หลงรัก‘คิวชู’แบบไม่รู้ตัว ตื่นตาบ่อนรก-อบทรายร้อน

หลงรัก‘คิวชู’แบบไม่รู้ตัว“คิวชู” เกาะขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นครั้งแรกที่มาเยือน ด้วยทริป 3 วัน 3 คืน บินตรงจากสุวรรณภูมิสู่เมืองฟูกูโอกะ 1 ใน 12 จังหวัดของเกาะคิวชู

สิ่งที่เห็นคือ ศิลปะ วัฒนธรรม ความเจริญ อาหาร ความเป็นอยู่และวิถีการกิน การอยู่ แทบไม่ต่างกับญี่ปุ่นในเมืองอื่นๆ เพราะมีความเป็นระเบียบ ทั้งบ้านเมืองและคน เป็นเมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวที่คนไทย จีน เกาหลี นิยมมาท่องเที่ยวกันไม่น้อย

หลังเครื่องบินแลนดิ้งลงสู่ฟูกูโอกะ ก็นั่งรถต่อไปยังศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมันกุ (Dazaifu Tenmangu) คือ ศาลเจ้าของเทพเทนจิน (Tenjin) เทพเจ้าแห่งการเรียนของคนญี่ปุ่น

ตามตำนานระบุว่า ศาลเจ้าเทพเทนจินเป็นสถานที่ฝังศพของสึกาวาระโนะ มิจิซาเนะ ข้าราชการที่ขยัน หมั่นเพียร จนกระทั่งได้มาเป็นขุนนางระดับ 5 และได้เป็นคนสนิทของจักรพรรดิอุดะ เมื่อเสียชีวิตก็ได้นำศพมาฝังไว้บริเวณศาลเจ้านี้

ดังนั้นนักเรียน นักศึกษา ในฟูกูโอกะและจังหวัดใกล้เคียง จึงนิยมมาขอพร เพื่อให้ประสบความสำเร็จในด้านการเรียนจำนวนมาก

จากลานจอดรถถึงศาลเจ้าระยะทางประมาณ 800 เมตร ตลอดทางเดิน มีร้านขายของจำนวนมาก ทั้งของกินประเภท แป้งห่อถั่ว ถั่วห่อแป้ง และโมจิ จึงซื้อลิ้มรสก็ไม่ผิดหวังเพราะของที่นี่ใหม่สด ทุกร้าน ทำให้ลืมมื้อกลางวันไปเลย

บริเวณทางเข้าศาลเจ้าดาไซฟุ ยังสะดุดตากับร้านสตาร์บัคส์ สาขาดาไซฟุ เป็นสาขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าออกแบบสวยงามที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวจึงไม่พลาดแวะเช็กอินก่อน

จากนั้นมุ่งสู่ศาลเจ้า จะมีรูปปั้นวัวตัวเมีย ตรงหน้าศาลเจ้า ซึ่งน้องโจ ไกด์ทริปนี้ เล่าตำนานว่า วัวคือสัตว์ที่แบกร่างของมิจิซาเนะ (Michizane) หลังจากเสียชีวิต เลยเชื่อกันว่า หากลูบหัว ลูบเขา หรือ ลูบส่วนใดๆ จะทำให้สุขภาพแข็งแรง และดีต่อส่วนนั้น แม้คิวจะยาว แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว รอจนถึงคิวก็ลูบทุกส่วนตั้งแต่เขายันหาง สาธุ…เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง

เดินต่อเข้าไปอีกนิด จะเจอสะพานโค้งสองสะพานที่ข้ามบ่อน้ำไปยังศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมันกุ สะพานที่ข้ามจากอดีตไปปัจจุบัน และปัจจุบันไปยังอนาคต เมื่อเข้าไปในศาลเจ้าแล้วก็อธิษฐานเหมือนเสี่ยงเซียมซีบ้านเรา แต่ต้องหยอดเงินเพื่อแลกใบเสี่ยงทาย หากกระดาษที่หยิบได้ออกมาไม่ดีก็ไม่ต้องเอากลับบ้าน ผูกติดไว้กับเชือกข้างๆ ที่เสี่ยงทายนั่นแหละ

ส่วนไฮไลต์การเดินทางท่องเที่ยวเกาะคิวชู สิ่งที่ต้องลองคือการอบทรายร้อน เพราะเกาะคิวชูเป็นแถบที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟ ทำให้มีทรายร้อนที่มีแร่ธาตุและวิตามินมากมาย ทำให้ผิวสวย ช่วยให้ระบบภายในดีขึ้น เช่น ช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด รักษาโรคผิวหนัง โรคไขข้ออักเสบ และอาการปวดเมื่อย

ดังนั้น Beppu Beach Sand Bath ที่เมืองเบปปุ คือเป้าหมายที่จะไปอบทรายร้อน เมื่อไปถึงก็ต้องรอคิว ขณะที่รอคิว ก็แช่เท้ารอในบ่อน้ำอุ่น ชมวิวชายทะเล ไม่เกิน 10 นาทีก็ได้เวลา

การอบทรายร้อนไม่ต้องเคอะเขิน เพราะในร้านมีวิธีบอกว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร หลังจากจ่ายเงินก็รับชุดยูกาตะ และผ้าผืนน้อย แต่แนะนำควรเตรียมผ้ามาเอง ผ้าผืนน้อยแค่ไหนก็คิดเองปิดบน ไม่ถึงล่าง ปิดล่างไม่ถึงบน ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะใช้วิธีปิดที่หน้าแทน (ฮา..) เพราะการอบทรายร้อนจะใส่แค่ชุดยูกาตะ แล้วไปนอนให้พนักงานเอาทรายถมตัวเรา

หลงรัก‘คิวชู’แบบไม่รู้ตัว หลงรัก‘คิวชู’แบบไม่รู้ตัว

ระหว่างอบทรายร้อน พนักงานจะคอยถ่ายรูปให้ อยากได้รูปแบบไหน มุมซ้าย มุมขวา บอกได้เลย เพราะเขาเข้าใจว่านักท่องเที่ยวต้องอยากได้รูปไว้เป็นที่ระลึก

อบทรายร้อนไป 15-20 นาทีเหงื่อก็จะค่อยๆ ไหล ถามว่าอึดอัดไหม ก็อึดอัดเหมือนผีอำ เพราะมีทรายจำนวนมากถมทับที่ตัวเรา ถึงตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคือทำใจ และทำสมาธิ เวลาก็จะผ่านไปรวดเร็วขึ้น ครบ 15-20 นาที ค่อยๆ โกยทรายออกจากตัวแล้วไปล้างตัวที่ห้องล้างตัว ก่อนเข้าไปนั่งแช่ในบ่อออนเซน สดชื่นอย่าบอกใคร

จากบ่อทรายร้อน ขับรถประมาณ 30 นาที ก็ถึง อุมิ จิโกกุ (Umi Jigoku) อุมิ แปลว่า ทะเลสีฟ้า ส่วนจิโกกุ แปลว่า นรก หรือเรียกรวมๆ กันว่า ทะเลนรก หรือ บ่อทะเลเดือด เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สวยงามตื่นตามาก บ่อมีสีฟ้าอมเขียวเหมือนน้ำทะเลมีไอควันพวยพุ่ง

หลงรัก‘คิวชู’แบบไม่รู้ตัว

อุมิ จิโกกุ

ส่วนตัวเห็นธรรมชาติมาก็มาก แต่บ่อน้ำพุร้อนที่นี่ สุดยอดมาก สวยงาม ธรรมชาติสร้างจริงๆ ด้วยความร้อนที่มากกว่า 75 องศาจะมีไอน้ำพวยพุ่งตลอดเวลา หากเทียบกับเป็นนรกแล้ว นรกขุมนี้สวยงดงามมาก และรอบๆ บ่อยังมีอุทยานจัดแต่งสวนได้อย่างสวยสดงดงาม เหมาะกับการถ่ายรูปยิ่งนัก

ออกจากทะเลนรกมุ่งสู่ ยูฟุอิน (Yufuin) หมู่บ้านข้างทาง ที่เป็นถนนคนเดิน ณ จุดนี้ ต้องทำเวลาพอควร เพราะมีเวลาน้อย หากกินข้าวกลางวัน จะไม่มีเวลาเดินชิลชิล จึงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ เจอเนื้อย่าง ปลาหมึกย่าง โมจิ มันทอด แป้งทอด ที่ทำกันสดๆ ณ ตรงนั้น ก็ซื้อแล้วเดินกินไปเรื่อยๆ จนเจอรถสีเหลือง ซึ่งถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดถนนคนเดิน

เมื่อชมเมืองเสร็จไม่พลาดที่จะไปหาของฝาก ที่ฟูกูโอกะ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมไม่ต่างอะไรกับโตเกียว หรือโอซาก้า เพราะร้านรวง ของกินใช้ รวมถึงร้านของฝากอย่างร้านดองกิโฮเต้ หรือ ที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า ร้านดองกี้ ก็เปิดรอรับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

ตลอดระยะเวลาที่เดินซื้อของ ทางร้านจะมีประกาศเป็นภาษานานาชาติ ตั้งแต่ภาษาไทย จีน อังกฤษ หากหาของไม่เจอสามารถถามพนักงาน หรือ เอารูปให้พนักงานดู ซึ่งพนักงานของร้านนี้จะติดเครื่องมือสื่อสารไว้ทุกคน เมื่อหาของไม่เจอให้ดูรูป พนักงานจะเปิดเครื่องมือสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของร้าน หากให้เดาน่าจะเป็นส่วนแบ๊กออฟฟิศก็จะรู้ว่าสินค้าที่เราต้องการอยู่จุดไหน

ตอนซื้อแสนสนุก แต่ตอนจ่ายเงินเฉพาะขั้นตอนการคืนภาษีนักท่องเที่ยว ยืนจนแทบเป็นลมเพราะคนเยอะมาก

แต่ความสุขผ่านไปเร็วเหลือเกิน รู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักกับทริปสั้นๆ สนุก อิ่มตา อิ่มท้อง จะต้องกลับมาเยือนอีกครั้งซะแล้ว

โดย… พัทธ์ธีรา วงษ์อัศวกรณ์

คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน