะเร็ง โรงพยาบาลวัฒโนสถ กล่าวถึง แม้ว่ามะเร็งปอดไม่ได้เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุด แต่มะเร็งปอดนั้นเป็นมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตอันดับ 1 เนื่องจากมะเร็งปอดเป็นโรคร้ายแรง และมักพบมะเร็งเมื่อเป็นระยะกระจาย

มะเร็งปอด 

พญ.พจนา จิตตวัฒนรัตน์

แม้โรคมะเร็งอื่นๆ ที่มีคนเป็นกันเยอะ เช่น มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่มะเร็งปอดเป็นแล้วเสียชีวิตได้ในอัตราที่สูงกว่ามะเร็งอื่นๆ

ดังนั้น มะเร็งปอดจึงถือเป็นโรคที่น่ากลัว โดยปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอดหลักๆ คือ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงการสูบบุหรี่มือสอง คือ ไม่ได้สูบเองแต่ได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในการเกิดมะเร็งปอด เช่น ก๊าซเรดอน (radon gas) แร่ใยหิน (asbestos) และประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด

ในช่วงก่อนมีบุหรี่นั้น โรคมะเร็งปอดถือเป็นโรคประหลาดพบได้ไม่บ่อย แต่พอหลังจากมีการสูบบุหรี่อย่างกว้างขวาง ทำให้มีโรคมะเร็งปอดเกิดขึ้นในโลกนี้อย่างมากมาย

การศึกษาต่อมาจึงพบว่าบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด

มะเร็งปอด 

ในบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะ Tar ที่ทำให้เหมือนมียางมะตอยเกาะในปอด มีการประมาณกันว่า หากไม่มีบุหรี่ มะเร็งปอดจะลดลงถึง 80-90% ทั่วโลกเลยทีเดียว

แต่ในกลุ่มชาวเอเชีย เช่น ชาวไทยนั้น มีลักษณะพิเศษของมะเร็งปอดคือ 40-60% ของมะเร็งที่เกิดในคนไทยไม่ได้มาจากการสูบบุหรี่ แต่เกิดจากความผิดปกติของ gene บางอย่างในเซลล์ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เป็นมะเร็ง

การวินิจฉัยมะเร็งปอด อาการของมะเร็ง เช่น ไอ เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ปวดตามตัวหรือกระดูก จะเห็นว่าอาการเหล่านี้ไม่จำเพาะกับมะเร็ง และพบได้บ่อยในผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้ว กว่ามะเร็งจะเกิดอาการมักเป็นระยะท้ายๆ

ดังนั้น หมอจึงแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง คือ ผู้สูบบุหรี่มากกว่า 30 pack year (คำนวณจากจำนวนซองที่สูบต่อวัน x จำนวนปีที่สูบ เช่น 2 ซองต่อวัน 15 ปี = 2×15 = 30 pack year เป็นต้น) หรือผู้ที่ เลิกสูบน้อยกว่า 15 ปี มาตรวจ Low dose CT chest (เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด) ปีละครั้งเพื่อการค้นหามะเร็งระยะแรก(lung cancer screening) ทำให้ พบมะเร็งปอดระยะแรก ซึ่งมีโอกาสรักษาหายได้มากขึ้น

ถ้าหากแพทย์ผู้รักษาสงสัยจะส่งตรวจโดยการเจาะเนื้อที่ปอดมาดูเพื่อยืนยันชิ้นเนื้อ หลังยืนยันว่าเป็นมะเร็งปอด ก็จะมีการทำ CT หรือ PET/CT ร่วมกับ MRI สมองเพื่อวินิจฉัยระยะของโรค เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

การรักษามะเร็งปอด ถ้าเป็นระยะแรกก็ใช้การผ่าตัดร่วมกับการฉายแสงและเคมีบำบัดขึ้นกับผู้ป่วย ขนาดของมะเร็งและตำแหน่งของมะเร็งหากเป็นระยะกระจายหรือที่เรียกกันว่าระยะที่ 4” นั้น จะใช้ การรักษาด้วยยา ซึ่งยาจะมีทั้งเคมีบำบัด ยาพุ่งเป้า(targeted therapy) หรือยากลุ่ม immunotherapy คือ การให้ยาเพื่อให้เม็ดเลือดขาวกลุ่ม cytotoxic T cell ไปทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีการใช้มากขึ้นในมะเร็งหลายชนิด

อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือยาพุ่งเป้า ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษามะเร็ง ผลการรักษาด้วย immunotherapy ขึ้นกับชนิดของมะเร็งและคนไข้ ซึ่งถือเป็นยาที่ใช้รักษามะเร็งปอดและเริ่มมีการใช้มาในช่วง 4-5 ปีนี้เอง

ดังนั้น จึงอยากรณรงค์มาช่วยกัน ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยง แต่หากเป็นแล้วก็อยากพบมะเร็งปอดระยะแรกเพราะมีโอกาสรักษาหายได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน